มันมาแน่...จะมาเมื่อไหร่เท่านั้น

ไหนๆ ก็เขียนเรื่อง “ดีลแห่งปี” ระหว่างเครือธนาคารไทยพาณิชย์กับ “บิทคับ” มาแล้ว ก็ควรจะต้องมองอนาคตในสายตาของคนรุ่นใหม่ที่เขากำลังมุ่งมั่นสร้างธุรกิจใหม่ให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงที่หนักหน่วงรุนแรง

ผมเชื่อของผมว่าคนยุค baby-boomer อย่างผมต้องไม่ยอมล้าสมัย พยายามทำความเข้าใจกับการปรับเปลี่ยนของโลก

ที่เราไม่เคยคิดว่ามนุษย์จะไปดาวอังคารได้ วันนี้ผมเริ่มจะเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นก่อนผมจากโลกนี้ไปด้วยซ้ำ (แปลว่าผมต้องไม่หยุดหายใจง่ายๆ)

ที่ไม่เคยเชื่อว่าทุกอย่างจะอยู่ในมือถือเครื่องเดียวได้ วันนี้มันวิ่งไปไกลกว่าที่คาดคิดหลายร้อยเท่า

ที่เคยขึ้นว่าโลกนี้มีใบนี้ใบเดียวก็ต้องเชื่อว่าจะมี “โลกเสมือนจริง” ที่เรียกว่า Metaverse เกิดขึ้นได้ในอนาคตอันใกล้

คุณจิรายุส “ท็อป” ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ร่วมก่อตั้ง Bitkub ที่เป็นข่าวฮือฮาอยู่ขณะนี้ บอกผมในหลายโอกาสว่า โลกอนาคตสำหรับคนยุคของเขานั้นจะแตกต่างไปจากที่เราเคยรู้จักและที่กำลังประสบอยู่อย่างแน่นอน

เขามองว่า Blockchain-NFT-Metaverse จะกลายเป็นอนาคตของโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แน่นอนว่าจะต้องมีคนตั้งคำถามมากมายว่านั่นเป็นเพียงความฝันความทะเยอทะยานของคนรุ่นใหม่นี้หรือไม่

แต่ผมเฝ้ามองอย่างใกล้ชิดแล้วก็ต้องเชื่อว่าอะไรที่เราเชื่อวันนี้ว่า “เป็นไปไม่ได้” มันกำลังจะกลายเป็นสิ่งที่ “เป็นไปได้” หรือ “ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้” ด้วยซ้ำไป

จิรายุสเคยพูดไว้ในงานสัมมนา Better Trade Symposium 2021 ในหัวข้อ "NFT Revolution" ว่า เทคโนโลยีใหม่อย่าง NFT, Blockchain, Metaverse จะกลายเป็นอนาคตของโลก เพราะจะเป็นช่องทางใหม่ในการสร้างมูลค่า ประยุกต์ใช้ได้กับหลากหลายวงการในโลกความเป็นจริง

 “ท็อป” ตั้งข้อสังเกตว่าทุกๆ 10 ปี จะมีเทคโนโลยีใหม่ที่จะมาเปลี่ยนโลก

ตัวอย่างเช่นในช่วงปี ค.ศ.1990 เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เกิดขึ้นในโลกนี้

และ 10 ปีต่อมาก็มีเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต

ต่อมาอีก 10 ปีก็เกิด Smart Phone

พิสูจน์ด้วยความจริงต่อมาว่าเทคโนโลยีเหล่านี้ได้เข้ามาเปลี่ยนโลกของหนักหน่วงรุนแรง

ตามมาด้วยการก่อเกิดของธุรกิจมูลค่าหลักหลายล้านล้านบาท

ย้อนกลับไป ขณะนั้นจะไม่มีใครเชื่อว่าเทคโนโลยีเหล่านั้นจะเข้ามาเปลี่ยนโลกก็ตาม

ใครพูดถึงเรื่องราวเหล่านี้เมื่อ 20-30 ปีก่อนจะถูกเยาะเย้ยถากถางและด้อยค่าด้วยซ้ำไป

มาวันนี้เทคโนโลยี อย่าง Blockchain และ NFT (Non-Fungible Token) รวมไปถึงเทคโนโลยีอย่าง Metaverse ที่จะมาเปลี่ยน "สังคมก้มหน้า" ให้กลายเป็น ‘
"สังคมใส่แว่น"

นั่นแปลว่าผู้คนจำนวนมากจะใส่แว่นเพื่อเข้าสู่โลก "Metaverse" หรือ "โลกเสมือน" แทน

แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Facebook ยังต้องปรับตัวเองด้วยการ “รีแบรนด์ตัวเอง” ให้กลายเป็น "Meta" เตรียมความพร้อมเข้าสู่โลก Metaverse

ถึงขนาดยอมทิ้งแบรนด์ "Facebook"

เพราะมีความเชื่อมั่นในเทคโนโลยี Metaverse ว่าจะมาเขย่าโลกอีกรอบหนึ่ง

เมื่อมีโลก Metaverse “โลกเสมือน” แล้ว ก็ต้องมีกิจกรรมและวิถีชีวิตของมนุษย์ในโลกเสมือนนั้น

ด้วยเหตุนี้ เทคโนโลยีอย่าง "NFT" จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการนำสิ่งต่างๆ ในโลกความเป็นจริง พร้อมกับมูลค่าของสิ่งนั้นๆ เข้าไปสู่ในโลกดิจิทัล

แตกต่างกับเทคโนโลยีก่อนหน้าอย่าง "อินเทอร์เน็ต" ที่มีความสามารถที่เรียกว่า "Digital abundant" หรือการสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้โดยไร้ข้อจำกัดทางกายภาพ

นั่นแปลว่าทุกอย่างจะเพิ่มความรวดเร็ว, สามารถขยายขนาดเพื่อรองรับสิ่งต่างๆ ได้ง่ายมากกว่าในโลกที่จับต้องได้

โลกได้ผ่านจากจากการส่งจดหมายมาเป็นอีเมล

เปลี่ยนจากจัดประชุมในห้องประชุมเป็นการจัดประชุมผ่านช่องทางออนไลน์แทนช่วงการระบาดของโควิด-19 ได้ตอกย้ำถึงความจริงข้อนี้

จุดอ่อนของสิ่งแวดล้อมวันนี้ที่เรียกว่า "Digital abundant" คือการที่ไม่สามารถนำ "เงิน" หรือมูลค่าของสิ่งต่างๆ เข้าไปได้

แต่เทคโนโลยีใหม่อย่าง "บล็อกเชน" สร้างสิ่งที่เรียกว่า "Scarcity" หรือ “การมีจำนวนจำกัด” หรือสร้าง “ความขาดแคลน” ขึ้นมา

เมื่อมีจำนวนจำกัดก็จะเกิดคุณค่า

ตามมาด้วยความความสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบของสกุลเงิน หรืออะไรก็ตามที่มาพร้อมกับมูลค่าของมันให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลได้

ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนทำให้เกิด "NFT" ซึ่งก็คือ "Zero sum game" อันหมายถึงความสามารถสร้างมูลค่าให้กับตัวเองจากอากาศได้

เช่นการที่ Bitkub ได้สร้าง NFT ที่เป็นรูปแบบการ์ดนางงามขึ้นมา มีมูลค่าพุ่งสูงขึ้นไปถึงกว่า 1 แสนบาท

มูลค่าเหล่านั้นก็คือ “มูลค่าทางจิตใจ” ของผู้ที่พร้อมจะซื้อโดยที่ทาง Bitkub แทบไม่ต้องเสียหรือลงทุนอะไรเลย

ไม่ต่างอะไรกับการ “ขัดเพชร”

หมายถึงการเอาสิ่งต่างๆ รอบตัวเราที่อาจจะเป็น “เพชร” ที่ยังไม่ได้ผ่านการเจียระไน

NFT ก็เป็นกระบวนการที่สามารถสร้างมูลค่าให้กับสิ่งเหล่านั้นได้

ไม่เพียงเท่านั้น NFT ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับหลากหลายวงการ อย่างเช่น ในเชิงการตลาด เจ้าของร้านอาหารสามารถเลือกแจก NFT ให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเพื่อดึงดูดลูกค้าอย่างต่อเนื่องได้

หากทำได้ถูกต้องและโปร่งใสก็จะเป็นการสร้างรูปแบบกิจกรรมธุรกิจ win-win ที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์

สำหรับหลายคนเรื่องทั้งหมดนี้อาจจะสร้างความงงๆ ว่ามันเป็นไปได้จริงหรือ

ทุกนวัตกรรมในโลกนั้นตอนแรกที่ปราฏให้เห็นก็จะมีลักษณะเหมือนพยากรณ์อากาศเรื่อง “ฟ้าหลัว” หรือมองเห็นแบบเบลอร์ๆ อย่างนี้แหละ

แต่อย่าได้คลาดสายตาเป็นอันขาด

เพราะถ้าไม่เป็นเพียงภาพลวงภาพหลอนก็ไม่เป็นไร

แต่หากมันกลายเป็นเรื่องจริงๆ ในอีกไม่นานข้างหน้า หากเราเตรียมพร้อมและเข้าไปร่วมวงได้ทัน ก็จะได้ไม่ตกรถไฟขบวนใหญ่อย่างที่เคยพลาดมาแล้ว!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ