เข้าพรรษาเมื่อหน้าหนาว

    กรมอุตุนิยมวิทยาของอาร์เจนตินาประกาศให้วันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมาเป็นวันเริ่มต้นการเข้าสู่ฤดูหนาวของปีนี้อย่างเป็นทางการ และให้นับไปอีก 3 เดือน แม้ว่าก่อนหน้านั้น 1 เดือนเต็มๆ อุณหภูมิก็ลดลงสู่ระดับเลขตัวเดียวมาตลอดอยู่แล้ว

    วัดหลวงอาร์เจนตินาตั้งอยู่บนถนนเม็กซิโก เมืองจาโกมุส จังหวัดบัวโนสไอเรส เป็นวัดไทยแต่อุปถัมภ์บำรุงโดยคนลาวที่อพยพลี้ภัยมาอยู่อาร์เจนตินาตั้งแต่ พ.ศ.2522 วัดมีลักษณะเหมือนบ้านคน แต่เพดานสูงกว่าบ้านคนทั่วไป เป็นอาคารหลังเดียว มีห้องโถงอเนกประสงค์

สำหรับทำกิจกรรมทุกอย่าง แท่นประดิษฐานพระประธานและพระพุทธรูปอีกหลายองค์อยู่ฝั่งหนึ่ง ยกสูงขึ้นจากพื้นประมาณ 1 เมตร พระสงฆ์นั่งสวดมนต์บนแท่นนี้ มีโต๊ะฉันเพลวางติดหน้าต่างบานหนึ่ง โต๊ะฉันเพลนี้สามารถปรับไปเป็นโต๊ะสำหรับตักบาตรและสำหรับวางอะไรต่อมิอะไร ฝั่งตรงข้ามกับพระพุทธรูปคือเตาผิงให้ความอบอุ่นยามหน้าหนาว เป็นเตาผิงที่ใช้ฟืน ต่อท่อปล่อยควันออกนอกตัวอาคาร

    ห้องโถงจุคนได้ประมาณ 100 คน แต่มีข้าวของหลายอย่างวางอยู่ ทำให้จุได้เต็มที่ราว 70 คน มีเก้าอี้พลาสติกหลายสิบตัววางซ้อนกัน แคร่ไม้กระดาน 3 ตัวสำหรับญาติโยมไว้นั่งสวดมนต์และกินข้าว รวมถึงทำงานบางอย่าง เช่น ทำขนม ทำแหนมขายคนลาวด้วยกันหาเงินเข้าวัด ทำกระทงขายในวันลอยกระทง ซึ่งจะลอยกันในบึงหรือลากูนาของเมืองจาโกมุส เป็นงานใหญ่ประจำปี คนไทยจากกรุงบัวโนสไอเรสหลายคนมาร่วมงานนี้ด้วย

    ห้องหรือกุฏิพระมี 4 ห้อง โดยห้องใหญ่อยู่ด้านหลังพระพุทธรูป มีพระจำวัด 1 รูป อีก 3 ห้องตั้งเรียงกันอยู่ถัดจากห้องน้ำสำหรับพระ มีพระจำวัด 1 ห้อง ผมนอน 1 ห้อง อีกห้องไว้เก็บของ ห้องน้ำสำหรับญาติโยมอยู่ด้านหลังอาคาร ติดกับกำแพงรั้ววัด ตัวผนังอาคารทั้งด้านนอกด้านในเผยให้เห็นอิฐสีแดง ยังไม่มีการฉาบปูน (ช่วงที่ผมอยู่มีโยมจากสหรัฐถวายปัจจัยมาให้ฉาบปูนด้านใน) พื้นบางส่วนปูกระเบื้อง บางส่วนเป็นปูน ไม่ราบเสมอกัน

    ด้านหน้าอาคารเป็นสนามหญ้า ปลูกดอกไม้และผักบางชนิด วัดมีรั้วรอบขอบชิด แต่ช่วงที่ไม่มีพระจำวัด เคยมีโจรปีนรั้วแล้วงัดหน้าต่างห้องหนึ่งเข้ามาขโมยของด้านใน เคยเข้ามา 2 ครั้ง เอาไปกระทั่งบาตรพระ บัดนี้ถ้ายังใจกล้าบุกเข้ามาใหม่ก็ต้องมีเครื่องมือตัดเหล็กดัดมาด้วย และคงต้องรอให้พระมหาดำรงค์ อังคะ และพระเมษา แสงอรุณ พระธรรมทูตสายต่างประเทศที่จำพรรษาปีนี้ ออกพรรษาและเดินทางกลับเมืองไทยเสียก่อน

    ช่วงหน้าหนาวที่เมืองจาโกมุส อากาศมีความชื้นสัมพัทธ์สูงเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งความชื้นสูงจะทำให้อากาศร้อนยิ่งร้อน อากาศหนาวยิ่งหนาว แถมลมที่นี่บางวันแรงถึง 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และภูมิภาคนี้ของอาร์เจนตินาเป็นพื้นราบทุ่งหญ้าปัมปัส ลมที่พัดมาไม่มีอะไรกั้นขวาง บางเช้าและบางคืนที่ผมเดินฝ่าลมหนาว รู้สึกราวกับว่าถูกลมกรีดผิวผ่าเนื้อแล้วเข้าไปกัดกระดูก

    เย็นวันไหนที่ต้องเดินเข้าเมืองไปซื้อของ ผมต้องใส่ถุงเท้า 2 ชั้น รองเท้าผ้าใบ (ที่ดูจะบางเกินไป) ลองจอน กางเกงหนาๆ หรือยีนส์ เสื้อยืด 2 ตัว เสื้อแขนยาวเนื้อหนา 1 ตัว แจ็กเกตหนาแบบมีฮูดอีก 1 ตัว ผ้าพันคอ และถุงมือ ถ้าลืมถุงมือก็เอามือล้วงกระเป๋าไปตลอดทางไป-กลับ 6 กิโลเมตร

    นานวันเข้านิ้วเท้ามีอาการที่เรียกว่า “ฟรอสต์ไบต์” คล้ายเลือดคั่ง ช้ำๆ แดงๆ เกือบครบทุกนิ้ว ส่วนนิ้วมือก็ปวดที่ข้อนิ้วจนถึงตอนนี้ มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งนิ้วมือคดไป 2 นิ้วเพราะอากาศหนาวจัด แกว่าช่วงแรกๆ ที่มาอยู่อาร์เจนตินา ผู้อพยพหลายคนเข้าไม่ถึงน้ำอุ่น บางบ้านเพิ่งจะมีน้ำอุ่นใช้เมื่อราวสิบปีก่อนนี้เอง

    ซีกโลกใต้ ฤดูกาลจะกลับหัวกลับหางกับซีกโลกเหนือ พุทธศาสนิกชนในโลกนี้ส่วนใหญ่ อาจจะเกินร้อยละ 90 อาศัยอยู่ทางซีกโลกเหนือ เช่นเดียวกับจำนวนวัดพุทธ ขณะที่ซีกโลกเหนือฝนตก พายุพัดโหมกระหน่ำเข้าใส่ ประสบภัยธรรมชาติ ดินแดนซีกโลกใต้กำลังอยู่ในช่วงฤดูหนาว

    เข้าพรรษาปีนี้ อากาศยิ่งหนาว บางเช้ามีแผ่นน้ำแข็งห่มคลุมพื้นหญ้าขาวโพลนสุดลูกหูลูกตา เท่ากับว่าการเข้าพรรษาของพระสงฆ์ในช่วงเดือน 8 ถึงเดือน 11 นั้นไม่ว่าจะอยู่ซีกโลกเหนือ โดยเฉพาะบ้านเราที่ตรงกับหน้าฝน และซีกโลกใต้ที่ตรงกับหน้าหนาว ก็ดูจะมีเหตุผลรองรับที่ดีพอกัน

     สำหรับหน้าหนาวในบางพื้นที่ของซีกโลกใต้นั้น พระสงฆ์ไม่ควรออกจากวัดจริงๆ ไม่ใช่เพราะจะไปเหยียบย่ำต้นกล้านาข้าวของชาวบ้าน แต่เพราะการแต่งกายของสงฆ์นั้นดูจะมีข้อจำกัด อาจทำให้หนาวสั่น เกิดอาการอาพาธหนักเอาได้ง่ายๆ

    กำหนดเข้าพรรษาของวัดหลวงอาร์เจนตินาในส่วนของพระสงฆ์ถือปฏิบัติตรงตามปฏิทิน แรม 1 ค่ำ เดือน 8 คือวันที่ 14 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันพฤหัสบดี ในส่วนของญาติโยมจะต้องรอให้ถึงวันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม ที่เป็นเช่นนี้เพราะวันอาทิตย์คือวันหยุด ทุกคนสะดวกพร้อมกันมากที่สุด หลักปฏิบัตินี้ใช้กับวันพระด้วย ไม่ว่าวันพระ 8 ค่ำ 15 ค่ำ จะตรงกับวันไหนไม่ต้องคำนึง ชาวลาวในอาร์เจนตินาจะไปวัดวันอาทิตย์

    ในวันพระนั้น ญาติโยมไม่เฉพาะพ่อออก-แม่ออก (ภาษาลาวแปลว่าชายและหญิงที่อุปถัมภ์บำรุงพระเณร) ชาวลาววัยกลางคน หนุ่มสาว วัยรุ่น และแม้แต่เด็กๆ ก็จะเข้าวัด นอกจากคนเมืองจาโกมุสแล้วก็ยังมีจากเมืองรันโจที่อยู่ห่างออกไป 30 กิโลเมตรติดรถกันมาทำบุญ

    ญาติโยมจะเข้าวัดตั้งแต่ประมาณ 10 โมง หรือเช้ากว่านั้น บางวันผมล้างจาน ล้างถ้วยกาแฟยังไม่เสร็จพ่อออก-แม่ออกก็ถือตะกร้าเข้ามากันแล้ว แต่งตัวเหมือนไปวัดสมัยอยู่ลาว มาถึงเข้าครัวซึ่งชาวลาวจำนวนหนึ่งช่วยกันออกเงินสร้างครัวขึ้นมาเอง จัดกับข้าวลงจานชาม

    จากนั้นจัดโต๊ะสำหรับตักบาตร วางบาตรพระ ขันใบใหญ่ ถุงใบใหญ่ ตอนตักบาตรก็แค่เดินเอาข้าวเจ้านึ่งไปวางในบาตร ผลไม้และขนมวางในขันและในถุง ตักบาตรเสร็จก็ยกโต๊ะเดียวกันไปจัดเป็นโต๊ะฉัน หากเป็นวันพระในช่วงเข้าพรรษา มีญาติโยมเข้าวัดเยอะ พระท่านจะฉันอยู่บนแท่นประดิษฐานพระพุทธรูป ญาติโยมนั่งไหว้พระและรับพรบนแคร่และเก้าอี้พลาสติก

    เมื่อพระฉันเสร็จ ญาติโยมสวด “เสสัง มังคะลัง ยาจามิฯ” ขอข้าวจากพระสงฆ์ พอพระสงฆ์บอกว่าอนุญาตก็นำไปล้อมวงกินด้วยกัน บางวัน 2 วง บางวัน 3 วง ช่วงที่อากาศยังไม่หนาวจนเกินไปและมีแดดออก ก็กินที่โต๊ะยาวด้านนอกอาคาร แต่พอถึงวันที่อากาศหนาวมากๆ และลมพัดแรงก็กินในอาคาร

    แต่ละคนมีกระติ๊บข้าวเหนียวของตัวเอง ญาติพี่น้องที่เดินทางไปเยี่ยมบ้านที่ลาวซื้อกลับมาฝาก แต่ในอาร์เจนตินาไม่สามารถหาข้าวเหนียวได้ คนลาวใช้วิธีนึ่งข้าวเจ้าให้ออกเหนียวๆ หนึบๆ สำหรับปั้นเป็นก้อนจกกินกับกับข้าวเหมือนเมื่อครั้งอยู่ที่ลาว 40 กว่าปีก่อน เด็กๆ รุ่นหลังก็ปั้นข้าวเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องใช้ช้อน ยกเว้นตอนซดน้ำแกง

    กับข้าวส่วนใหญ่เป็นอาหารลาว เช่น แกงหน่อไม้ แกงอ่อม แกงจืด ปลาน้ำจืดทอด ส้มหมู ลาบ ก้อย ป่นปลา ป่นไข่ แจ่ว ผักลวก คนลาวปลูกผักเองหลังบ้าน ส่วนปลาก็ได้จากบึงจาโกมุส ส้มตำไม่มีเพราะมะละกอปลูกไม่ขึ้น อาหารอาร์เจนตินามีแซมอยู่บ้าง อาทิ มีลาเนซา เนื้อไก่แล่เป็นแผ่นชุบแป้งทอด (คล้ายชนิทเซิลของเยอรมนี) เนื้อวัวอาซาโด (เนื้อย่างแบบอาร์เจนตินา) นานๆ ทีถึงจะมีโลโคร สตูเนื้อสำหรับหน้าหนาว

    กินกันไปคุยกันไป การไปวัดวันอาทิตย์จึงมีข้อดีคือมีคนเข้าวัดพร้อมกันจำนวนมากเป็นพิเศษ นอกจากได้ทำบุญ สวดมนต์ ฟังธรรมแล้ว ก็ยังได้สนทนาถามไถ่ทุกข์สุขกันด้วย หัวข้อที่คุยกันหลายครั้ง ผมจะได้ยินเรื่องราวเมื่อครั้งกระโน้น ตอนยังอยู่ที่ลาว ตอนอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยทางภาคอีสานของไทย และตอนมาถึงอาร์เจนตินาใหม่ๆ

    วันอาสาฬหบูชาของที่นี่ไม่มีพิธีและการเวียนเทียน คงเพราะพื้นที่วัดไม่เอื้ออำนวย ส่วนวันเข้าพรรษาปีนี้มีญาติโยมผู้หญิงจำนวน 16 คน มาเข้าวัดก่อนวันงาน 1 วัน มีแม่ออก 2 คนเดินทางไกลมาจากเมือง “โรฆาส” ซึ่งอยู่ห่างไปเกือบ 400 กิโลเมตร ทั้งหมดแต่งชุดขาวและขอบวชถือศีล 8 กับพระสงฆ์ จากนั้นก็สวดมนต์ ทำสมาธิ งดมื้อเย็น นอนที่นอนบางๆ รุ่งเช้าของอีกวันพระสงฆ์จึงสึกให้

    ห้องน้ำสำหรับญาติโยมนั้นอยู่ด้านนอกอาคาร กลางคืนยิ่งหนาว น้ำอุ่นไม่มี ส่วนห้องน้ำสำหรับพระ ซึ่งผมถือวิสาสะใช้ด้วยนั้นมีถังต้มน้ำร้อนสำหรับเปลี่ยนน้ำเย็นเป็นน้ำอุ่น ห้องน้ำและเครื่องทำน้ำอุ่นนี้ญาติโยมชาวลาวออกเงินร่วมกันซื้อและสร้าง

    ผมถามแม่ออกท่านหนึ่งว่า นอนกันแบบนี้ไม่หนาวหรืออย่างไร เพราะผมเองมีห้องหับให้นอนพร้อมแมวอ้วนอีก 1 ตัว และพัดลมอุ่นตัวเล็กๆ พอคลายหนาวได้ แม่ออกตอบว่า คนอยู่กันเยอะๆ และนอนเบียดๆ กัน ไม่หนาวเท่าไหร่ ปีก่อนๆ แย่กว่านี้ เพราะไม่มีหลังคา มีเพียงผ้าใบห่มไว้กันน้ำค้างเท่านั้น

    ตอนที่คนลาวเจ้าของบ้านซึ่งย้ายไปอยู่สหรัฐอเมริกาถวายบ้านและที่ดินให้กับเจ้าอาวาสวัดนาคปรก และท่านส่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสมาดูแลรับผิดชอบในฐานะเจ้าอาวาสวัดหลวงอาร์เจนตินา ท่านสั่งให้ทุบหลังคาออก เหลือไว้แต่ส่วนที่เป็นห้องของท่านและส่วนประดิษฐานพระพุทธรูป กว่าจะมีหลังคาสังกะสีมุงก็เมื่อ 2 ปีก่อนนี้เอง เงินค่าสังกะสี ค่าเพดานไม้ และค่าก่อสร้างได้มาจากการขายกระเบื้องที่ซื้อมาเตรียมมุงก่อนหน้านั้น รวมถึงเงินที่ได้จากการทำขนมขาย และเงินทำบุญจากพ่อออก-แม่ออก

    วันที่ 17 กรกฎาคม ญาติโยมมากันจนแน่นวัด ไม่แพ้งานวันวิสาขบูชาก่อนหน้านี้ นับได้กว่า 60 คน ถือว่าเป็นจำนวนที่มาก เพราะคนลาวในย่านใกล้เคียงมีรวมกันประมาณ 50 ครอบครัวเท่านั้น

    พระคุณเจ้าขึ้นธรรมาสน์แสดงธรรมเทศนาเสร็จ ญาติโยมถวายผ้าอาบน้ำฝน ชุดสังฆทาน เทียนพรรษา พุ่มธนบัตร ปัจจัยบรรจุซอง ที่ถวายวิตามิน ยาบำรุง ยาแก้หวัดก็มี

    ถึงบทพาหุงมหากาแล้วญาติโยมก็เริ่มใส่บาตร จากนั้นถวายเพล พระฉันเสร็จก็ถึงคิวญาติโยม วันนี้สภาพอากาศแย่จนไม่สามารถออกไปกินข้าวด้านนอกอาคารได้

    ในระหว่างพรรษา ญาติโยมที่เป็นผู้หญิงทั้งรุ่นคุณยาย รุ่นคุณแม่ วัยรุ่นและเด็ก ยังมาบวชถือศีล 8 กันอยู่ทุกคืนวันเสาร์ มากบ้างน้อยบ้าง แม่ออกจากโรฆาสยังคงดั้นด้นมาในบางครั้ง และวันอาทิตย์ก็จะมีญาติโยมเข้าวัดทำบุญมากกว่าก่อนเข้าพรรษา ส่วนในวันอื่นๆ ของสัปดาห์พ่อออก-แม่ออกวันละ 5-10 คนมาถวายเพลตามปกติ

    เป็นเรื่องไม่ธรรมดา ชาวลาวอพยพลี้ภัยจากคอมมิวนิสต์มาอยู่ในอาร์เจนตินาตั้งแต่ พ.ศ.2522 กว่าจะมี “วัดรัตนรังสิยาราม (แก้วสว่าง)” วัดลาวเมืองโปซาดัส วัดพุทธเถรวาทแห่งแรกในอาร์เจนตินาก็เมื่อถึง พ.ศ.2540 เข้าไปแล้ว ระยะเวลา 18 ปี พวกเขารักษาศรัทธาความเป็นพุทธศาสนิกชนไว้ได้ ไม่ปันใจไปหาศาสนาอื่น แถมยังคงไม่ลืมรูปแบบการปฏิบัติในเรื่องพิธีกรรม วัดลาวเมืองโปซาดัสนั้นอยู่ห่างออกไปตั้ง 1,100 กิโลเมตร ส่วนวัดหลวงอาร์เจนตินาแห่งนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อ 13 ปีก่อน

    กว่าผมจะได้เขียนถึงวันเข้าพรรษา พรุ่งนี้ก็ออกพรรษาแล้วครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อริยสัจ 4...หลักการดีที่ควรใช้

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้คนนับถือศาสนาพุทธมากกว่า 92% และในคำสอนของศาสนาพุธก็มีอริยสัจ 4 เป็นหลักที่ใช้ในการแก้ปัญหาที่ยุ่งเหยิงไปสู่ความสงบ

โชคดี...ที่ตายก่อน!!!

เห็นข่าวคราวว่าด้วย หลานสาว ชาวไทยรายหนึ่ง...ซึ่งน่าจะเป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่ได้โดดเด่น โด่งดัง ใดๆ มาก่อนเลย แต่เมื่อเธอโพสต์คลิปวิดีโอ โดยตัวเธอเองนั่ง

ปรับฮวงจุ้ยหรือ?

ไม่รู้จะเป็นเรื่องฮวงจุ้ยหรือกลัวฟ้า กลัวฝน กลัวไฟจะชอร์ตกันแน่ เพราะตั้งแต่ ผบ.ต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล แม่ทัพใหญ่สีกากี กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่

หรือจะรอให้ประเทศไทยเป็นรัฐล้มเหลว

สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเรามีอาการน่าเป็นห่วง เพราะคนรักชาติที่มีอยู่มากกว่าคนชังชาติทำอะไรไม่ได้ กลายเป็นคนหมู่มากที่นิ่งเฉย (Passive Majority) ทำได้อย่างมากก็คือ

อนุสติจากไดโนเสาร์ตัวสุดท้าย!!!

อย่างที่ว่าไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั่นแหละว่า...โดยความเป็นไปของ กฎเกณฑ์ธรรมชาติ หรือจะเรียกว่า กฎวิทยาศาสตร์ ไปจนถึง กฎของพระผู้เป็นเจ้า