ถึง "วันสิ้นโลก" ในสงครามยูเครนวันนี้
พอประธานาธิบดีโจ ไบเดน พูดถึง “วันสิ้นโลก” (Armagedden) หากรัสเซียใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสงครามยูเครน และย้อนอดีตถึง “วิกฤตขีปนาวุธคิวบา” ก็ทำให้หลายคนเปรียบเทียบสถานการณ์ครั้งนั้นกับครั้งนี้
ซึ่งห่างกัน 60 ปีพอดี
เป็นจังหวะที่โลกควรจะต้องทบทวนว่าความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจกำลังจะดันให้โลกใบนี้ต้องเผชิญกับจุดแตกหักถึงขั้น “โลกาวินาศ” จริงหรือไม่
“วิกฤตขีปนาวุธคิวบา” หรือ The Cuban Missile Crisis คือการเผชิญหน้ากัน 35 วัน ช่วง 16 ตุลาคม-20 พฤศจิกายน 1962
ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ซึ่งในขณะนั้นเป็นมหาอำนาจยืนอยู่คนละขั้ว
เป็นช่วงของสงครามเย็นที่อเมริกาเป็นแกนนำของ “โลกเสรี” และสหภาพโซเวียตคือหัวหน้าใหญ่ของ “โลกคอมมิวนิสต์”
(เป็นช่วงที่เหมา เจ๋อตุง เพิ่งจะสถาปนา “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ได้ 13 ปี และกำลังก่อร่างสร้างชาติใหม่ ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของมอสโกอย่างแนบแน่น ก่อนที่จะแตกคอกันในปี 1962 อย่างเปิดเผย เพราะการตีความลัทธิ Marx-Lenin ที่ต่างกันระหว่างเหมากับครุสชอฟ)
ต้นเหตุของการเผชิญหน้าระหว่างวอชิงตันกับมอสโกมาจากที่สหรัฐฯ นำขีปนาวุธไปติดตั้งประจำการในอิตาลีและตุรกี
ทำให้สหภาพโซเวียตเต้น...เพราะเท่ากับเป็นการเอาอาวุธทำลายร้ายแรงที่สุดของโลกตะวันตกมาตั้งอยู่ใกล้บ้านของตน
มอสโกจึงจำเป็นต้องหาทางตอบโต้ เพราะต่างฝ่ายต่างก็ต้องการจะครองโลก
เป็นการต่อสู้ที่มีเดิมพันสูง เพราะสหภาพโซเวียตต้องการให้ทั้งโลกเข้าสู่ความเป็น “คอมมิวนิสต์สากล”
ขณะที่สหรัฐฯ ต้องการจะให้ทำลายอิทธิพลคอมมิวนิสต์ เพราะวอชิงตันเชื่อว่าระบอบการปกครองแบบ “ประชาธิปไตยตะวันตก” นั้นคือคำตอบสำหรับคนทั้งโลก
ก่อนหน้าจะเกิดกรณีการเผชิญหน้าระหว่างสองยักษ์นั้นหนึ่งปี เกิดเหตุการณ์อื้อฉาวที่เรียกว่า Bay of Pigs Invasion
อันเป็นความพยายามจะบุกยึดคิวบาผ่านอ่าว Bay of Pigs ซึ่งตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของคิวบา
กลุ่มนักรบที่เป็นหัวหอกการบุกครั้งนี้คือผู้ลี้ภัยชาวคิวบาที่ต่อต้านฟิเดล คาสโตร
แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่าปฏิบัติการอันอุกอาจนั้นได้รับการสนับสนุนในทางลับและกำกับโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การวางแผนและดำเนินการของสำนักงานข่าวกรองกลางแห่งชาติ หรือ CIA
ผลปรากฏว่าปฏิบัติการครั้งนั้นล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า
ทำให้เกิดความตึงเครียดในความสัมพันธ์ระหว่างคิวบา สหรัฐอเมริกา และสหภาพโซเวียต จนนำไปสู่การที่ผู้นำคิวบาขณะนั้นคือฟิเดล คาสโตร ขอให้นิกิตา ครุสชอฟ เลขาธิการคนแรกของสหภาพโซเวียต ส่งอาวุธร้ายแรงมาติดตั้งบนเกาะเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุกรานทำนองนี้ในอนาคตอีก
ครุสชอฟซึ่งรอจังหวะอยู่แล้วตอบตกลงทันที
มีการบรรลุข้อตกลงระหว่างครุสชอฟกับคาสโตรในเดือนกรกฎาคม 1962
การก่อสร้างฐานยิงขีปนาวุธชุดแรกก็เริ่มในฤดูร้อนนั้นเอง
จังหวะเดียวกันนั้นเป็นช่วงการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกากำลังดำเนินอยู่อย่างร้อนแรง
แม้จะมีข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่ามอสโกได้ติดตั้งขีปนาวุธบนเกาะคิวบา แต่ทำเนียบขาวของเคนเนดีก็ไม่ได้แสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวออกมาแต่อย่างไร
เรื่องมาแดงเมื่อเครื่องบินสอดแนม U-2 ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ รายงานเป็นการภายในให้ทำเนียบขาวได้เห็นพร้อมหลักฐานภาพถ่ายที่ชัดเจนของขีปนาวุธ R-12 ระยะกลาง (ชื่อรหัส NATO SS-4) และขีปนาวุธ R-14 ระยะกลาง (รหัส NATO SS-5) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสนับสนุนการใช้ขีปนาวุธที่พุ่งเป้ามาที่แผ่นดินใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
ทันทีที่รายงานนี้ถึงประธานาธิบดีเคนเนดี ก็มีคำสั่งประกาศแต่งตั้งคณะทำงานฉุกเฉินพิเศษ
โดยตั้งสมาชิก 9 คนของสภาความมั่นคงแห่งชาติและที่ปรึกษาสำคัญอีก 5 คนเป็น War Room เพื่อสกัดการรุกคืบของสหภาพโซเวียตบนเกาะคิวบา
วอร์รูมแห่งนี้เป็นที่รู้จักในนามคณะกรรมการบริหารของสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ EXCOMM
แรกเริ่ม เคนเนดีได้รับข้อเสนอให้โจมตีคิวบาทางอากาศตามด้วยการยกพลขึ้นบก
เป้าหมายคือการเข้ายึดทำลายคลังแสงขีปนาวุธของสหภาพโซเวียตหลังการบุกคิวบา
เคนเนดีหวั่นว่าหากใช้วิธีการยกพลขึ้นบกอย่างโจ๋งครึ่ม อาจจะเป็นการยั่วยุให้เกิดการปะทะใหญ่ที่กลายเป็นสงครามระดับรุนแรง
หลังจากการถกแถลงกันอย่างกว้างขวางและร้อนแรงในที่ประชุมของ EXCOMM ก็ตกลงจะใช้ยุทธศาสตร์ “จากเบาไปหาหนัก”
เคนเนดีเลือกที่จะเริ่มด้วยการหยุดยั้งเรือรบของสหภาพโซเวียตที่กำลังมุ่งหน้าไปเกาะคิวบา
นั่นคือการส่งหน่วยรบทางทะเลของสหรัฐฯ ไปหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของเรือสหภาพโซเวียตที่สงสัยว่ากำลังขนอุปกรณ์ขีปนาวุธไปขึ้นเกาะคิวบา
แต่การสกัดกั้นอย่างนั้นย่อมหมายถึงการท้าทายทั้งมอสโก และมีประเด็นด้านกฎหมายกับสภาคองเกรสของอเมริกาเอง
วันที่ 22 ตุลาคม 1962 EXCOMM ที่มีเคนเนดีนั่งหัวโต๊ะ จึงตัดสินใจให้กองทัพเรือสหรัฐฯ ดำเนินการ Quanrantine หรือ "กักกัน" เรือรัสเซียทุกลำที่เข้าข่ายน่าสงสัยรอบๆ น่านน้ำคิวบา
ที่ใช้คำว่า Quarantine นั้นก็เพื่อหลีกเลี่ยงคำที่ใช้ในการปฏิบัติการทางทหารคือ “ปิดล้อม” หรือ Blockade แทน
เพราะหากใช้ Blockade ก็จะเข้าข่าย “สงคราม” ตามนิยามทางกฎหมายของสหรัฐฯ
เคนเนดีต้องการหลีกเลี่ยงการที่จะต้องขออนุมัติสภาคองเกรสเพื่อ “ประกาศสงคราม” ซึ่งจะเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก
เขาตัดสินใจใช้ยุทธวิธีกดดันสหภาพโซเวียตมากกว่าที่จะประกาศทำศึกในจังหวะที่ละเอียดอ่อนและเปราะบางขณะนั้น
เพราะพลาดนิดเดียวหรือหากทั้งสองฝ่ายประเมินสถานการณ์ผิด ก็อาจะนำไปสู่ “สงครามโลกครั้งที่ 3” ที่ต่างฝ่ายต่างใช้อาวุธนิวเคลียร์
จินตนาการไม่ออกว่าความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของทั้งโลกจะเป็นเช่นไรหากเคนเนดีตัดสินใจ “ลุย” สหภาพโซเวียตในวันนั้น
ในการประกาศของเคนเนดีที่ออกทีวีอย่างเปิดเผยนั้น สหรัฐฯ ประกาศว่าจะไม่อนุญาตให้มีการส่งอาวุธร้ายแรงไปยังคิวบา
และตั้งเงื่อนไขว่ามอสโกต้องรื้อถอนอาวุธที่ติดตั้งบนเกาะคิวบาแล้วส่งกลับไปยังสหภาพโซเวียตเสีย
โลกตกอยู่ในความตึงเครียดอย่างหนัก
การเจรจาลับหลังของตัวแทนทั้งสองยักษ์ใหญ่ใช้เวลาหลายวันและต่อรองกันอย่างเข้มข้น
จนท้ายที่สุด เคนเนดีและครุสชอฟก็บรรลุข้อตกลง
โดยมอสโกยอมรื้อถอนอาวุธร้ายแรงในคิวบา ส่งกลับไปยังสหภาพโซเวียตภายใต้การตรวจสอบขององค์การสหประชาชาติ
แลกกับการประกาศและข้อตกลงที่เปิดเผยต่อสาธารณะว่าสหรัฐฯ จะไม่รุกรานคิวบาอีก
และวอชิงตันยังยอมตกลงกับโซเวียตอย่างลับๆ ว่าจะรื้อถอนระบบขีปนาวุธทั้งหมดที่ส่งไปยังตุรกี
เมื่อสหภาพโซเวียตถอนขีปนาวุธโจมตีทั้งหมดและเครื่องบินทิ้งระเบิดเบา Ilyushin Il-28 ออกจากคิวบา การปิดล้อมสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 1962
แต่สถานการณ์สู้รบในสงครามยูเครนวันนี้มีความแตกต่างกันหลายมิติกับเหตุการณ์วิกฤตคิวบาครั้งนั้น
ทั้งสองฝ่ายก็คงกำลังพยายามสรุปบทเรียนจาก 60 ปีก่อนมาใช้วันนี้
เพื่อหลีกเลี่ยง Armageddon ให้จงได้!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ