นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ Liz Truss วัย 47 ปี พูดเสมอว่าเธออยากจะเป็นอย่างอดีตนายกฯ หญิงเหล็ก Magaret Thatcher
เมื่อเย็นวันจันทร์ที่ผ่านมา สมาชิกพรรคอนุรักษนิยม หรือ Conservative Party ก็ลงมติเลือกเธอให้เป็นผู้นำประเทศต่อจากบอริส ยอห์นสัน เพื่อบริหารประเทศในภาวะที่มีวิกฤตมากมายหลายด้าน
แทตเชอร์คือนายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักรตั้งแต่ปี 1979-1990 และเป็นผู้นำพรรคอนุรักษนิยมตั้งแต่ปี 1975-1990
แทตเชอร์เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของอังกฤษ และเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในศตวรรษที่ 20
ถึงขนาดที่นโยบายของเธอทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจได้สมญาว่า Thatcherism
วันนี้ ลิซ ทรัสส์ จะสามารถเจริญรอยตามนักการเมืองแม่แบบของเธอหรือไม่ ยังเป็นโจทย์ที่ยากอย่างยิ่ง
ประวัติของลิซ ทรัสส์ เกี่ยวโยงกับความฝันที่จะเป็นนักการเมืองตั้งแต่อายุยังน้อย
ตอนอายุ 9 ขวบ ลิซเคยสวมบทเป็นมาร์กาเรต แทตเชอร์ ในละครของโรงเรียน
ละครที่เธอเล่นมีฉากที่ต้องหาเสียงเลือกตั้งด้วย
ลิซ ทรัสส์ เล่าแบบขำๆ ว่า "ในละครนั้น ฉันพยายามกล่าวสุนทรพจน์อย่างจริงจัง แต่สุดท้ายไม่มีใครลงคะแนนให้เลย แม้แต่ฉันก็ไม่ลงคะแนนให้ตัวเอง"
เธอเกิดในเมืองออกซ์ฟอร์ด คุณพ่อเป็นศาสตราจารย์ด้านคณิตศาสตร์ และแม่ของเธอซึ่งเป็นพยาบาล
เธอเคยบอกว่าคุณแม่มีความคิดการเมืองไปทาง “ซ้าย” และมักเข้าร่วมกิจกรรมเดินขบวนของกลุ่มเรียกร้องปลดอาวุธนิวเคลียร์
นั่นคือช่วงจังหวะที่คนรุ่นใหม่อังกฤษออกมาต่อต้านนโยบายของรัฐบาลแทตเชอร์ที่อนุญาตให้มีการติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ที่กรีนแฮม คอมมอนทางตะวันตกของกรุงลอนดอน ของกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร
ลิซ ทรัสส์ ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และเรียนวิชาปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์
เธอมีแนนวโน้มชอบการเมืองตั้งแต่เป็นนักศึกษา และร่วมตั้งกลุ่มการเมืองที่เลื่อมใสในพรรคลิเบอรัล เดโมแครต หรือแนวทางของ “เสรีประชาธิปไตย” ที่ไม่ใช่ทั้งพรรคอนุรักษนิยมและพรรคแรงงาน
จบจากมหาวิทยาลัยใหม่ๆ เธอได้งานเป็นนักบัญชีที่บริษัท เชลล์ (Shell) และบริษัท เคเบิล แอนด์ ไวร์เลส (Cable & Wireless)
แต่งงานกับฮิว โอเลียรี ซึ่งเป็นนักบัญชีเหมือนกัน มีลูกด้วยกัน 2 คน
ความพยายามครั้งแรกที่จะเป็น ส.ส.ของพรรคอนุรักษนิยมไม่ประสบความสำเร็จ
เธอสมัครที่เมืองเฮมสเวิร์ธ ของเวสต์ ยอร์กเชียร์ ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2001 แต่แพ้ให้กับคู่แข่ง
ต่อมาในปี 2005 เธอลงแข่งอีกครั้ง แต่ก็แพ้ที่เขตเลือกตั้งเมืองคาลเดอร์ วัลเลย์ ซึ่งอยู่ในเวสต์ ยอร์กเชียร์
เธอไม่ยอมแพ้ ปีต่อมาลงสมัครอีกและได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาของกรีนิช ทางตะวันออกเฉียงใต้ของลอนดอนในปี 2006
ตั้งแต่ปี 2008 เธอก็ได้ทำงานเป็นรองผู้อำนวยการของรีฟอร์ม (Reform) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยที่มีแนวทางความคิดที่เอียงไปทาง “ขวา”
แล้วชีวิตก็เปลี่ยนเมื่อเธอก็ได้รับการสนับสนุนจากเดวิด คาเมรอน หัวหน้าพรรคคอนเซอร์เวทีฟในขณะนั้น
เขายอมให้เธออยู่ในบัญชีผู้สมัครอันดับต้นๆ ในการเลือกตั้งปี 2010
ครั้งนี้เธอก็ได้รับเลือกให้ลงเลือกตั้งในเขตที่เป็นฐานเสียงของพรรคคอนเซอร์เวทีฟอย่าง เซาท์ เวสต์ นอร์ฟอล์ก
หลังจากได้เป็น ส.ส.เพียง 2 ปี เธอได้เข้าร่วมรัฐบาลในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยศึกษา
และต่อมาในปี 2014 นายกฯ คาเมรอนก็เลื่อนให้เธอเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม
ฝ่ายตรงกันข้ามของเธอมักจะเตือนคนอังกฤษให้จำไว้ว่า
ในการลงประชามติ Brexit ในปี 2016 ที่ให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรปนั้น ลิซ ทรัสส์ อยู่ฝ่าย Remain หรือไม่ให้แยกตัวออกจากอียู แต่ก็มาทำงานกับนายกฯ จอห์นสันที่ทำ Brexit ให้เกิดขึ้นจนได้
ต่อมาในปี 2016 เธอได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในสมัยของนายกรัฐมนตรีเทรีซา เมย์
และต่อมาอีก 1 ปีก็ได้เป็น รมช. คลัง ซึ่งทำให้เธอดูแลเรื่องเศรษฐกิจสำคัญๆ หลายโครงการ
นายกฯ คนต่อมาคือ บอริส จอห์นสัน ก็เห็นความสามารถของเธอ
ในปี 2019 เธอถูกย้ายไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าระหว่างประเทศ
และเมื่อปีที่แล้วนี่เอง เธอก็สวมตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในตำแหน่งที่อาวุโสที่สุดในรัฐบาล
ที่ทำให้เธอโดดเด่นอีกเรื่องหนึ่งในตำแหน่งนี้คือ เมื่อรัสเซียบุกยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์นั้น
เธอแสดงท่าทีที่แข็งกร้าว ยืนกรานว่า อังกฤษและยุโรปต้องร่วมมือกันผลักดันกองกำลังทั้งหมดของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ออกไปจากยูเครนให้จงได้
นโยบายสำคัญที่อาจมีส่วนสำคัญทำให้เธอได้รับเลือกเป็นนายกฯ น่าจะเป็นแนวทางช่วยเหลือชนชั้นกลางที่กำลังเผชิญกับความลำบาก เพราะเงินเฟ้อและราคาข้าวของแพงลิ่ว โดยเฉพาะเรื่องพลังงาน
เธอประกาศจะยกเลิกการปรับขึ้นเงินนำส่งกองทุนประกันสังคม (National Insurance) ของสหราชอาณาจักร หลังจากมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา
อีกทั้งยังจะช่วยเหลือธุรกิจเอกชนด้วยการยกเลิกแผนการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เดิมจะปรับขึ้นจาก 19% เป็น 25% ในปีหน้า
อีกเรื่องหนึ่งคือการระงับ "อากรสีเขียว" (green levy) หรือภาษีสิ่งแวดล้อม
นอกจากนั้นเธอยังประกาศจะตัดลดค่าใช้จ่ายลงด้วยการขยายระยะเวลาการชำระ "หนี้โควิด" ของอังกฤษให้ยาวขึ้นไปอีก
ที่ได้ใจคนทำงานที่ต้องดูแลเด็กและผู้สูงวัยคือ แนวทางของเธอที่จะแก้ไขการจัดเก็บภาษีเพื่อช่วยเหลือคนที่ต้องอยู่บ้านเพื่อดูแลลูกหรือญาติที่สูงอายุ
อีกทั้งจะสร้างโซนพิเศษที่เก็บภาษีต่ำและลดกฎเกณฑ์ทางการให้น้อยลงในภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อสร้าง “ศูนย์กลางวิสาหกิจและนวัตกรรม” เพื่อสร้างอนาคตของประเทศ
เธอรับปากว่าจะพยายามไม่ตัดลดการใช้จ่ายภาครัฐลง หากหาช่องทางที่เป็นไปได้
เพื่อโยกงบประมาณไปแก้ปัญหาอื่นๆ ในอนาคต
แต่เธอยังจะเดินหน้าปรับขึ้นงบประมาณกลาโหมต่อ
จากเป้าการใช้งบกลาโหมที่ 2.5% ของจีดีพีในปี 2026 และจะตั้งเป้าการใช้งบกลาโหมใหม่เป็น 3% ในปี 2030
ที่ต้องจับตาดูเป็นพิเศษคือ พอเธอขึ้นมาบริหารสหราชอาณาจักร จะทำให้สงครามในยูเครนยิ่งจะร้อนแรงขึ้นอีกหรือไม่อย่างไร.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ