ลุงบาซี แท็กซี่นำเที่ยวของเราพูดไว้อย่างน่าสนใจว่า นักท่องเที่ยวบางคนเดินทางมาไกล จากยุโรป เอเชีย หรือแม้แต่ออสเตรเลีย แต่เที่ยวน้ำตกอีกวาซูแค่ฝั่งเดียว พอถามว่าทำไมไม่เที่ยวให้ครบทั้ง 2 ฝั่งประเทศ ไหนๆ ก็มาแล้ว มักจะได้รับคำตอบว่าไม่อยากจ่ายเงินเพิ่มอีก 100 เหรียญสหรัฐ หรือไว้โอกาสหน้าจะมาใหม่
ในความเป็นจริง น้อยคนจะกลับมาอีกวาซูเป็นครั้งที่ 2 และลุงบาซีกล่าวได้ตรงเป้าว่าหลายคนยอมจ่ายค่าเครื่องบินมามากกว่า 2,000 เหรียญฯ แต่ไม่อยากจ่ายเพิ่มอีก 100 เหรียญฯ ถ้าคนคนนั้นบินกลับมาใหม่จริงในวันข้างหน้า เขาก็ต้องจ่ายเงินอีกมากกว่า 2,000 เหรียญฯ แทนที่จะจ่ายเพิ่มแค่ 100 เหรียญฯ เสียตั้งแต่ตอนนี้
วันอาทิตย์ที่แล้วผมนำท่านผู้อ่านเที่ยวน้ำตกอีกวาซูในฝั่งบราซิล ใช้เวลาที่น้ำตกแค่ประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้นก็ชมครบทุกจุด ในเว็บไซต์ทางการของน้ำตกอีกวาซูบราซิลระบุไว้ 2 ชั่วโมงเท่านั้น แต่สำหรับฝั่งอาร์เจนตินาจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย บางทีมีเวลาทั้งวันก็ชมไม่ครบ
ก่อนจะกลับเข้าอาร์เจนตินาเราต้องกรอกเอกสารของตรวจคนเข้าเมืองและคำให้การเกี่ยวกับประวัติการติดเชื้อและการรับวัคซีนโควิด-19 ทางเว็บไซต์ หรือที่เรียกว่า DDJJ ลุงบาซีนึกขึ้นได้ก็กลับรถไปจอดหน้าอาคารแห่งหนึ่ง แกว่าน่าจะมี Wi-Fi ผมคิดว่าอาจต้องใส่รหัสเพื่อใช้สัญญาณ ผมยังไม่มีซิมการ์ดของอาร์เจนตินา และนึกขึ้นได้ว่าพระคุณเจ้าจากอเมริกาท่านเปิดโรมมิ่งสัญญาณโทรศัพท์ จึงขอแชร์สัญญาณมาที่เครื่องตัวเองเพื่อกรอกข้อมูลสำหรับเราทั้ง 3 คน ใช้เวลาอยู่หลายนาทีเพราะต้องกรอกทีละคน คนละ 2 ขั้นตอน ส่งข้อมูลแล้วระบบจะส่งอีเมลมาหาเรา เปิดอีเมลเข้าไปกรอกเพิ่มเติม จากนั้นส่งข้อมูลใหม่ แล้วจึงได้รับอีเมลแสดงคิวอาร์โค้ดยืนยันกลับมา
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองประจำด่านจะไม่ขอดูข้อมูลยืนยันดังกล่าว เพราะมันไปอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์เรียบร้อยแล้ว และประมาณ 3 วันหลังจากนั้นเราจะได้รับอีเมลจากตรวจคนเข้าเมืองอาร์เจนตินา ระบุไว้ว่าสามารถอยู่ในอาร์เจนตินาได้จนถึงวันไหน ซึ่งก็คือ 90 วันนับจากการเข้ามาครั้งล่าสุด
รถยนต์ขาเข้าประเทศอาร์เจนตินาช่วงเย็นจนถึงค่ำแถวยาวเป็นกิโล แม้แต่ช่องทางของรถแท็กซี่และรถบริการท่องเที่ยวของลุงบาซีก็ใช้เวลาประมาณ 20 นาที เป็นระยะเวลาที่ลุงบาซีบอกว่านานกว่าปกติ
ถึงที่พักในตัวเมือง “ปวยโตอีกวาซู” ผมก็ออกไปเดินหามื้อค่ำ มีร้านอาหารและบาร์กระจุกอยู่ใกล้ๆ Las 7 Esquinas หรือ “แยก 7 มุม” สังเกตจากที่ลุงบาซีขับรถผ่านเมือง Foz do Iguacu ซึ่งเป็นตัวเมืองอีกวาซูของฝั่งบราซิล 2 รอบในวันนี้ ต้องบอกว่าตัวเมืองฝั่งบราซิลนั้นใหญ่กว่า ร้านรวงมีมากกว่า และว่ากันว่ายามค่ำคืนจะคึกคักกว่าฝั่งอาร์เจนตินา
สุดท้ายผมได้นั่งร้านอาหารห่างจากแยก 7 มุมนี้ไปประมาณ 300 เมตร สั่ง “วีโนตินโต” หรือไวน์แดง องุ่นพันธุ์มัลเบ็ค 1 แก้ว, “เอ็นซาลาดา” หรือสลัด, “เกโซ” หรือชีส หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 1 จาน และเอ็มปานาดาไส้ไก่ 6 ชิ้น คนไทยมาเห็นก็อาจคิดว่าเป็นกะหรี่ปั๊บ เพิ่มวีโนตินโตอีกแก้ว กับแกล้มก็ยังไม่หมด เลยต้องให้พนักงานร้านใส่ห่อ “ปารา เยวาร์” หรือนำกลับ
ใกล้ๆ ร้านอาหารมีตลาด สินค้าหลักคือน้ำมันมะกอกและไวน์แดง ผมเดินเข้าซอยหนึ่งของตลาดไปเจอบาร์ท้องถิ่น มีลูกค้าอยู่แค่โต๊ะเดียว ใกล้บาร์มีร้านขายไวน์ขนาดใหญ่ กำแพงฝั่งหนึ่งเขียนว่า El Faro Bar ผมเดินเข้าไปดูไวน์ ล้วนเป็นไวน์อาร์เจนตินา ราคาที่ติดไว้ดูจะสูงกว่าปกติ มีพนักงานเข้ามาประกบทำให้รู้สึกกดดัน ผมถามเขาว่ามีไวน์ตัวไหนราคาต่ำกว่า 1,000 เปโซบ้าง เขาหันไปถามผู้หญิงคนหนึ่งที่น่าจะเป็นเจ้าของร้าน แล้วเขาก็เดินไปหยิบมาให้ผมดู 2 ขวด ผมถามราคาขวดในมือซ้าย เขาถามเจ้าของร้าน ผมได้ยินว่า “มิลเปโซ” ซึ่งก็คือ 1,000 เปโซ ผมถามราคาขวดในมือขวา คำตอบเหมือนกันที่ “มิลเปโซ” ผมรู้ว่าไม่ชอบมาพากล แต่ก็เลือกมา 1 ขวด ยี่ห้อ NAMPE องุ่นมัลเบ็คปี 2021 ให้เขาเปิดจุกก๊อกแล้วถือกลับที่พัก รสชาติถือว่าธรรมดา ปกติไวน์ราคา 1,000 เปโซในอาร์เจนตินา หรือราวๆ 5 เหรียญฯ ถือว่าเป็นไวน์ในระดับตลาดซีกบนและรสชาติจะดีกว่านี้มาก
เวลา 11 โมงวันต่อมาหลังพระท่านฉันเพล ลุงบาซีก็มารับตามนัดหมาย วันนี้แกไม่ได้พกชามาเตมาดูดเหมือนเมื่อวาน เราเช็กเอาต์และขนกระเป๋าไปใส่ท้ายรถเพื่อไม่ต้องกลับมาใหม่ จากน้ำตกอีกวาซูฝั่งอาร์เจนตินาไปสนามบินนั้นใกล้กันแค่ประมาณ 15 นาที ถึงหน้าประตูทางเข้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกอีกวาซูลุงบาซีขอแยกกลับบ้าน เย็นๆ ค่อยมารับ
วิธีซื้อตั๋วนอกจากซื้อออนไลน์แล้วก็สามารถมาซื้อที่หน้าประตูเข้าอุทยานได้ ราคาตั๋วคนละ 2,400 เปโซ หรือประมาณ 14 เหรียญฯ ซึ่งราคาตั๋วเข้าชมน้ำตกอีกวาซูฝั่งอาร์เจนตินาจะไม่อยู่นิ่ง นั่นคือขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะค่าเงินเปโซตกลงแทบจะรายวัน
ผ่านประตูอุทยานแล้วก็ต้องไปจองเที่ยวรถไฟกับเจ้าหน้าที่ซึ่งประจำอยู่เลยร้านกาแฟและร้านเบียร์หลังประตูไม่ไกลนัก จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถไฟรางแคบเพื่อการท่องเที่ยว รถไฟวิ่งผ่านป่าครู่หนึ่งแล้วเข้าจอดที่สถานีแรก Estacion Cataratas รับคนขึ้นมาเพิ่มแล้วไปต่อ จอดรอสับรางกลางป่ากับขบวนที่กลับลงมา รถไฟวิ่งรวมๆ ราว 20 นาทีเข้าจอดที่สถานีปลายทาง Estacion Garganta ตัว “โคอาตี” คล้ายแร็กคูนวิ่งเข้ามากลุ้มรุมคนที่พวกมันคิดว่ามีอาหาร เด็กๆ ชอบใจกันมาก ดูเหมือนว่าพวกมันจะคุ้นเคยและไว้ใจคนยิ่งกว่าหมาและแมวเสียอีก มีป้ายคำเตือนเขียนไว้ว่าหากโดนมันกัดก็อาจติดเชื้อและเป็นแผลลุกลาม ผมอ่านในอินเทอร์เน็ตภายหลังทราบว่ามันอาจจะกัดตอนที่มันแย่งอาหารจากคนไปได้แล้วคนไปแย่งกลับ
จากลานตัวโคอาตีนี้เราเดินไปบนสะพาน เรียกว่า Circuito Garganta del Diablo หรือ “เส้นทางสู่คอหอยปีศาจ” เบื้องล่างคือมวลน้ำที่แหกโค้งตัว J มายังฝั่งอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นปริมาณน้ำประมาณครึ่งหนึ่งของแม่น้ำอีกวาซูที่ไม่ได้ไหลลงแคนยอนคอหอยปีศาจ น้ำกลุ่มนี้ตั้งหลักกันใหม่ ก่อนจะตีโอบไปไหลลงหน้าผาจุดต่างๆ ซึ่งล้วนอยู่ในฝั่งอาร์เจนตินา
ทางเดินช่วงแรกๆ สะพานทอดข้ามไประหว่างเกาะเรียวๆ แต่ละเกาะที่วางตัวตามแนวขวาง แต่ขณะเดินไปเราจะไม่เห็นว่าสัณฐานเกาะเป็นอย่างไร ผีเสื้อบินมาเกาะตามเสื้อและแขนขา นกสีสันสวยงามโผล่มาให้ชม ลิงคาปูชินกระหม่อมดำกระโจนไปมาบนต้นไม้ พอถึงช่วงที่น้ำกว้างก็ได้เห็นปลาดุกยักษ์ประจำถิ่นแหวกว่ายอยู่ใต้สะพาน บนโขดหินเล็กๆ เต่าคองูอเมริกาใต้คลานขึ้นไปอาบแดด
สะพานทางเดินนี้ยาว 1,100 เมตร ปลายๆ สะพานน้ำเริ่มมีมาก และไหลแรงขึ้น จากไหลเอียงๆ ก็หักคอปักหัวดิ่งลงไปในคอหอยปีศาจ นี่คือจุดที่ม่านน้ำตกอีกวาซูมีความสูงที่สุด บ้างว่า 82 เมตร บ้างก็ว่า 90 เมตร แต่นักท่องเที่ยวจะเห็นแค่ไม่กี่สิบเมตรเพราะละอองน้ำตีกลับขึ้นมาปกคลุมภาพเบื้องล่างไว้จนหมด และจากตรงนี้เราจะมองเห็นม่านน้ำตกที่อยู่ในฝั่งบราซิลประจันหน้าเข้าหาฝั่งอาร์เจนตินา ขนานกันไปหลายร้อยเมตร มีลักษณะคล้ายรูปตัว U เป็นปีกซ้าย-ขวาที่เลยไปจากจุดเริ่มต้นคอหอยปีศาจ คนที่อยู่ฝั่งบราซิลจะมองเห็นแค่ช่วงปลายๆ ของคอหอยเท่านั้น
การจะออกจากจุดชมน้ำตกคอหอยปีศาจนี้เราต้องเดินกลับทางเดิมอีก 1,100 เมตร ขึ้นรถไฟกลับไปยังสถานี Estacion Cataratas ซึ่งเป็นสถานีเดียวกับที่จอดรับและส่งคนก่อนหน้านี้ เราเดินไปตามเส้นทางกำหนดอีก 1,750 เมตร ชื่อ Circuito Superior เพื่อชมน้ำตกแบบอยู่เหนือน้ำตก สะพานทางเดินสิ้นสุดที่น้ำตกชื่อ Salto San Martin หนึ่งในน้ำตกใหญ่ของชุดน้ำตกอีกวาซู หากหันหน้าไปทางฝั่งบราซิลจะเห็นแต่ป่าไม้และโรงแรม Belmond Hotel das Cataratas
พอเดินกลับถึงสถานีรถไฟ Estacion Cataratas พระคุณเจ้าท่านหนึ่งเริ่มเดินไม่ไหว ทั้งสองท่านจึงชวนกันกลับออกจากอุทยานไปยังบริเวณประตูทางเข้า ผมขอเดินต่อในเส้นทางที่ชื่อว่า Circuito Inferior ระยะทางรวม 1,400 เมตร แต่พอไปถึงปากทางเข้าเส้นทางนี้เจ้าหน้าที่สตรีบอกว่าปิดแล้ว แม้อุทยานยังไม่ปิดแต่ระยะเวลาที่ใช้จะไม่พอ จึงไม่อนุญาตให้ผมเข้าไป ผมถามว่าจุดชมน้ำตกในเส้นทางนี้สวยมั้ย เธอตอบว่าสวย เพราะเป็นมุมเงย แต่ก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าจุดชมคอหอยปีศาจ
มาดูเว็บไซต์ของน้ำตกภายหลังก็ได้ทราบว่าในแต่ละเดือนจะมีเวลา 5 วันช่วงพระจันทร์เต็มดวง ทางอุทยานจะเปิดในช่วงค่ำ รับนักท่องเที่ยวเข้าชม Moonbow หรือคันศรแห่งรัตติกาล ปรากฏการณ์รุ้งจันทราที่ดวงจันทร์ส่องมากระทบละอองของน้ำตก แม้ว่าภาพรุ้งอาจไม่ชัดเจนนักเพราะเป็นรุ้งที่แสงอาทิตย์ไปสะท้อนดวงจันทร์มาอีกทอดหนึ่ง แต่ก็ยังเห็นเป็นแสง 7 สี
ลุงบาซีมารับพวกเราตอนเกือบๆ 6 โมงเย็นไปส่งสนามบิน ผมจ่ายเงินค่านำเที่ยวและค่าอาหารเที่ยงที่แกออกให้ก่อนเมื่อวานนี้ ต่างฝ่ายต่างอวยชัยให้พรแก่กัน หากท่านผู้อ่านเดินทางไปอีกวาซูแล้วยังไม่มีรถนำเที่ยว ผมขอแนะนำลุงบาซีครับ เบอร์ของแก +54 9 3757 63 2182 สามารถแอดไปคุยกันทาง WhatsApp ได้
กลับถึงเมืองจาโคมุส จังหวัดบัวโนสไอเรสได้วันเดียว ผมยังไม่ลืมเรื่องไวน์ที่อีกวาซู ต้องพิสูจน์ว่าเสียค่าโง่ไปเท่าไหร่ จึงเดินเข้าเมืองไปดูราคาไวน์ตัวเดียวกัน
ราคาออกมาที่ 329 เปโซ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
4 กลุ่มชั่วน่ากลัวเป็นนักหนา กลุ่มที่ 5 ยิ่งน่าสยอง
ณ เวลานี้ หลายคนมองประเทศไทยด้วยความห่วงใยว่า ประเทศไทยของเราที่เป็นที่ชื่นชมของชาวโลก ทั้งการลงทุน การทำมาค้าขาย การเข้ามาพำนักยามชรา และการมาท่องเที่ยว
ลิ้นงู...ที่อยู่ในปากงู!!!
ถึงแม้นจะพะงาบๆ อยู่ห่างๆ...ไม่มีโอกาสได้ลงลึก เจาะลึก ในรายละเอียด ด้วยเหตุเพราะสุขภาพ สังขาร ร่างกาย และอาจด้วยความห่างเหิน ห่างหาย กับใครต่อใครมานานแสนนาน
ตั้ง 'นายพัน' สีกากีเริ่ม
อะไรจะเร็วขนาดนั้น! โผแต่งตั้ง "ตำรวจ" ระดับ "นายพันสีกากี" เริ่มขยับนับหนึ่งกันแล้ว ทั้งๆ ที่ระดับ "นายพล" ล็อตแรก ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)
ลัคนาตุลกับเค้าโครงชีวิตปี2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีที่มีระยะแตกแยกพี่น้อง หรือเพื่อนสนิท หรือยุ่งยากมรดก-การเงิน
ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้
เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ
เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!
เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม