การประชุมสุดยอดผู้นำโลกใน 3 เวทีของประเทศอาเซียนในเดือนหน้านี้ หนีไม่พ้นว่าจะต้องสะท้อนถึงความตึงเครียดและความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างมหาอำนาจในขณะนี้
คุณดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีต่างประเทศ บอกนักข่าววันก่อนว่า บางประเทศไม่อยากให้บอกว่าผู้นำของเขาจะมาร่วมประชุมสุดยอด APEC ที่กรุงเทพฯ หรือไม่
เหตุเพราะกลัวความไม่ปลอดภัย และ “ไม่อยากให้รู้กันมากนัก”
นั่นอาจจะเกี่ยวกับความกังวลเรื่องมาตรการความปลอดภัยส่วนตัวของผู้นำ
หรืออาจจะเป็นเพราะยังกำลังประเมินว่าผู้นำของประเทศที่เป็นคู่กรณีจะมาร่วมประชุมหรือไม่อย่างไร
แต่ค่อนข้างจะแน่ชัดว่า แม้ในเวทีประชุมคู่ขนานของเอกชนว่าด้วย APEC ก็เริ่มจะเห็นเค้าลางของความขัดแย้งพอสมควรแล้ว
เวทีนั้นคือ ABAC หรือ APEC Business Advisory Council หรือสภาที่ปรึกษาธุรกิจเอเปก
ซึ่งเป็นการร่วมตัวของผู้นำฝ่ายเอกชนชั้นนำของ 21 เขตเศรษฐกิจ
โดยที่ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยของเราคือ คุณเกรียงไกร เธียรนุกูล เป็นประธาน เพราะความเป็นเจ้าภาพของไทยเรา
มีการประชุมมาแล้ว 3 ครั้ง ที่สิงคโปร์, แคนาดา และเวียดนาม
ก่อนที่จะประชุมครั้งสุดท้ายที่กรุงเทพฯ เพื่อสรุปประเด็นที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดของผู้นำประเทศว่าด้วยการแก้ไขวิกฤตของโลกด้านเศรษฐกิจ, ความยั่งยืน, ความเหลื่อมล้ำ, และการตั้งกลุ่มใหม่เพื่อการประสานงานด้านเขตการค้าเสรี
ชื่อกลุ่มใหม่ที่ถูกเสนอขึ้นคือ FTAAP (Free Trade Area, Asia Pacific) เพื่อผลักดันให้เกิดความร่วมมือเรื่องการค้าเสรีในมวลหมู่สมาชิกของเอเปกเป็นสำคัญ
ข้อเสนอของ ABAC มีรายละเอียดที่น่าสนใจทั้งที่เป็นปัญหาวิกฤตปัจจุบันอันเกิดจากสงครามยูเครน เช่น พลังงาน, logistics, ความมั่นคงทางอาหาร และความเหลื่อมล้ำที่ทำให้คนรวยรวยขึ้น แต่คนจนจะจนลงอย่างน่ากลัว
บรรยากาศในการประชุมที่ผ่านมานั้น คนที่เข้าร่วมสังเกตการณ์เล่าให้ฟังว่าความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจและพันธมิตรของตนเริ่มจะมีเค้าลางชัดขึ้น
ทั้งๆ ที่ในอดีตนั้น เวทีเอเปกจะหลีกเลี่ยงประเด็นความขัดแย้งเรื่องการเมืองและความมั่นคง
แต่การเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มด้านตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ และกลุ่มที่นำโดยจีนและรัสเซีย ทำให้มีบรรยากาศความขัดแย้งที่ชัดเจนขึ้น
เช่น กลุ่มที่นำโดยตะวันตกจะกล่าวหารัสเซียที่ก่อสงครามยูเครนว่าเป็นผู้ทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อและวิกฤตเศรษฐกิจ
ทำให้ตัวแทนจากรัสเซียในที่ประชุมต้องแย้งว่า ขอให้แยกการเมืองออกจากเรื่องการเมืองและความมั่นคง
ส่วนตัวแทนจีนก็ยืนยันว่าจะต้องไม่ให้ตะวันตกมาก้าวก่ายแทรกแซงเรื่องของเอเชีย-แปซิฟิก
ตัวแทนจีนจะไม่ยอมให้ใช้คำว่า Indo-Pacific ที่สหรัฐฯ เป็นผู้ริเริ่มใช้
โดยจีนเน้นว่าประเทศในภูมิภาคนี้ต้องยืนยันว่ากิจกรรมของ Asia-Pacific จะต้องไม่ถูกตะวันตกมาแทรกแซง
แม้แต่ถ้อยคำที่จะใช้ก็มีการถกแถลงกันอย่างกว้างขวาง
หลายประเทศไม่ต้องการให้ใช้คำว่า conflict หรือ tension
อันหมายถึง “ความขัดแย้ง” หรือ “ความตึงเครียด”
ยิ่งคำว่า Geopolitical conflict หรือ “ความขัดแย้งในแง่ภูมิรัฐศาสตร์” ยิ่งได้รับการคัดค้านจากฝ่ายจีน
อีกเวทีหนึ่งคือการประชุมสุดยอดผู้นำ ASEAN ที่จะจัดขึ้นระหว่าง 13-14 พฤศจิกายนที่กัมพูชา ในฐานะประธานหมุนเวียนนั้น ก็มีประเด็นการเมืองของพม่าเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว
กัมพูชา ในฐานะประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ประจำปีนี้ เผยแพร่แถลงการณ์ระบุว่า ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาจะไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน
เหตุผลเป็นเพราะไม่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมตามฉันทามติ 5 ข้อที่มีการตกลงไว้กับรัฐบาลทหารเมียนมา
แต่กัมพูชาบอกว่าจะยังคงเปิดกว้างให้รัฐบาลทหารเมียนมาเสนอชื่อ “ผู้แทนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเมือง” เข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนแทน
ชัดเจนว่านี้คือประเด็นการเมืองระหว่างประเทศที่มีผลต่อรูปแบบของการประชุมสุดยอด
นี่เป็นอีกครั้งที่รัฐบาลทหารเมียนมา ถูกปฏิเสธจากเวทีระดับนานาชาติหลังจากที่กองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนในเดือนกุมภาพันธ์ 2564
หากจำได้ ในเดือนตุลาคม ปีเดียวกันนั้น ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่บรูไน เจ้าภาพการประชุมไม่ยอมเชิญนายพลมิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาเข้าร่วม
ต่อมาในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่จัดขึ้นในกรุงพนมเปญเมื่อเดือนกุมภาพันธ์และสิงหาคม ก็แสดงการคว่ำบาตรด้วยการไม่เชิญรัฐมนตรีเมียนมาเข้าร่วมเช่นกัน
ดังนั้น การประชุมระดับผู้นำในทั้ง 3 เวที เจ้าภาพก็คงจะต้องเตรียมตัวบริหารความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการแสดงจุดยืนของกลุ่มก้อนที่กำลังมีปัญหาระหว่างกันอย่างโจ่งแจ้ง
ผมจะไม่แปลกใจหากมีการแสดงความไม่พอใจของตัวแทนบางประเทศที่จะ “เดินออกนอกห้องประชุม” หรือ Walk-out เพื่อประท้วงการแสดงออกของกลุ่มประเทศอีกด้านหนึ่งแน่นอน
น่าจับตาว่าตัวแทนของอินเดียจะแสดงท่าทีอย่างไรในการประชุมทั้ง 3 เวที
เพราะอินเดียได้แสดงออกถึงการทูตแบบ “ไม่เข้าข้างฝ่ายใด” และเรียกร้องให้คู่กรณีหันมายุติปัญหาด้วยการเจรจาเสีย
ล่าสุด ผู้นำอินเดียโทรศัพท์คุยผู้นำยูเครน โดย 'โมดี' ย้ำกำลังทหารแก้ปัญหาไม่ได้ และย้ำว่าอินเดียพร้อมเดินหน้าช่วยสร้างสันติภาพในยูเครน
และ 'เซเลนสกี' แสดงความขอบคุณอินเดียที่สนับสนุนอธิปไตยในยูเครน
และเชิญผู้นำอินเดียเยือนยูเครน
และต้องจับตาว่าในที่ประชุมแต่ละเวทีนั้น จะมีประเทศใดแสดงความเห็นต่อท่าทีของอินเดียที่ซื้อพลังงานราคาถูกจากรัสเซียหรือไม่
สำนักนายกรัฐมนตรีอินเดียออกแถลงการณ์ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ได้ยกหูถึงโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าโมดีได้ย้ำว่าสงครามไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้
และย้ำว่าอินเดียพร้อมที่จะเดินหน้าเพื่อสันติภาพ
จึงน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า มหาอำนาจแต่ละค่ายจะใช้เวทีทั้งสามแห่งนี้เล่นเกมอะไรกันบ้าง
ห้ามกะพริบตากันเลยทีเดียว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ