ทิศทาง'ซอฟต์เพาเวอร์'ไทย

อย่างที่ทราบกันดีว่า 'ซอฟต์เพาเวอร์' หรือพลังอ่อน สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน รวมถึงยังดึงดูดเม็ดเงินเข้ามาในประเทศอย่างมหาศาล เห็นตัวอย่างได้ชัดจากประเทศยักษ์ใหญ่ทั้งอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมถึงจีน ที่มีการส่งเสริมการสร้าง 'ซอฟต์เพาเวอร์' อย่างจริงจัง

ขณะที่ไทยเองก็เริ่มเห็นถึงกระบวนการนำ 'ซอฟต์เพาเวอร์' มาเป็นตัวเสริมสำหรับการสร้างเศรษฐกิจยุคใหม่ โดยล่าสุดทางรัฐบาลก็เพิ่งมีการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศด้วย Soft Power ขึ้นมา ซึ่งกรรมการชุดนี้จะมีหน้าที่วางกรอบการทำงาน และสร้างยุทธศาสตร์การส่งเสริมเรื่องของซอฟต์เพาเวอร์แบบไทยๆ

ซึ่งก็โชคดีที่ไทยเราได้ความเก่งกาจและภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ที่เปรียบเสมือนพื้นฐานที่ดีและสร้างความนิยมจากต่างประเทศอยู่แล้ว นั่นก็คือ ซอฟต์เพาเวอร์ในส่วนของศิลปะและวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็น อาหารไทย มวยไทย แพทย์แผนไทย ซึ่งในปัจจุบันสิ่งเหล่านี้ก็มีชื่อเสียงในตัวของมันอยู่แล้ว แต่ต่อจากนี้มันอาจจะถูกยกระดับเพิ่มเติมเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ต่อไป

และเมื่อเร็วๆ นี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ชาคริต พิชญางกูร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ “CEA” ซึ่งจะเป็นหนึ่งในองค์กรที่จะช่วยผลักดันซอฟต์เพาเวอร์ของไทยให้ออกไปตีตลาดโลก ในฐานะที่เป็นหนึ่งในกรรมการและเลขานุการร่วมของบอร์ดซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ ก็ได้แชร์มุมมองสำคัญสำหรับการสร้างซอฟต์เพาเวอร์ของประเทศ

โดยชาคริตระบุว่า ในบทบาทของ CEA มีแนวคิดที่จะผลักดันอุตสาหกรรมคอนเทนต์ ซึ่งก็จะประกอบไปด้วย ดนตรี ภาพยนตร์ ละครซีรีส์ต่างๆ เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ในการสร้างกระแสซอฟต์เพาเวอร์ของไทย โดยเป้าหมายของการผลักดันอุตสาหกรรมนี้ไม่ได้อยู่ที่เงินหรือว่ายอดขายจากการขายคอนเทนต์ แต่มองว่าอุตสาหกรรมคอนเทนต์จะเป็นอุตสาหกรรมที่นำพา ซอฟต์เพาเวอร์ที่อยู่ในเนื้อหานั้นมาสร้างภาพลักษณ์ หรือการโฆษณาประเทศมากกว่า

"ผมมองว่าอุตสาหกรรมคอนเทนต์จะเปรียบเสมือนตัวกลางที่จะนำพาเนื้อหาหลักที่เป็นซอฟต์เพาเวอร์ ที่ประเทศไทยต้องการจะสื่อออกไปเพื่อโปรโมตให้คนกลับมาบริโภคสินค้าหรือบริการต่างๆ มากมายที่ซ่อนไว้ในนั้น" 

จากเป้าหมายดังกล่าว ทำให้ CEA จำเป็นต้องสร้างอุตสาหกรรมคอนเทนต์ของไทยให้แข็งแกร่งขึ้น และมีความสากลมากขึ้น ซึ่งคุณชาคริตเล่าว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับผู้ประกอบการที่ผลิตคอนเทนต์ส่งออก พบว่าไทยมีจุดอ่อนเกี่ยวกับเรื่องของบุคลากรที่ทำหน้าที่โปรดิวเซอร์และนักเขียนบท ที่มีน้อยและยังไม่เก่งพอ ดังนั้นทาง CEA ก็เห็นว่าควรจะสร้างบุคลากรส่วนนี้ก่อน จึงนำไปสู่การผลักดันโครงการคอนเทนต์แล็บขึ้นมา ซึ่งจะเป็นการบ่มเพาะโปรดิวเซอร์และนักเขียนบทในเชิงลึก โดยทาง CEA ไม่ได้ทำเพียงหน่วยงานเดียว แต่จะมีการร่วมกันทำตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จึงมีการจับมือกับ NetFlix ประเทศไทย, บีอีซี สตูดิโอ, ผู้ผลิตหนังอย่างจีดีเอช รวมถึงหน่วยงานราชการอย่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)

ทั้งนี้ มองว่าหากทำให้อุตสาหกรรมคอนเทนต์ของไทยเข้มแข็ง การต่อยอดในเรื่องของการผลักดันซอฟต์เพาเวอร์ต่างๆ ก็จะเป็นเรื่องง่ายขึ้น แต่ที่สำคัญ ก็จะต้องติดตามภาคใหญ่ที่เป็นยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์ของประเทศด้วยว่าจะเน้นการส่งเสริมในด้านไหนกันแน่

แต่ ณ จุดนี้ก็ถือว่าไทยเริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และกำลังจะคิกออฟโครงการใหม่ๆ มากมายเพื่อนำซอฟต์เพาเวอร์ไทยตีตลาดโลกต่อไป.

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปี68สินเชื่อระบบแบงก์ไทยหืดจับ

ปี 2568 ยังเป็นอีกปีที่ต้องจับตากับทิศทางของเศรษฐกิจไทย เพราะยังมีปัจจัยหลายอย่าง ทั้งบวกและลบ ที่จะเข้ามามีผลกับภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสถานการณ์กดดันจากปัญหาหนี้ครัวเรือน

แผนดัน ‘เกษตรครบวงจร’

อุตสาหกรรมเกษตร เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทย และที่ผ่านมาเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนไปได้ด้วยสินค้าเกษตร แต่ก็มีบางช่วงที่ติดขัดและไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ จากปัจจัยกระทบต่างๆ

เคาต์ดาวน์ปลอดภัยส่งท้ายปี

เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เป็นวาระแห่งการเริ่มต้นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความหวัง โดยในปีนี้สถานที่จัดงาน Countdown ทั่วประเทศไทยหลายหน่วยงานได้เตรียมกิจกรรมไว้ให้ทุกคนได้ร่วมสนุกและสัมผัสความงดงาม

แชร์มุมมอง‘อินฟลูเอนเซอร์’ในตลาดอาเซียน

การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มายาวนาน แต่กลยุทธ์การทำการตลาดของแต่ละแบรนด์นั้นล้วนแตกต่างกันไป ล่าสุด วีโร่ ได้เปิดตัวเอกสารไวต์เปเปอร์ฉบับใหม่ในหัวข้อ “ผลกระทบ

ของขวัญรัฐบาล

อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว ก็เป็นธรรมเนียมของรัฐบาลและ ครม.ที่จะมีมาตรการเป็นของขวัญมอบให้กับประชาชน ซึ่งการประชุม ครม.ล่าสุดเริ่มมีการเคาะมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือประชาชนกันแล้ว

ยกระดับธุรกิจไทยแข่งขันเวทีโลก

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3% ด้วยแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐ