"รู้เขา-รู้เรา-รู้โลก"

หยุด ๔ วัน ไปเที่ยวถึงไหนกันบ้างล่ะครับ กลับมาแล้ว ก็เล่าให้ฟังกันด้วยนะ

วันนี้ ไม่คุย แต่มีสาระให้อ่าน

เพื่อรับรู้ภาวการณ์ "สังคมโลก" ใกล้เปลี่ยนแกน!

ฉะนั้น "มองรอบ-รู้รอบ" กันไว้ จะได้ปรับตัว "หมุนตามโลก" โดยหัวไม่หมุน

วานซืน (๑๒ ต.ค.๖๕) สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติประชุมกัน ประเด็น "ประณามรัสเซีย" กรณีประธานาธิบดีปูติน ผนวก ๔ แคว้นของยูเครนเข้ากับรัสเซีย

๑๔๓ ประเทศ ในจำนวน ๑๙๓ ประเทศสมาชิก ลงมติประณาม นำโดยสหรัฐ-ยุโรป

๕ ประเทศ "รัสเซีย, เบลารุส, เกาหลีเหนือ, ซีเรีย, นิการากัว" คัดค้านการประณาม

๓๕ ประเทศ "งดออกเสียง" ในจำนวนนั้น มี "จีน, อินเดีย, แอฟริกาใต้, ปากีสถาน, ลาว, เวียดนาม และ "ไทย" รวมอยู่ด้วย

ตะวันตก "สหรัฐ-ยุโรป" นั้น ภายนอก "เสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ" แต่เนื้อใน "มีเจ้าภาพ" คอยบงการ

ส่วนตะวันออก "เอเชีย-อาเซียน" แต่ละประเทศ ต่างมี "เสรีภาพ" ตามแบบแผนวัฒนธรรม-ประเพณีของตัวเอง

และเคารพใน "อิสรภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ" ตามแบบแผนของกันและกัน โดย "ไม่มีใคร-บงการใคร"

ที่พูดนี้ จริงหรือไม่ มีหลักฐานบ่งชี้หรือไม่?

ก็อ่านจากโพสต์คุณ Wiwanda W. Vichit ต่อจากนี้ แม้โพสต์ไว้เก่า แต่อะไรที่จริง "ใหม่เสมอ"

........................
Wiwanda W. Vichit

10 ธันวาคม 2018  

โลกทั้งใบ...อยู่ในมือของคนกลุ่มเดียว!!

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนนะคะ ว่าดิฉันไม่มีเจตนาที่จะมาสร้างกระแสให้ใครเกลียดชังใคร หรือชี้เป้าว่าใครดีไม่ดี

แต่ที่จะเล่านี้ คือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สากล ที่ทุกคนหลีกเลี่ยงไม่ได้

มันเป็นวัฏจักรของ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก...คนฉลาดน้อยย่อมเป็นเหยื่อของคนที่ฉลาดกว่า

ถ้าไม่มีตระกูลนี้…ก็คงจะเป็นตระกูลอื่น

ฉะนั้น…อ่านไว้เพื่อประดับความรู้ และเผื่อจะได้ระวังระไว

มีผู้อ่านส่งคำถามมามากมายเกี่ยวกับระบบกงสีของรอธชิลด์ รวมไปถึงการแต่งงานในหมู่

ขอตอบตรงนี้นะคะ…ว่า เรื่องของเขายิ่งกว่า เลือดข้น…คนจาง

กล่าวคือ ในปี 1812 เดือนกันยายน ก่อนที่ต้นตระกูล นาย Mayer Amschel Rothschild จะถึงแก่กรรมเพียงไม่กี่วัน เขาได้เขียนพินัยกรรมชัดเจนอันเป็นเหมือนบทบัญญัติแห่งตระกูลว่า..

1.ในทุกกิจการของครอบครัว ตำแหน่งหลักจะต้องดำเนินการโดยสายเลือด.....ที่เป็นผู้ชาย ต้องไม่มีการจ้างใครให้มาทำแทน

2.การแต่งงาน ต้องแต่งในกันหมู่ญาติ เพื่อไม่ให้เงินทองรั่วไหล (ข้อนี้ได้มีการปรับเปลี่ยน เพราะหลังๆ มา ก็มาเป็นลูกผู้ดีมีตระกูล มีหน้ามีตาก็เป็นที่ยอมรับ แต่ต้องเปลี่ยนมาเป็นยิว)

3.ข้อนี้……คือ ข้อห้ามเด็ดขาด ห้ามมีการเปิดเผยถึงทรัพย์สินต่อมวลชน หรือศาล และถ้าใครฝ่าฝืน มันผู้นั้นจะถูกตัดออกจากตระกูล

4.ลูกหรือหลานสาว หากแต่งงานออกไป จะได้รับเพียงเงินปันผล ไม่มีสิทธิ์เข้ามาบริหารจัดการในธุรกิจ ถ้าใครดันทุรังเข้ามาจุ้นจ้าน มันผู้นั้นจะถูกตัดออกไป (จากกองมรดก)

ซึ่งได้ถือปฏิบัติมาอย่างเข้มแข็งจนถึงทุกวันนี้ ที่เขามี 

1.Rothschild Bank of London 2.Warburg Bank of Hamburg 3.Rothschild Bank of Berlin 4.Lehman Brothers of New York 5.Lazar Brothers of Paris

6.Kuhn Loeb Bank of New York (ตอนนี้คือ Shearson American Express) 7.Israel Moses Seif of Italy 8.Goldman, Sachs of New York 9.Warburg Bank of Amsterdam 10.Chase Manhattan Bank of New York

จาก 10 ธนาคารนี้ ได้แยกย่อยไปอีกเป็นหมื่นเป็นแสนบริษัททั่วโลก

เพราะนอกจากเงิน สิ่งที่ตามมาคือ อำนาจและบารมี อย่างเช่นสื่อ Reuters ก็เป็นของเขาเช่นกัน ซึ่งรอยเตอร์ก็เป็นเจ้าของ AP (The Associated Press) ซึ่งหมายถึงโทรทัศน์ช่องต่างๆ ก็อยู่ในกลุ่มเดียวกัน

และที่สุดของที่สุดคือ เขาควบคุม LBMA (London Bullion Market Association) คือการเป็นตัวแทนค้าทองคำ รวมไปถึงจัดทำงบดุลของการจัดทำเหรียญโรงกษาปณ์ ทองคำที่ผ่านเข้าออกใน Bank of London ประมาณหมื่นล้านดอลลาร์ต่อวัน

แต่เป็นตัวกลางซื้อมา-ขายไป พวกเขามีรายได้เป็นล้านๆ ดอลลาร์ต่ออาทิตย์

ยังไม่รวมกิจการที่เกี่ยวกับน้ำมันและเชื้อเพลิง Royal Dutch Shell อีก...

นี่แค่คร่าวๆ นะคะ เรามาถึงว่า ทำไมเขาถึงได้หากินอย่างสะดวกสบายในอังกฤษกันเสียจริง………

ตอบค่ะ เพราะผู้ที่ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการคลังและการลงทุนให้กับสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธ ที่ 2 ก็คือ Sir Evelyn de Rothschild ปัจจุบันอายุ 87 ปี

นอกจากทำหน้าที่ถวายงานเกี่ยวกับการลงทุนแล้ว ท่านเซอร์ยังเป็นเจ้าของกิจการสารพัด โดยเฉพาะเรื่องสื่อสิ่งพิมพ์ เป็นเจ้าของ The Economist, Daily Telegraph และเหล่าสิ่งพิมพ์ที่แยกย่อยลงไป

และนี่คือสาเหตุหนึ่ง ที่อยากให้ผู้อ่านจับตาไว้เลยว่า ข่าวในพระราชวังต่างๆ จะเรื่องเกาเหลาหรือไม่นั้น จะมาเขียนกันชุ่ยๆ ไม่ได้ 

ท่านเซอร์ (ผู้เป็นเจ้าของสารพัดสื่อในกำมือ) ย่อมมีหน้าที่รักษาพระเกียรติยศ นอกเสียจากว่า ใครคนนั้นทรงหมดพระเมตตา ก็อาจจะส่งให้สื่อเอาไปแทะทึ้งกันเล่นตามสบาย

อย่างที่เคยเกิดกับ ซารา ดัชเชส ออฟ ยอร์ค หรือ โซฟี เคาน์เตส ออฟ เวสเซกซ์

ส่วนในอดีต……เส้นสายโยงใยกับอเมริกานั้น ต้องย้อนไปในอดีตเมื่อครั้งอังกฤษ อเมริกา จับมือกันค้าฝิ่นเถื่อนกับจีน

อังกฤษ คือ รอธส์ชีลในนามของ บริษัท British East India Shipping ที่ได้เสนอให้หุ้นส่วนกับกลุ่มเศรษฐีอเมริกัน ใน New England

ที่มีตระกูลดังต่อไปนี้ Russell, Coolidge, Delano (ตาของ ประธานาธิบดี Franklin Delano Roosevelt ในต่อมา),

Forbes และ Perkins

กิจการของพวกเขาคือ รับฝิ่นมาจากอินเดีย ไปขายในจีน

ใหม่ๆ ก็ทำตามกฎ คือ ทีละหีบสองหีบ ต่อมาขนกันเป็นพันหีบ

พอจีนจับได้ จึงมีการยึดสินค้า และเอาโทษ

อังกฤษจึงส่งเรือพร้อมปืนใหญ่ไปถล่ม เป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน ในที่สุดจีนก็ยอมแพ้ ก็ได้มีสนธิสัญญาเทียนสิน ในปี 1858

ซึ่งคราวนี้ไม่ใช่เฉพาะการนำเข้าฝิ่นตามอำเภอใจเท่านั้น แต่จีนได้ยกท่าเรือสินค้าทั้งหมด รวมทั้งฮ่องกงให้กับอังกฤษในนามของ British East India Shipping (ของรอธส์ชีล) ดูแล

และทำมาหากินกับฝิ่นกันเอิกเกริก

พวกกลุ่มคนรวย ตระกูลนักการเมืองดังๆ เขามีเส้นทางร่วมกันมายาวนาน จัดว่าพูดจาประสาเดียวกัน อะไรๆ ก็เหมือนจะง่ายไปหมด

เรื่อง Brexit ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของกลุ่มรอธส์ชีล

เพราะว่า เป็นเหตุอุบัติแบบพลิกล็อก เพราะวันหนึ่งก่อนที่จะนับโหวต เสียงของฝ่ายที่ vote yes ยังเป็นมวยรองอยู่ไกลห่าง

แต่วันประกาศผล ปรากฏว่า ฝ่าย vote yes ชนะไปอย่างเฉียดฉิว ท่ามกลางความตื่นตะลึงของนักลงทุนทั้งหลาย

เพราะมันหมายถึงการสูญเสียอะไรมากมาย......มันมากขนาดที่ ตัวพ่ออย่าง Jacob Rothschild ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่างขัดใจว่า

 “อังกฤษสมควรที่จะอยู่เป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันกับยุโรป เพื่อวันข้างหน้าที่เราจะโตไปด้วยกัน หากแยกไปอย่างนี้ ระวังเถอะ จะพบกับความลำบากและยุ่งยากทางค่าของเงินที่อาจส่งผลกระทบกับเงินปอนด์”

เขาออกมาให้สัมภาษณ์แค่ 2 วัน คนรับลูกต่อไป คือ นายโซรอส ที่ออกมาพูดอย่างเดียวกัน เหมือนกับตอกย้ำผสมขู่

เพราะเขาเคยถล่มค่าเงินปอนด์มาแล้วในอดีต

เมื่อต้นปีนี้ เขาเสนอให้เงินสนับสนุน จำนวนสี่แสนปอนด์กับกลุ่มที่ต่อต้านการออกจากยุโรปเพื่อใช้ในการรณรงค์

เพราะอาจจะต้องมีการโหวตใหม่ เนื่องจากคราวที่แล้วยังมีข้อผิดพลาดทางกฎหมายที่ยังถกเถียงกันอยู่

ซึ่งเราจะรู้ว่า ผิดหรือไม่ผิด……ก็จะมีการพิจารณาในสภาวันสองวันนี้

รอธส์ชีลสายยุโรป…กำลังดิ้นกันเต็มที่ ใช้พละกำลังทุกอย่างที่จะยื้อให้อังกฤษอยู่ เพราะผลประโยชน์ใน EU และการผ่องถ่ายเงินที่จะไม่สะดุดด้วยกำแพงภาษี

รวมไปถึงเรื่องการสนับสนุนกลุ่มประเทศในคาบสมุทรบอลข่านที่ได้ไปลงทุนไว้

แต่มีบุรุษหนึ่ง……ที่ดิฉันอยากจะเรียกเขาว่า มหาบุรุษ....เขาคนนี้ได้ประกาศก้องหลังจากที่จ่ายเงินกู้งวดสุดท้าย (IMF) ที่รัฐบาลเก่าได้ทำไว้กับรอธส์ชีล

ว่า...ประเทศนี้ขอขับไล่…ไม่ต้อนรับเงินและกิจการของตระกูล Rothschild อีกต่อไป!!!

เขาได้เคยทำการจับกุม นาย Mikhaïl Khodorkovsky มหาเศรษฐีคนหนึ่งของรัสเซีย ที่เป็นหน้าม้าตัวแทนดึงเอากลุ่มทุน รอธส์ชีล และกลุ่มทุนอเมริกันเข้ามา เข้าคุกไปหลายปีในฐานะฟอกเงิน

ค่ะ………เขาคือ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย ที่กล้าประกาศออกสื่อว่า

 “พวกนี้ไม่ได้ครองโลก ไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้เงินทำอะไรตามที่อยากจะทำบนความเดือดร้อนของคนอื่น ถ้าเราไม่ลุกขึ้นสู้ เราก็จะเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างนี้ตลอดไป”

และต่อด้วยว่า……

 “ชนรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป จะเกิดมาโดยไม่มีโซ่รอธส์ชีลมาพันธนาการ คอ มือ เท้า……นี่คือของขวัญจากเรา”

ในหลายร้อยปีที่ผ่านมา…มีปูตินเพียงคนเดียวที่กล้าท้าทายอำนาจเงิน ที่กำลังคลุมโลก……

ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง……แต่ดิฉันขอยกให้เขาเป็นมหาบุรุษคนที่ 2 รองไปจากพระองค์ผู้ที่ให้สติปัญญาในเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง...!!

.............................

นี่คือขบวนการ "ไซออนิสต์" เจ้าของแผน "อำนาจเดียวครองโลก" CFR ขับเคลื่อนผ่านกลไกเศรษฐกิจ การเงิน การเมืองโลก

ใช้ "สหรัฐ-ยุโรป" เป็นร่างทรง!.

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หวยทิพย์' เลขที่ออก!

วันนี้ "๑๕ มกรา.๖๘" ครบกำหนดขีดเส้นใต้ด้วย "เส้นแดง" ๒ เส้น! ที่ "พล.ต.ท. นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์" นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

กาสิโน "งาบก่อนพัง"

เรื่อง "กาสิโน" มีได้! แต่ภายใต้เงื่อนไข ๒ ข้อที่ "ภาครัฐ" ต้องปฏิบัติให้เห็นผลเป็นที่ประจักษ์ก่อน

เอาซะทีเถอะน่า...กกต.!

หมาน่ะ .... จุ๊ๆ ปาก มันยังหยุด เอียงคอ ตาจ้อง หูตั้ง และฟัง แต่ที่ "นายอิทธิพร บุญประคอง" ประธาน กกต. กระแอมถึงนายทักษิณ ผู้ช่วยหาเสียง "ผู้สมัครนายก อบจ." พรรคเพื่อไทย