เมื่อเราพูดถึงการปรับเปลี่ยนของสถาบันการเงินที่ต้องเข้ามาควบรวมสตาร์ทอัปเพื่อรับกับโลกเทคโนโลยีใหม่ ก็ต้องไม่ลืมว่านั่นหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ “ทุนมนุษย์” ด้วย
ข้อนี้สำหรับคนนอกวงการอาจจะไม่เห็นความรุนแรงของการที่ต้องสร้างบุคลากรสำหรับโลกใหม่
แต่คนวงในรับรู้ถึงการแก่งแย่งคนทำงานที่สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมของโลกใหม่แล้ว
อีกทั้งยังมีการ “โละ” คนที่ไม่สามารถปรับตัวได้อย่างเป็นรูปธรรมแล้วอีกเช่นกัน
รายงานใน “ประชาชาติธุรกิจ” เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังข่าวการจับมือของเครือ SCB กับ Bitkub ว่าธนาคารพาณิชย์ของไทยกำลังเปลี่ยนเกมธุรกิจแปลงร่างเป็น “เทคฯ คอมปะนี”
นั่นแปลว่ากำลังมี “ศึกแย่งตัวคนรุ่นใหม่สายพันธุ์เทคฯ” อย่างร้อนแรง
รายงานข่าวบอกว่า SCBX เปิดรับทีมเทคโนโลยี และ “ดาต้าเอ็นจิเนียร์” กว่า 500 อัตรา เพื่อรับแผนธุรกิจบริษัทใหม่
การจะดึงคนรุ่นใหม่ที่มีทักษะด้านเหล่านี้ก็ต้องเสนอค่าตอบแทนที่เร้าใจ และต้องตอบโจทย์วิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทำงานแบบ “ทำงานที่ไหนก็ได้” หรือ work from anywhere
ในจังหวะเดียวกันนั้น ทาง “KBTG” ก็กำลังระดมหาคนเสริมทีม 700-1,000 คน
และอีกสถาบันการเงินคือ “กรุงศรี ฟินโนเวต” วิเคราะห์ว่าสถาบันการเงินของไทยมาถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนถ่ายพนักงานเป็น “คนเทคฯ” อย่างน้อย 50% เพื่อรองรับโลกการเงินดิจิทัล
ปัญหาใหญ่คือตลาดของบุคลากรด้านนี้ในประเทศไทยขาดแคลนอย่างหนักมาก
จึงต้องยอมทุ่มงบประมาณเพื่อดึงต่างชาติเสริมทัพ
และที่หนีไม่พ้นคือหลายธนาคารก็เปิดข้อเสนอ “เกษียณก่อนวัย” หรือ early retirement เพื่อ “ถ่ายเลือดคนรุ่นเก่า”
นี่คือปรากฏการณ์ที่มาพร้อมๆ กับการ “ควบรวม” และ “ผนวกธุรกิจ” ของธุรกิจใหญ่ดั้งเดิมกับกระแสสตาร์ทอัปในหลายๆ วงการ
ปัจจัยหลักที่บังคับให้ผู้ประกอบการน้อยใหญ่ต้องปรับตัวอย่างหนักหน่วงและรุนแรง ก็เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
เป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างถี่กระชั้นและรุนแรงมากเพียงในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา
ตำแหน่งอะไรที่ขาดแคลนและเป็นที่ต้องการมากเป็นพิเศษหรือ?
คำตอบคือ data engineer, data scientist, software engineer, quality assurance, developer, business analyst
เพราะเป็นบุคลากรที่มีหน้าที่พัฒนาระบบใหม่ทั้งหน้าร้านและหลังบ้าน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล
เพราะถ้าสถาบันการบินต้องการจะอยู่รอดในระยะกลางและระยะยาวก็ต้องแปลงตนเองเป็น “บริษัทเทคฯ”
นั่นหมายความว่าจะต้องมีบุคลากรด้านไอที-สายพัฒนาเฉลี่ย 50% หรืออย่างน้อย 20-30% เพราะในอนาคตทุกอย่างจะอยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัล
เป็นธนาคารที่อยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัลและมือถือ
ประเมินกันว่าลูกค้ามากกว่า 50% จะทำธุรกรรมบนออนไลน์
ลูกค้าใหม่จะมาจากช่องทางออนไลน์ 50%
ณ วันนี้ องค์กรเหล่านี้มีคนทำหน้าที่ด้านนี้เพียง 10-15%
ดังนั้น หากจะสร้างคนที่ต้องการเพิ่มอีก 50% อาจต้องใช้เวลาอีก 5 ปีจากนี้ไป
สำหรับวงการที่มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเช่นนี้ 5 ปีเป็นช่วงระยะเวลาที่ยาวนานมาก
หลายองค์กรไม่สามารถจะปรับตัวได้ทัน และนั่นอาจจะหมายถึง “หายนะ”
กูรูหลายคนบอกว่าธุรกรรมด้านการเงินทุกวันนี้ทำได้ทุกแห่งหนยกเว้น ณ ที่ธนาคารเท่านั้น
หรือ Banking takes place everywhere except at the bank
เพราะไม่มีใครต้องไปทำธุรกรรมการเงินที่สาขาธนาคารไหนอีกแล้ว
เห็นหรือยังว่าขณะที่เราเห็น “โอกาสมหาศาล” ในการก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่เป็นอนาคตของประเทศ แต่เราก็เผชิญกับวิกฤตของการ “ขาดแคลนทุนมนุษย์” ที่จะทำให้เราสามารถก้าวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง
นี่กระมังที่รัฐบาลและเอกชนของไทยจะต้องประสานกันเพื่อประกาศว่า
“ไม่มีแผนสองสำหรับการกระโจนเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล” อย่างเต็มตัว
นี่แหละ There is no Plan B ของจริง!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ