ถูกใจ-ไม่ถูกใจ...ถูกต้อง-ไม่ถูกต้อง ก็แล้วแต่จะว่ากันไป!!! แต่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า คำตัดสินวินิจฉัยชี้ขาด ของ ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันวาน ในเรื่องการล้มล้าง-ไม่ล้มล้างการปกครอง น่าจะมีส่วนช่วยหน่วง ช่วยรั้ง กระแสความปั่นป่วน วุ่นวาย การฉกฉวยโอกาสทางการเมือง ไม่ว่าของเด็กๆ หรือของพวกผู้ใหญ่ที่ชอบอาศัยเด็กๆ เป็นเครื่องมือ ให้พอทุเลา เบาบาง ลดน้อยถอยลงลงไปได้มั่ง ไม่มาก-ก็น้อย...
คืออย่างน้อย...ก็พอช่วยให้เกิด มาตรฐานทางกฎหมาย ที่สามารถนำไปอ้างอิง นำไปใช้ในการบริหาร-จัดการ ต่อความเพียรพยายามสร้างความสับสน ระส่ำระสาย
ให้กับผู้คนทั้งในวงลึก-วงกว้าง จนอาจนำไปสู่ความ ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย ของสังคมทั้งสังคมเอาเลยก็ไม่แน่!!! หรือทำให้ความพยายาม คบเด็กสร้างบ้าน-คบหัวล้านสร้างเมือง ที่ถูกจุดประกาย ถูกสร้าง ถูกโหม จนกลายเป็นกระแสอันเชี่ยวกรากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ มีแต่ต้องชะงักรั้ง ต้องหยุดม้าเอาไว้ริมหน้าผา หรือต้องกลับมาคิดหน้า-คิดหลัง คิดทบทวนให้ถ้วนถี่ ก่อนที่จะตัดสินใจโดดลงเหวกันไปเป็นขบวนๆ หรือเป็นรายๆ ก็แล้วแต่...
อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้ไม่ว่าถูกใจ-ไม่ถูกใจ ถูกต้อง-ไม่ถูกต้อง ตามทัศนะ ค่านิยม หรือ รสนิยม ของใครต่อใครก็ตามที แต่ต้องถือเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์ ก่อให้เกิดคุณูปการต่อสังคมทั้งสังคมไม่น้อยทีเดียว เพราะความพยายามสร้างความสับสน วุ่นวาย ความแตกแยก ขัดแย้ง ในเรื่องทำนองนี้ เอาเข้าจริงๆ แล้ว...มันแทบไม่ได้ช่วยให้อะไรต่อมิอะไรดีๆ ขึ้นมาบ้างเลย ไม่ได้ช่วยให้ โควิด หาย-ไม่หาย ตาย-ไม่ตาย ไม่ได้ช่วยให้น้ำท่วม-ไม่ท่วม ลด-ไม่ลด ไม่ได้ช่วยให้ราคาข้าวเด้งขึ้นมาซักกี่สิบ-กี่ร้อยบาท ไม่ได้ช่วยให้ราคาน้ำมันดีเซลกลับไปอยู่ที่ลิตรละ 25 บาท ตามความปรารถนาของพวกสิงห์รถบรรทุกเอาเลยแม้แต่น้อย ฯลฯ มีแต่แค่ช่วยตอบสนองอารมณ์โกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ริษยาและชิงชัง ให้ยิ่งเกิดความเมามันซ์ซ์ซ์ ความสะใจ ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
คือแค่เจอกับปัญหาโควิด-ไม่โควิด น้ำท่วม-ไม่น้ำท่วม ข้าว-ของแพงขณะอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจกลับชะงักงัน กลายเป็น Stagflation แบบที่อาจารย์ ดร. วิวัฒน์ชัย อัตถากร ท่านได้อรรถาธิบายไว้ใน ไทยโพสต์ เมื่อไม่กี่วันมานี้ แค่นี้...ก็เรียกว่าแทบจะบ้าตาย!!! กันไปเป็นรายๆ หรือกันไปทั่วทั้งสังคมเอาเลยก็ว่าได้ แต่ยังดันต้องมาเจอกับเรื่องมาตรา 112-116 เจอกับ ของเล่น ของพวกเด็กๆ โดยมีผู้ใหญ่หัวล้าน-ไม่หัวล้าน คิดจะเอาด้วยช่วยกระพือซะอีกด้วยต่างหาก ขันติธรรม ความอดทน อดกลั้น อันเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญที่จะนำไปสู่ สามัคคีธรรม ภายในสังคมไทย มันเลยหนีไม่พ้นอาจต้องกลายเป็น ขันแตก เข้าในวันหนึ่ง-วันใด ขึ้นมาจนได้ ถ้าไม่มีใคร ไม่มีหน่วยงาน หรือองค์กรใดๆ คอยช่วยหน่วง ช่วยรั้ง เอาไว้มั่ง...
ดังนั้น...ไม่ว่าถูกใจ-ไม่ถูกใจ ถูกต้อง-ไม่ถูกต้อง ตามรสนิยมของใคร-ของมันก็แล้วแต่ แต่การแสดงออกถึงความยินยอมพร้อมใจ พร้อมที่จะยอมรับ ต่อ มาตรฐานทางกฎหมาย ในลักษณะที่ว่านี้ ย่อมทำให้โอกาส อยู่ร่วมกันโดยสันติ ภายในสังคมไทย ย่อมมีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้นไปเท่านั้น แม้ว่าทัศนคติ ความคิด-ความเห็น ของใครคนหนึ่ง-คนใด กลุ่มหนึ่ง-กลุ่มใด จะผิดแผก แตกต่าง กันไปในลักษณะไหนก็ตาม แต่เมื่อเกิดและเติบโตขึ้นมาในแผ่นดินนี้ อย่างน้อย...มันคงต้องหาหลักอะไรบางอย่าง ที่พอจะช่วยให้อยู่ๆ กันไปได้ อยู่กันโดยสันติ ไม่ถึงกับต้องหันมาหักล้าง พร่าผลาญ ล้างผลาญ ชนิดไม่ว่ามึง-ก็กู คงต้องตายกันไปข้าง...
คือไม่ว่าจะ ปฏิรูป หรือ ปฏิวัติ ใดๆ ก็แล้วแต่...ภายใต้สังคมไทย หรือภายใต้ ความเป็นไทยๆ นั้น ทุกสิ่งทุกอย่างมันคงไม่ถึงกับเข้มขมึงตึงเครียด เหมือนกับบรรดาพวกฝรั่ง โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส ที่ต้องจับผู้คนมาตัดหัว คั่วแห้ง กันจนเลือดนองไปทั่วทั้งแผ่นดิน หรือจนกลายเป็นความสยดสยอง ชนิดถือเป็นความ อัปลักษณ์ ในทางประวัติศาสตร์สังคมเอาเลยก็ว่าได้ ต่างไปจาก ความเป็นไทยๆ ที่ไม่ว่าจะโกรธ กริ้ว ฉิวฉุน กันไปถึงขั้นไหน อย่างน้อย...ความมีไมตรีจิต มีน้ำใจ ความห่วงใย ความเมตตา ปรานี ไปจนถึงปรารถนาดีต่อกันและกัน ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่แหละ ที่มันมีส่วนช่วยให้เกิดการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง การยกระดับในแต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง กันมาเป็นขั้นๆ จนอาจกลายเป็น การปฏิรูปโดยทางธรรมชาติ เอาเลยก็ไม่แน่!!!
แบบเดียวกับที่บทละคร เวนิส-วาณิช ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ท่านพระราชนิพนธ์เอาไว้นั่นแหละว่า... “อันความกรุณาปรานี-จะมีใครบังคับก็หาไม่-หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ-จากฟากฟ้าสุราลัยสู่แดนดิน-เป็นสิ่งดีสองชั้นพลันปลื้มใจ-แก่ผู้ให้และผู้รับสมถวิล-เป็นพลังเลิศกำลังอื่นทั้งสิ้น-เจ้าแผ่นดินผู้ทรงพระกรุณา-ประดุจดังวรากรณ์สุนทรสวัสดิ์-เรืองจรัสยิ่งมกุฎสุดสง่า ฯลฯ” อะไรประมาณนั้น หรือเผลอๆ...อาจเป็นสิ่งที่เหนือไปกว่า กฎหมาย ใดๆ ที่คิดจะปฏิรูป ปฏิวัติเอาเลยก็ว่าได้ ดังนั้น...ใครก็ตามที่คิดจะปลุกกระแส สร้างกระแส คิดจะรื้อกฎหมายฉบับโน้น ฉบับนี้ เมื่อเจอเข้ากับคำตัดสินคำวินิจฉัย ของ ศาลรัฐธรรมนูญ คราวนี้ คงต้องไปหยิบเอาบทละครเรื่องนี้ มาอ่านทวนกันดูอีกซักครั้ง โดยเฉพาะในบทกลอน ในคำพูด คำจา ที่เน้นเอาไว้ว่า... “ฉะนั้นยิวแม้อ้างยุติธรรม-จงกำหนดจดจำไว้ด้วยว่า-ในกระแสแห่งยุติธรรมา-ยากจะหาความสุขเกษมเปรมใจ...” นั่นแล....
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก Cotton... “Law and Equity, which God hath joined, let no man put asunder.- กฎหมายกับความยุติธรรม...ที่พระเจ้าทรงเชื่อมประสานเอาไว้ จงอย่าให้ใครมาแยกออกจากกันได้เลย...”.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่าถึงกับต้องไปถือสาหาความ
ถือซะว่า...ท่านอาจ หาเสียง มาซะจนเคย!!! คือการประกาศจะสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.มาก่อนล่วงหน้า 2 ปีเนี่ย ย่อมมิใช่น้อยๆ
ต้องเริ่มต้นด้วยการทำลาย 'ความเกลียด'
นับตั้งแต่คุณน้า ชัชชาติ บุรุษผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี ท่านแลนด์สไลด์ แอฝะล้านช์ หิมะถล่ม ดินทลาย ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!
เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย
ว่าด้วย...ชัยชนะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.
อืมม์ม์ม์...ต้องเรียกว่าทั้ง แลนด์ ทั้ง สไลด์ เอาเลยทีเดียวเจียว สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เที่ยวนี้
จาก กทม.ถึงความเป็นชาติ เป็นสังคมไทย
ขณะกำลังปั่นต้นฉบับชิ้นนี้...ก็ยังไม่มีโอกาสรับรู้ได้เลยว่า ตกลงใครเป็นหมู่ เป็นจ่า เป็นสารวัตรกันแน่!!!
ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”
หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น