อายุ 15 ปี จอร์เจีย เมโลนี (Giorgia Meloni) เข้าร่วมงานการเมืองอย่างเข้มข้น จบเพียงมัธยมปลาย เป็นแกนนำจัดตั้งกลุ่มการเมืองสายฟาสซิสต์ ปี 2008 ขณะอายุ 31 นายกฯ ซิลวิโอ เบอร์ลุสโคนี (Silvio Berlusconi) แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงเยาวชน (minister of youth) เป็นรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุดในคณะรัฐบาล
ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมโลนีประกาศตัวว่า “I am Giorgia, I am a woman, I am a mother, I am Italian, I am Christian” ย้ำว่าเธอจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป พร้อมคำขวัญ “God, homeland, family”
มูลเหตุเลือกตั้ง 25 กันยา:
เลือกตั้ง 25 กันยายน เป็นผลจากการยุบสภาเมื่อนายกฯ มาริโอ ดรากี (Mario Draghi) ลาออกเพราะไม่ได้เสียงสนับสนุนในสภามากพออีกแล้ว รวมถึงกรณีที่พรรคร่วม M5S แตกแยกภายในจากประเด็นควรส่งอาวุธสนับสนุนยูเครนหรือไม่ คนอิตาเลียนเบื่อหน่ายรัฐบาลเดิมๆ เมโลนีเป็นตัวเลือกสดใหม่
Antonio Gramsci นักการเมืองสายมาร์กซิสต์อธิบายว่า เหตุที่รอบนี้ฟาสซิสต์มาแรงเพราะประเทศรุมเร้าด้วยสารพัดปัญหา ทั้งเงินเฟ้อสูงเกิน 9% แนวทางนาโตต่อยูเครนที่ชาวอิตาเลียนบางส่วนไม่เห็นด้วย น้ำมันเชื้อเพลิงแพงลิบลิ่ว ความแห้งแล้งปีนี้ ซ้ำเติมเศรษฐกิจที่อ่อนแออยู่แล้วให้หนักกว่าเดิม คนอิตาเลียนจึงอยากลองพรรคใหม่ๆ
Andrea Carlo จาก German Historical Institute ในกรุงโรมอธิบายว่าคนอิตาเลียนเหนื่อยหน่ายการเมือง (กระทรวงมหาดไทยรายงานว่าผู้ออกมาใช้สิทธิมีเพียง 64% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เทียบกับเลือกตั้งปี 2018 ที่มา 72.9%) อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงจึงมองหาพรรคแบบนั้น และชี้ว่าปัญหาเฉพาะหน้าคือน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติที่ช่วงนี้แพงลิบลิ่ว
Nic Cheeseman จาก University of Birmingham อธิบายว่าอาหารแพงน้ำมันขึ้นราคา คนไม่เชื่อถือสถาบันประชาธิปไตยที่มีอยู่ ความไม่เท่าเทียมขยายกว้าง ชีวิตความเป็นอยู่ย่ำแย่ กังวลผู้อพยพลี้ภัยต่างชาติที่หลั่งไหลเข้าประเทศนำวัฒนธรรมใหม่มากดทับวัฒนธรรมดั้งเดิม เหล่านี้เป็นสาเหตุหลักที่คนอิตาเลียนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยพรรคใหม่ แนวทางใหม่
ดังนั้น เหตุที่จู่ๆ พรรคขวาจัดได้รับคะแนนนำทุกพรรคไม่ใช่เพราะนิยมเผด็จการฟาสซิสต์ แต่เป็นเพราะเบื่อหน่ายพรรคการเมืองเก่าๆ ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นกับหลายประเทศทั่วโลก
John Farina จาก George Mason University อธิบายว่า คนอิตาเลียนต้องการรัฐบาลที่ทำตามความต้องการของประชาชน หลายปีที่ผ่านมาประชาชนเห็นว่าพวกตนถูกนักการเมืองหลอก จึงเลือกพรรคใหม่หวังว่าพรรคใหม่จะทำตามความต้องการประชาชนไม่ตามต่างชาติหรืออียู แม้กระทั่งเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของยูเอ็นที่คนอิตาเลียนต่อต้านเพราะคิดว่าเป็นโทษต่อตนมากกว่า หวังรักษาอัตลักษณ์มากกว่าเปลี่ยนแปลงคล้อยตามกระแสโลก
นักวิเคราะห์บางคนอธิบายว่า เมโลนีใช้ยุทธศาสตร์เลือกตั้งที่เด็ดเดี่ยวคือไม่ยอมร่วมรัฐบาลกับพรรคสายอื่นๆ แม้ได้รับเชิญ (เป็นพรรคเล็กในพรรคร่วม) ตั้งหน้าตั้งตาพัฒนาพรรค จับขั้วกับพรรคฝ่ายขวาอื่นๆ หวังว่าจะได้โอกาสตั้งรัฐบาลฝ่ายขวาและทำสำเร็จเมื่อกระแสการเมืองเบื่อหน่ายพรรคเก่าต้องการของใหม่ สามารถจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายขวา นำด้วยพรรคขวาจัดแนวเผด็จการฟาสซิสต์ของเธอ
พัฒนาการของพรรค Fdl:
เมโนลีเริ่มก่อตั้งพรรค Fratelli d'Italia (Brothers of Italy หรือ FdI) เมื่อปี 2013 ยึดแนวคิดขวาจัด (far-right) มีรากฐานจากพรรค Alleanza Nazionale แนวฟาสซิสต์ (pro-fascist party) เป็นสายตรงของเบนิโต มุสโสลินี (Benito Mussolini,1883-1945) ผู้นำลัทธิฟาสซิสต์ที่เป็นพันธมิตรกับฮิตเลอร์ในสมัยสงครามโลกครั้ง 2
ครั้งหนึ่งเมโนลีกล่าวว่า “มุสโสลินีเป็นนักการเมืองน้ำดี ทุกอย่างที่เขาทำ เขาทำเพื่ออิตาลี” อย่างไรก็ตามยอมรับว่าบางสิ่งที่มุสโสลินีทำนั้นไม่ถูกต้อง
หลายคนตั้งคำถามว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้หมายถึงเผด็จการฟาสซิสต์ฟื้นตัวในศตวรรษที่ 21 นี้ใช่หรือไม่ คำตอบคือ “ใช่” ถ้าหมายถึงชื่อ แต่ฟาสซิสต์ปัจจุบันไม่เหมือนสมัยนั้น บริบทต่างกันมาก เมโลนีไม่ใช่ “มุสโสลินีหญิง” แน่นอน พรรคได้ลดทอนความเป็นฟาสซิสต์ มีความเป็นประชานิยมและชาตินิยม แม้เชิงหลักคิดจะต่อต้านสังคมนิยมและต่อต้านเสรีนิยม
ฟาสซิสต์ไม่เห็นด้วยกับการต่อสู้ทางชนชั้นตามแบบสังคมนิยม เห็นว่าทุกคนในประเทศต้องร่วมมือ พลเมืองทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของกายเดียวกัน เช่นนี้ประเทศจึงจะเข้มแข็ง เห็นด้วยกับการทำสงครามเพื่อความรุ่งเรือง
ข้อนี้นักวิชาการบางท่านอธิบายว่าลัทธิฟาสซิสต์เป็นแนวทางขับเคลื่อนทางการเมืองอย่างหนึ่ง ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวและผลลัพธ์มากกว่าตัวแนวคิดหรือทฤษฎี ดังนั้นแม้เมโลนียกย่องเชิดชูมุสโสลินี แต่เมื่อบริหารประเทศนโยบายรัฐบาลอาจไม่สะท้อนความเป็นฟาสซิสต์มากนัก
แนวนโยบายสำคัญๆ:
จอร์เจีย เมโลนี ไม่ส่งเสริม LGBT เห็นว่าเป็นภัยต่อสตรีเพศและครอบครัว ต่อต้านเพศเดียวกันแต่งงานกันเอง ต่อต้าน George Soros นักเก็งกำไรข้ามชาติ ต่อต้านผู้อพยพลี้ภัยที่กระทบต่อคนท้องถิ่นชนผิวขาว นิยมผู้นำที่เข้มแข็ง สนับสนุนสิทธิสตรี
ในด้านนโยบายต่างประเทศ หลักสำคัญคือผลประโยชน์อิตาลีต้องมาก่อน ไม่เห็นด้วยหากจะคล้อยตามอียูทุกเรื่อง เห็นว่าอียูต้องให้ความสำคัญกับการปกป้องภาคเอกชนและประชาชน
น้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติแพงคือประเด็นเฉพาะหน้าที่พูดถึงกันมาก
เหล่านี้เป็นบางประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมา ความจริงแล้วประเทศมีปัญหาค้างเก่าโดยเฉพาะเศรษฐกิจที่โตช้ามาก หนี้สาธารณะสูงลิบ อัตราว่างงานสูงต่อเนื่องที่ยากจะแก้ในเวลาอันสั้น
สลับเลือกพรรค-สลับเลือกขั้ว:
การเมืองอิตาลีประกอบด้วยพรรคทุกแนว ทั้งซ้ายจัด ขวาจัด และพวกสายกลาง ถ้ามองแง่ลบคือไม่รู้จะเลือกพรรคใดเพราะเคยเลือกมาแล้วทุกแนว แต่รัฐบาลจากพรรคเหล่านี้ไม่ทำหน้าที่ของตน หลายคนจึงสนใจเลือกของใหม่ อะไรที่แตกต่างจากเดิม
Fdl เป็นปรากฏการณ์ซ้ำเดิมที่พรรคเล็กๆ (เลือกตั้งปี 2018 ได้คะแนนเสียง 4.4%) กลายเป็นพรรคได้คะแนนสูงสุด เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ เป็นอีกครั้งที่พรรคสุดโต่งได้รับเลือกเป็นแกนนำรัฐบาล อย่างไรก็ตาม แม้ได้ชื่อว่าเป็นเผด็จการฟาสซิสต์แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อขึ้นเป็นรัฐบาลจะดำเนินนโยบายแบบฟาสซิสต์เต็มร้อย จะปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับบริบททั้งในและนอกประเทศ
ถ้ามองแง่บวกนี่คือความงดงามของประชาธิปไตยที่ ระบอบประชาธิปไตยไม่ได้หมายความว่าได้รัฐบาลเสรีประชาธิปไตยเสมอไป อาจเป็นแนวเผด็จการฟาสซิสต์หรือสังคมประชาธิปไตยก็เป็นได้ (โอลาฟ โชลซ์ (Olaf Scholz) นายกรัฐมนตรีเยอรมนีปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย หรือ SPD) เป็นการให้ประชาชนตัดสินใจเลือก เปิดโอกาสให้พรรคแนวเสรีนิยม สังคมนิยม เผด็จการได้ขึ้นมาบริหารประเทศ ทุกพรรคขึ้นมา-ลงไปด้วยการเลือกตั้ง
ชัยชนะของจอร์เจีย เมโลนี นั้นหอมหวาน เป็นนายกฯ หญิงคนแรกของประเทศด้วยวัย 45 ปี แต่จะอยู่ได้ครบเทอม 5 ปีหรือไม่ ประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยอิตาลีตอบว่ายากมาก ด้านประชาชนคนอิตาลีคาดหวังรัฐบาลใหม่เร่งแก้ปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญโดยเร็วที่สุด เตรียมรับปัญหาที่อาจแรงขึ้นในปีหน้า หากยึดเป้าหมายเฉพาะหน้า ชื่อพรรค คำขวัญ นโยบายพรรค ไม่สำคัญเท่าแก้ปัญหาได้จริง
ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเผด็จการฟาสซิสต์หรือสายใดๆ คนอิตาเลียนคาดหวังเหมือนกันคือขอให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น อยู่ดีมีสุข การที่ทุกพรรคทุกสายล้วนเคยเป็นรัฐบาลเป็นหลักฐานในตัวเอง ชาวอิตาเลียนส่วนใหญ่ไม่ต่างจากคนประเทศอื่น นั่นคือชีวิตความเป็นอยู่ต้องมาก่อน
รอบนี้เป็นรัฐบาลของพรรคฝ่ายขวา รอบหน้าคงกลับไปเป็นสายกลางบวกฝ่ายซ้ายอีกครั้ง ประชาธิปไตยอิตาลีดูเหมือนวนเวียนอยู่อย่างนี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กระสุนนัดเดียวเปลี่ยนโลก
บรรยากาศหาเสียงตอนนี้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นใดอีก ทรัมป์ควรชนะเลือกตั้ง กระสุนนัดเดียวชี้ขาดผลเลือกตั้ง ชี้นำโลกอนาคตควรทำตามนโยบายทรัมป์
เลือกตั้งสหรัฐ 2024 ประชามติเลือกประชาธิปไตย
ไบเดนชี้ว่าตนเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ส่วนทรัมป์อยู่ฝ่ายตรงข้าม ถ้าต้องการปกป้องประชาธิปไตยขอให้เลือกพรรคเดโมแครต
ทำไมสมาชิกอาเซียนสนใจเข้าBRICS
ประเทศไทย มาเลเซีย และเวียดนามพยายามสัมพันธ์ดีกับมหาอำนาจทั้งหลาย ไม่อิงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจนเกินตัว มอง BRICS เป็นโอกาสใหม่
ระบบโลกที่บิดเบี้ยว (2) สงครามยูเครน
เงื่อนไขสงบศึกของปูติน การใช้ทรัพย์รัสเซียที่ยึดได้เป็นหลักฐานชี้ว่าต่างฝ่ายต่างยืนยันรบต่อ บ่งชี้ระเบียบโลกที่บิดเบี้ยว ต้องสู้กันต่อไป
ปูตินยกระดับสัมพันธ์เกาหลีเหนือ-รัสเซีย
บัดนี้เกาหลีเหนือสามารถส่งกระสุนอาวุธต่างๆ ช่วยรัสเซียทำศึกยูเครน แม้กระทั่งส่งกองทัพเกาหลีเข้ารบโดยตรง ดังที่ผู้นำเกาหลีเหนือกล่าวว่า ปูตินคือเพื่อนแท้ที่ดีที่สุด
ระเบียบโลกที่บิดเบี้ยว (1)
สัจนิยมมีข้อดีหลายอย่างแต่เปิดช่องให้รัฐบาลบางประเทศตีความว่าสามารถรุกรานประเทศอื่นๆ เป็นเรื่องปกติของโลก บางประเทศพยายามทำให้ดูดีอ้างว่าเป็นการป้องกันตนเอง