สหรัฐฯ ส่งเรือรบ 2 ลำแล่นผ่านช่องแคบไต้หวันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
จีนประกาศยกระดับความเตรียมพร้อม
เป็นการโชว์กล้ามของสหรัฐฯ ครั้งแรกใกล้ๆ จีน เพื่อแสดงการปกป้องไต้หวัน...เป็นครั้งแรกหลังการมาเยือนของแนนซี เพโลซี, ประธานสภาผู้แทนสหรัฐฯ
เป็นจังหวะเดียวกับที่ไต้หวันประกาศเพิ่มงบประมาณกลาโหม 14.9% พร้อมกับเตรียมการ “ปฏิรูปกองทัพ” ครั้งสำคัญเพื่อตั้งรับภัยคุกคามจากจีนแผ่นดินใหญ่
ไต้หวันต้องการแสดงความตื่นตัวทางด้านกลาโหมก็เพื่อยันกับที่ปักกิ่งว่าพร้อมจะใช้กำลัง “รวมชาติ” หากไต้หวันยังพูดถึงเรื่องแยกดินแดน
อเมริกาส่งเรือรบมาแล่นแถวนี้โดยอ้าง “เสรีภาพแห่งการเดินเรือในทะเลหลวง”
ขณะที่จีนยืนยันว่าช่องแคบไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของอธิปไตยจีน
ที่น่าวิเคราะห์เป็นพิเศษคือ การที่รัฐบาลไต้หวันเสนองบประมาณด้านการป้องกันประเทศสำหรับปี 2023 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อตอกย้ำว่ากองทัพของเกาะแห่งนี้ยังคงกระตือรือร้นที่จะพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อยกระดับความพร้อมรบของตน
งบประมาณทางทหารของรัฐบาลประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ที่เสนอเป็นจำนวน 523.4 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน (17.3 พันล้านดอลลาร์) หรือประมาณ 622,000 แสนล้านบาท
เท่ากับขยับขึ้น 14.9% จากการจัดสรรทั้งหมดในปีนี้
งบประมาณทางทหารก้อนนี้รวม 108.3 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน สำหรับเครื่องบินไอพ่นต่อสู้ขั้นสูง
และโครงการยกระดับความสามารถในการต่อสู้ทางทะเลและทางอากาศ
หากรวมงบ “กองทุนพิเศษ” อื่นๆ ที่เกี่ยวโยงกับกลาโหมด้วย งบประมาณทั้งหมดจะสูงถึง 586.3 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน
งบเสริมกองกำลังทางทหารสำหรับปีใหม่นี้กำลังรอการอนุมัติจากสภานิติบัญญัติหยวน ซึ่งจะเริ่มสมัยประชุมใหม่ในเดือนหน้านี้
ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นจังหวะที่สอดคล้องกับกรณีที่ไต้หวันอ้างว่า “ภัยคุกคาม” จากจีนแผ่นดินใหญ่กำลังสูงขึ้นตลอดเวลา
จึงต้องทำทุกอย่างที่จะเสริมความสามารถของตนในการป้องกันตัวเอง หลังจากที่ปักกิ่งทำการซ้อมรบทางทหารด้วยกระสุนจริงครั้งใหญ่ที่สุดรอบๆ เกาะไต้หวันเมื่อต้นเดือนนี้
โดยที่ “กองทัพปลดแอกประชาชน” จีนได้ส่งเครื่องบิน โดรน ขีปนาวุธ และเรือรบปฏิบัติการไปรอบๆ ไต้หวันและหมู่เกาะรอบนอกหลังการเยือนของเพโลซีที่กลายเป็นฉนวนของความขัดแย้งระลอกใหม่ระหว่างจีน, สหรัฐฯและไต้หวัน
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ฝ่ายนิติบัญญัติของไต้หวันผ่านร่างกฎหมายใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 8.6 พันล้านดอลลาร์ สำหรับงบประมาณการป้องกันประเทศเป็นกรณีพิเศษ 5 ปี
นอกเหนือจากงบประมาณการป้องกันประจำปี ในปีนี้การใช้จ่ายด้านกลาโหมของจีนเพิ่มขึ้น 7.1% เป็น 1.45 ล้านล้านหยวน (211 พันล้านดอลลาร์) สูงกว่าการเพิ่มขึ้น 6.8% ในปี 2564
ไต้หวันยืนยันว่าจีนคอมมิวนิสต์ไม่เคยปกครองตน แต่ปักกิ่งอ้างว่าเกาะนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “จีนเดียว” และปฏิเสธที่จะยืนยันว่าจะ “รวมชาติด้วยวิธีสันติ” แต่เพียงอย่างเดียว
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศบ่อยครั้งว่าหากจำเป็น ปักกิ่งก็จะไม่ลังเลที่จะใช้กำลังเพื่อจัดการกับพวก “แยกดินแดน”
ภายใต้การนำของประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ไต้หวันได้ดำเนินการปฏิรูประบบการป้องกันประเทศในหลายด้าน รวมถึงการเสริมความแข็งแกร่งให้กับกองกำลังสำรอง เพิ่มอาวุธยุทโธปกรณ์เป็น 2 เท่า และการสร้างหน่วยพลเรือนที่ปฏิบัติการโยงกับกองทัพอีกหลายหน่วย
อดีตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มาร์ก เอสเปอร์ ระหว่างการเยือนไทเปเมื่อเดือนกรกฎาคม เรียกร้องให้ไต้หวันขยายเวลาการฝึกทหารภาคบังคับ 4 เดือนที่มีอยู่สำหรับเกณฑ์ทหารเป็นอย่างน้อย 1 ปี และให้รวมถึงผู้หญิงด้วย
ทุกวันนี้มีเพียงผู้ชายไต้หวันที่อายุมากกว่า 18 ปีเท่านั้นที่ต้องฝึกอบรมวิชาทหารเป็นภาคบังคับ ส่วนผู้หญิงไต้หวันมีสิทธิ์เลือกจะเป็นทหารหรือไม่ก็ได้
ตัวเลขล่าสุดบอกว่า มีทหารทั่วไต้หวัน 180,000 นาย และทหารหญิงมีเพียง 15% เท่านั้น
ตลอดเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ หลายชุดได้ผลักดันไต้หวันให้ปรับปรุงกองทัพของตนให้ทันสมัย ให้กลายเป็น "เม่น" ที่ปักกิ่งโจมตีและยึดครองได้ยาก
วอชิงตันแนะนำให้ไทเปจัดหาอาวุธที่ถูกกว่า คล่องตัวกว่า และสามารถตั้งรับปักกิ่ง
แนวทางนี้ได้รับการสนับสนุนจากคนวงในในระดับรุ่นใหญ่บางคนในไต้หวัน รวมถึง Lee Hsi-min อดีตเสนาธิการทั่วไปของกองทัพไต้หวัน
เขาให้สัมภาษณ์ Nikkei Asia ว่าไต้หวันควรจัดลำดับความสำคัญของอาวุธที่คุ้มทุนและเอาตัวรอดได้มากกว่า “อาวุธทั่วไป เช่น รถถัง เรือดำน้ำ และเครื่องบิน มีโอกาสสูง หากคุณใช้เงินไปกับอาวุธขนาดใหญ่เหล่านี้ คุณจะไม่มีทรัพยากรสำหรับอาวุธขนาดเล็ก”
“ไต้หวันควรได้รับอาวุธขนาดเล็ก เคลื่อนที่ได้ และราคาไม่แพงจำนวนมาก ซึ่งสามารถตั้งรับการโจมตีครั้งแรกของปักกิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยขีปนาวุธพิสัยไกลของจีนหรือเครื่องบินขับไล่ ดังนั้นกองกำลังจีนจึงต้องพยายามเข้าใกล้ไต้หวันมากขึ้น ซึ่งทำให้พวกเขาเสี่ยงมากขึ้น” ลีกล่าว
ลียกตัวอย่างที่ยูเครนสามารถสกัดกั้นการรุกรานจากรัสเซียที่ไต้หวันควรจะสรุปเป็นบทเรียน
เขาเสนอให้มีการจัดตั้งกองกำลังป้องกันดินแดนของไต้หวันที่เป็นอาสาสมัครทั้งหมด
เพื่อให้ปักกิ่งได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของไต้หวัน และระงับยับยั้งความคิดใดๆ ที่จะบุกยึดเกาะไต้หวันด้วยกำลัง
(พรุ่งนี้ : อะไรคือหลักการป้องกันตัวเองแบบ “เม่น” หรือ Porcupine Defence Strategy)?.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ