น่าจะเป็นเดือนสุดท้ายก่อนอำลาเครื่องแบบ สีกากี ที่ทำให้ ผบ.ปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข แม่ทัพใหญ่สีกากี ปลื้มอกปลื้มใจ เพราะหลายๆ โครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บางโครงการก็สำเร็จเสร็จสิ้นบ้าง บางโครงการก็ได้เริ่มต้นในการดูแลชีวิตและความเป็นอยู่ของ ผู้ใต้บังคับบัญชา อย่างโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์และบูรณะส่วนที่สึกหรอของพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช (รัชกาลที่ 4) ซึ่งได้มีพิธีบวงสรวงเพื่ออัญเชิญจากแท่นประดิษฐานด้านหน้าอาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อไปบูรณะซ่อมแซม ณ สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา และเมื่อวันที่ 14 ก.ย.65 เวลา 15.00 น.
ก็ได้ฤกษ์อัญเชิญพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช (รัชกาลที่ 4) ขึ้นประดิษฐานบนแท่นพระบรมราชานุสาวรีย์ บริเวณด้านหน้าอาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มี “ผบ.ปั๊ด” เป็นประธานในพิธีถวายราชสักการะ บวงสรวง ร่วมกับข้าราชการตำรวจอย่างพร้อมเพรียง ๐
เช่นเดียวกับการเดินหน้าร้านกาแฟ ปันรักษ์ คาเฟ่ (Punrak Cafe) ที่ ผบ.ปั๊ด สนับสนุนการดำเนินงานของสมาคมแม่บ้านตำรวจเต็มที่ เพราะต้องการขยายแบรนด์ปันรักษ์ สร้างรากฐานยั่งยืน สร้างอาชีพเสริมให้ครอบครัวตำรวจ เพื่อให้ครอบครัวตำรวจมีรายได้เพิ่มขึ้น อันเป็นไปตามจุดประสงค์หลักที่ต้องการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีคุณภาพ เริ่มจากการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ตำรวจ และครอบครัวตำรวจต่อไป ซึ่งเพียงกันยายนเดือนเดียวสามารถเปิดเพิ่ม สาขาที่ 2 และสาขาที่ 3 จากเดิมเปิดสาขาแรก ที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยสาขาที่ 2 อยู่ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พหลโยธิน ที่ บิ๊กก้อง-พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. นั่งกุมบังเหียนอยู่ โดยตัดริบบิ้นไปเรียบร้อยช่วงเช้าวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นช่วงบ่ายวันเดียวกัน “ผบ.ปั๊ด” ก็ตัดริบบิ้นสาขาที่ 3 ต่อทันที บริเวณห้องประชุมแจ้งยอดสุข อาคารศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร และสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ๐
อีกหนึ่งผลงานทิ้งท้ายจาก ผบ.ปั๊ด เป็นผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบ้านพักสวัสดิการเพื่อข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับกรมธนารักษ์ กระทรงการคลัง เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนที่พักอาศัยของตำรวจและลูกจ้างประจำในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีจำนวนไม่เพียงพอ รวมทั้งกรณีตำรวจที่เกษียณอายุราชการไปแล้วจะประสบปัญหาไม่มีที่พักอาศัย เนื่องจากต้องคืนบ้านพักราชการ จึงได้มีนโยบายจัดทำโครงการบ้านพักสวัสดิการเพื่อข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำฯ ระหว่างกรมธนารักษ์และสำนักงานตำรวจแห่งชาติขึ้น โดยมอบหมายให้สำนักงานส่งกำลังบำรุงประสานงานไปยังกรมธนารักษ์ เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ราชพัสดุที่อยู่ในการครอบครองของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์จากกรมธนารักษ์ แต่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือใช้ประโยชน์ได้ไม่เต็มพื้นที่ มาพัฒนาจัดสร้างเป็นที่พักอาศัยสวัสดิการให้ตำรวจทั้งในราชการและหลังเกษียณอายุราชการไปแล้ว ตลอดจนลูกจ้างประจำฯ ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าจะโดนใจ “ลูกน้อง” เต็มๆ ๐
แม้การได้กลับคืนเก้าอี้ รอง ผบ.ตร. ของ บิ๊กต้อย-พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา จะเหลือเวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์ ก็ต้องเกษียณอายุราชการ หลังจาก ผบ.ปั๊ด มีคำสั่ง ตร.ที่ 410/2565 ลง 14 ก.ย.65 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจกลับคืนสู่ฐานะเดิม จากที่ พล.ต.อ.วิระชัย ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง กรณีบันทึกเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ หลังจากนั้นได้มีการส่งต่อคลิปเสียงสนทนาดังกล่าวให้บุคคลที่สาม และภายหลังปรากฏว่าได้มีผู้เผยแพร่คลิปเสียงสนทนาดังกล่าวต่อสื่อมวลชนหลายแขนง และกรณีให้ข่าวสัมภาษณ์สื่อมวลชนเกี่ยวกับการสืบสวน สอบสวนคดีอาญา ซึ่งหนังสือ ผบ.ปั๊ด ระบุอีกว่า เนื่องจากการพิจารณาสั่งการทางวินัยยังไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 87 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 จึงให้ พล.ต.อ.วิระชัยกลับคืนสู่ฐานะเดิมก่อน และให้ถือว่าไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างถูกสอบสวน นับตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย.65 เป็นต้นไป จนกว่าการพิจารณาสั่งการจะเสร็จสิ้นและมีคำสั่ง ...ก็ถือว่ายังดีกว่าไม่ได้กลับมานั่งเก้าอี้ “รอง ผบ.ตร.” ก่อนเกษียณ เพราะศักดิ์ศรี สิทธิต่างๆ ต่างกันเยอะ ขอแสดงความยินดีกับ บิ๊กต้อย ครั้งนี้ด้วย ๐
ใกล้ย้ายไปกระทรวงกลาโหมนั่งเก้าอี้ผู้ช่วยเจ้ากรมพระธรรมนูญ ผอ.เอก-พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้อำนวยการสำนักงานพระธรรมนูญทหารบก นักกฎหมายทหารฝ่ายแค้นเสื้อแดงในอดีต ต้องวิ่งทำหน้าที่นายทหารพระธรรมนูญในคดี “จ่ามังกร” เสมียนวิทยาลัยการทัพบกยิงเพื่อนร่วมงานก่อนย้ายวิกไปสนามหลวง สำหรับเส้นทางของ “ผอ.เอก” ซึ่งเหลืออายุราชการถึงปี 2572 คงอีกยาวไกล นับแต่ทำหน้าที่ ทนาย ทบ. มามากกว่าสิบปี มีแรงหนุนจาก พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ อดีตรองผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กลาโหม การข้ามไปกรมพระธรรมนูญจึงถูกจับตามองว่า จะได้ขึ้นเป็นเจ้ากรมฯ ในอนาคตหรือไม่ อีกทั้งโผทหารรอบนี้ยังมีพลังของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาการนายกฯ ที่ผลักดัน บิ๊กตู้-พล.อ.เชิดชัย อังศุสิงห์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กลับมาเสียบหัว นั่งเก้าอี้เจ้ากรมพระธรรมนูญ สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กรมตาชั่งทหารอยู่พอสมควร
เป็นที่น่าจับตามองว่า ในปีหน้าจะเป็นคิวของ ทหารคอเขียว ได้ขึ้นนั่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด หลัง บิ๊กแก้ว-พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ เกษียณอายุราชการหรือไม่ เพราะ บิ๊กบุ๋ม-พล.อ.สุวิทย์ เกตุศรี ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อความมั่นคง กองบัญชาการกองทัพไทย (ผอ.ศปร.) นายทหารคอแดงที่เคยถูกมองว่าถูกส่งมาวางตัวเป็น ผบ.ทหารสูงสุดไม่ค่อยจรัสแสงเท่าที่ควร เพราะโผรอบนี้ไม่ได้เข้ามาอยู่ใน 5 เสือแจ้งวัฒนะ ทำให้ชื่อของ บิ๊กจ่อย-พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง รองเสนาธิการทหาร ที่ขยับขึ้นมาเป็นเสนาธิการทหาร โดดเด่นขึ้นมาทันที และกลายเป็น เต็งหนึ่ง ตามสเปกที่เข้าตา “บิ๊กแก้ว” ที่เส้นทางรับราชการมาทางสายยุทธการ และเป๊ะเรื่องข้อมูลเหมือนกัน อีกทั้งโปรไฟล์ก็ถือว่างดงาม สอบได้ที่ 1 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก จึงได้รับทุนไปเรียนต่อ รร.เสธ.ทบ.สหรัฐฯ ที่ Fort Leavenworth แถมยังจบปริญญาโท สาขาการระหว่างประเทศและการทูต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปลายปีก็ไปลุ้นกับเพื่อน ตท.24 กับ บิ๊กอ๊อบ-พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ว่าที่รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ๐
เห็น เสธ.แจ๊ก-พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ ว่าที่รองผู้บัญชาการทหารเรือ ลงพื้นที่จังหวัดระยองช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปติดตามสถานการณ์น้ำเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตอนนี้มีภารกิจใหญ่ๆ ที่ค้างอยู่ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารโครงการเรือดำน้ำ คือรับผลการพิจารณาของคณะกรรมการเทคนิค ที่กรมอู่ทหารเรือเป็นแม่งาน เป็นข้อมูลเอกสารนับร้อยหน้าซึ่งเป็นผลทดสอบเครื่องยนต์ CHD 620 ของจีน ที่บริษัท CSOC เสนอมา คงต้องรอดูต่อไปว่าจะฟันธง หรือส่งต่อให้ บิ๊กโอ๋-พล.ร.ท.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ ว่าที่ เสธ.ทร.คนใหม่มารับไม้ต่อ เพราะกระแสต้านเครื่องยนต์จีนจากกรมอู่ทหารเรือดังออกมาเป็นระยะๆ เกรงว่าจะไม่ปลอดภัยต่อกำลังพลที่ปฏิบัติงาน จึงส่อเค้าว่าในที่สุด บิ๊กเฒ่า-พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ จะเคลียร์เรื่องดำน้ำให้จบก่อนเกษียณ หรือให้ บิ๊กจ๊อด-พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ว่าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ ตัดสินใจต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นักการเมืองไม่ทำชั่ว...ไม่ต้องกลัวรัฐประหาร
นายกรัฐมนตรี 2 คนที่มาจากตระกูลชินวัตรต้องถูกยึดอำนาจจากการทำรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 ทำให้นายใหญ่ของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นหมายเลข 1 ของตระกูลชินวัตรมีความประหวั่นพรั่นพรึงการทำรัฐประหารของทหารเป็นอย่าง
'หิริ-โอตตัปปะ'คือวาระแห่งชาติ!!!
คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า...ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ความอาย หรือจะเรียกภาษาพระ ภาษาบาลี ประมาณว่า หิริ-โอตตัปปะ ก็คงพอได้ นับวันมันชักเป็นอะไรที่ ขาดแคลน
'เห็นลิ้นไก่' แก้ กม.กลาโหม
ป่วนกันทั้ง "กรมปทุมวัน" หลังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. มีคำวินิจฉัยกรณีตำรวจยศ พ.ต.อ. ตำแหน่งนักบิน (สบ 5) รายหนึ่ง
ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ
'บิ๊กอ้อ' ลุยปราจีนฯ คุมสางคดีฆ่า 'สจ.โต้ง' มั่นใจหลักฐานพอ ไม่พึ่งวงจรปิด
'บิ๊กอ้อ' บินสางปมยิง 'สจ.โต้ง ปราจีน' เชื่อชนวนเหตุสังหารจากการเมืองท้องถิ่น มั่นใจหลักฐานเพียงพอ แม้วงจรปิดที่เกิดเหตุเสีย
เด็ดปีก 'มังกรเทาดำ' ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดทรัพย์ 152 ล้าน
ตำรวจภาค 2 เด็ดปีก 'มังกรเทาดำ' ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์เปิดบริษัทฟอกเงิน ยึดทรัพย์คฤหาสน์-รถหรู 152 ล้านบาท