'ในรอบครึ่งศตวรรษ'

นับจาก ๒๔ สิงหา

เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้พลเอกประยุทธ์ "หยุดปฏิบัติหน้าที่" จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย ประเด็น "นายกฯ ๘ ปี"

จนถึงวันนี้่....๒๙ สิงหา ๖๕

พลเอกประยุทธ์ นอกจาก "หยุดปฏิบัติหน้าที่" ตามคำสั่งศาลเคร่งครัดแล้ว ก็ยังไม่ปรากฏเลยว่า

พลเอกประยุทธ์จะพูดหรือแสดงกิริยาท่าทีใดๆ ในทางต่อต้านหรือไม่พอใจคำสั่งศาล

ทุกอย่าง "สงบนิ่ง" อยู่ในกรอบประชาธิปไตยเรียบร้อย!

ในทางตรงกันข้าม....

นายกฯ หยุดชั่วคราวตามศาลสั่งด้วยเคารพ

แต่ฝ่ายค้านกลับ "ไม่หยุด" ด้วยไม่เคารพกฎกติกาใดๆ

ได้คืบจะเอาศอก ปั่นวาทกรรม ๘ ปี อยู่นานเกินไปแล้วบ้าง บีบให้นายกฯ "ลาออก" ไปเลยบ้าง

แสดงกิริยาวาจาหมิ่นทราม เย้ยหยาม ถากถางในทางด้อยค่า "พลเอกประวิตร" รักษาราชการแทนนายกฯ ต่างๆ นานาบ้าง

บ่งเจตนาขบวนการแดงส้มสามนิ้วทั้งในถนนและสภา ว่าพยายามทุกวิถีทางจะรุกรานให้ ๓ ป.พ้นไปจากพื้นที่การเมือง

เพราะอะไร รู้มั้ยครับ?

เพราะมันกลัวจนขี้หดตดหาย ปากก็ว่าไม่กลัว เลือกตั้งจะแลนด์สไลด์ กระโปรงครอบครัวใหญ่เพื่อไทยนายหญิง จะครอบประเทศไทยได้ทั้งประเทศ

แต่ในใจ มันหวั่นไหว ตั้งแต่ตัวพ่อ-ตัวลูก ยันขี้ข้าทั้งคอก

หวั่นไหวว่า........

ตราบใดที่ "พลเอกประยุทธ์" ยังอยู่ในยุทธจักรการเมือง  ตราบนั้น พวกมันก็เหมือนหมา ผวาแค่เสียงฟ้าร้อง

ฉะนั้น มันจึงต้องตามราวีทุกรูปแบบ ทั้งในกฎหมาย-นอกกฎหมาย และในถนน ต้องกำจัดให้พ้นทางไป

ไม่งั้น เลือกตั้่งปีหน้า.....

ที่ว่าแลนด์สไลด์ พวกมันก็จะกลายเป็นหมาแหงนคอมองปลาเค็มบนขื่อต่อไปอีก ๔ ปี!

เป็นหมาโซ ซี่โครงบาน มาร่วม ๘ ปี แทบซี้เอ๋งๆ ต้องแทะหางเสริมอาหารเม็ดจนใกล้ด้วน

แล้วนี่ เลือกตั้งปี ๖๖.........

ขืนยังมีพลเอกประยุทธ์อยู่ในบัญชีนายกฯ เลือกตั้ง เป็นต่ออีก ๔ ปี รวมเป็น ๑๒ ปี

แบบนี้ พวกกู...ทั้งคอก มิต้องแทะที่เหลือแต่โคนหางจนถึงหำและ...หรือนี่?
นี่แหละ ถึงได้เรียงหน้าหนังหนาๆ ทั้งตัวผู้-ตัวเมียปั้นวาทกรรมออกมาทำนองเรียกร้องจิตสำนึกให้เป็นข่าวรายวัน...ไม่ต้องรอศาลวินิจฉัย ให้ลาออกไปเลย!

เรียกว่าหมดยางอายกันแล้ว เพื่อระบอบทักษิณได้กลับมากินเมือง ทำทุกทาง ไม่เว้นรุกล้ำเสรีภาพส่วนตนของนายกฯ

พวกมันรู้ คนดี จะหน้าบาง ตื๊อให้หนักเข้าไว้ เดี๋ยวก็รำคาญ จะตัดสินใจ "เทน้ำข้าวประชดหมา"!

ทำไมพวกแดงส้มสามนิ้ว "เพื่อไทย-ก้าวไกล" พยายามปลุก ประเด็น "เผด็จการ" มาสร้างความชอบธรรมในการก่อริยำเมืองไม่สำเร็จ...รู้มั้ย?

ถ้าไม่รู้ ต้องอ่านนี่.....

ศาสตราจารย์ชาวอเมริกันท่านหนึ่ง "ดร.สกอตต์ ธอมป์สัน" (W. Scott Thompson) ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ได้เขียนบทความตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ "ลอสแองเจลิสไทมส์" เมื่อ ๒๗ พ.ค.๕๗ คือหลังพลเอกประยุทธ์ยึดอำนาจปี ๕๗ ไม่กี่วัน

บทความนี้ ตีพิมพ์ซ้ำต่อๆ มา เช่นในเว็บไซต์ "กัลฟ์นิวส์" พูดถึงการเข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศของพลเอกประยุทธ์ไว้ ว่า....................

"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" และฝ่ายทหาร ได้บังคับขับไสผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี (นิวัฒน์ธํารง บุญทรงไพศาล-เปลว) ให้ออกจากอำนาจ

โดยผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีผู้นั้น

ได้เข้าทำหน้าที่นี้ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้นายกรัฐมนตรี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ยุติการดำรงตำแหน่ง

เนื่องจากมีความผิดในข้อหาใช้อำนาจโดยมิชอบ

ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น ในระหว่างที่เธอปกครองประเทศอยู่ ก็คอยรับคำสั่งต่างๆ จากพี่ชายของเธอ....จอมเผด็จการ และอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ซึ่งหลบหนีไปลี้ภัยอยู่ในต่างแดน

ประเทศไทย ได้ตกอยู่ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายในการประท้วงทางการเมืองยาวนานแรมเดือน

ระหว่าง “เสื้อเหลือง” ซึ่งเป็นคนไทยในเขตชุมชนเมืองผู้สนับสนุน "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"

และกลุ่มผลประโยชน์ชนชั้นนำผู้ต้องการให้รัฐบาลที่ครองอำนาจอยู่ออกจากตำแหน่งไป

กับ “เสื้อแดง” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนผู้ยากจนกว่าที่พำนักอยู่ในเขตต่างจังหวัด โดยผู้คนเหล่านี้ สนับสนุนทักษิณและหาทางให้เขากลับคืนสู่อำนาจ

ดังนั้น เมื่อมีนายพลผู้มาดมั่นทะเยอทะยานและมีความสามารถผู้หนึ่ง พยายามที่จะทำให้ประเทศชาติมีเสถียรภาพ

โดยที่ในขณะนี้ เขาก็ได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้เข้าดำรงตำแหน่งด้วย

"มันจึงมีความเป็นไปได้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์ว่า เขาจะพิสูจน์ให้เห็นว่า การรัฐประหารทั้งหลายนั้น ใช่ว่าจะเลวร้ายไปเสียทั้งหมด”

ศาสตราจารย์ผู้นี้ยังระบุว่า

"ความปั่นป่วนสับสนทางการเมืองในประเทศไทยนั้น มีรากเหง้าที่ลึกซึ้ง"

เขาชี้ว่า ประเทศไทยต้องประสบโชคร้าย เช่นเดียวกับเยอรมนีในยุคทศวรรษ ๑๙๓๐ และอิตาลีในยุคทศวรรษ  ๑๙๒๐

ทำให้ได้นักหลอกล่อฉวยโอกาสทางการเมือง ซึ่งเที่ยวให้สัญญาต่างๆ มากมาย เข้าครองอำนาจปกครองประเทศ

และย้ำว่า........

"การปล่อยให้ 'ระบอบทักษิณ' คงอยู่ คือ ความตายของประชาธิปไตยไทย"

 “ทักษิณนั้น ทำเงินได้เป็นพันๆ หมื่นๆ ล้านในอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ

และได้เริ่มซื้อเหล่านักหนังสือพิมพ์ ตลอดจนนักการเมืองทางภาคเหนือมาเป็นพวก

เขาชนะการเลือกตั้งในปี ๒๐๐๑ อย่างถล่มทลาย และก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ของเขา

เขาดำเนินการปิดกั้นส่วนต่างๆ ของสื่อมวลชน ซึ่งเขายังไม่สามารถควบคุมได้

นอกจากนั้น มีรายงานว่า มีผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยๆ  ๓,๐๐๐ คน ถูกฆ่าตายในสงครามปราบปรามยาเสพติดของเขา อีกทั้งแสดงให้เห็นอย่างเต็มตาว่า เขาจะยังครองอำนาจต่อไปอีกยาวนาน”

ทฤษฎีเรื่องประชาธิปไตยนั้น ไม่เคยเลยที่จะหมายความอย่างง่ายๆ เพียงแค่ว่า "การปกครองโดยคนส่วนใหญ่"

"แน่นอนทีเดียวว่า ทักษิณก็ใช้กลไกด้านการตรวจสอบและการคานอำนาจด้วย แต่เป็นชนิดที่แตกต่างออกไป

โดยที่เขานำมาใช้เพื่อกระชับฐานอำนาจของเขาให้เข้มแข็ง ทั้งในกิจการตำรวจ และในกองทัพด้วย ถึงแม้มีหลักฐานว่า เขาประสบความสำเร็จน้อยกว่า…”

ศาสตราจารย์อเมริกันผู้นี้ กล่าวอีกว่า.......

 “เป็นเรื่องยากลำบากเสมอที่จะอ้างเหตุผลความชอบธรรมให้แก่การทำรัฐประหาร แม้กระทั่งในกรณีที่เป็นการเข้าแทนที่ระบอบปกครองที่ย่ำแย่เต็มที”

อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่า

 “ถ้าหากจะให้เหตุผลความชอบธรรมแก่การต่อต้านการรัฐประหารคราวนี้ ก็จำเป็นจะต้องไปให้ความสนับสนุนต่อทักษิณ บุรุษผู้ซึ่งจะไม่ยอมอดทนต่อการคัดค้านใดๆ ทั้งสิ้น แม้กระทั่งจากสถาบัน

และเป็นผู้ซึ่งจะปกครองด้วยกำปั้นเหล็ก ตราบเท่าที่เขา หรือผู้ที่เขาคัดเลือกให้มาสืบทอดต่อจากเขา ยังมีชีวิตอยู่”

โดยส่วนตัวแล้ว ผมมีความประหลาดใจว่า นายพลผู้นี้  (พล.อ.ประยุทธ์) ได้รอคอยมาเป็นเวลายาวนานถึงขนาดนี้  เขาเดินหมากของเขาด้วยความระมัดระวังมาก

ด้วยการประกาศใช้กฎอัยการศึกอย่างเป็นกลางๆ ในวันหนึ่ง แล้วจึงเข้ายึดอำนาจในอีกวันหนึ่ง

"กองทัพไทยไม่ได้ผลิตนายพลที่มีความสามารถอันเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางขนาดนี้เลย ในรอบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา”

ศาสตราจารย์ ดับเบิลยู. สกอตต์ ธอมป์สัน กล่าวสรุปบทความของเขาว่า

 “การเลือกให้ระบอบทักษิณปกครองประเทศต่อไป ก็คือการรับประกันให้ประชาธิปไตยในไทยตายดับสูญไปภายในอนาคตอันใกล้

ขณะที่การสนับสนุนการก่อรัฐประหารยึดอำนาจของฝ่ายทหาร อาจจะ (แค่อาจจะ) เป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้น ที่จะสามารถฟื้นฟูประชาธิปไตยให้กลับคืนมาได้"

ความจริงทางประวัติศาสตร์ทั่วๆ ไปนั้น มีอยู่ว่า ระบอบปกครองต่างๆ ที่นำมาซึ่งระเบียบเรียบร้อย

อย่างน้อยที่สุด ก็ทำให้มีความเป็นไปได้ ที่จะเกิดการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย          

ขณะที่แทบไม่ปรากฏเลยว่า ระบอบปกครองในทางตรงกันข้าม จะสามารถทำอะไรเช่นนี้ได้

ทั้งนี้ ระบอบปกครองที่ปล่อยให้ทำอะไรตามใจนั้น มีความโน้มเอียงที่จะนำไปสู่การปราบปรามอย่างรุนแรง ซึ่งกลายเป็นการสร้างความย่อยยับให้แก่การปกครองอันเรืองปัญญา.

....................................

 “การเลือกให้ 'ระบอบทักษิณ' ปกครองประเทศต่อไป  ก็คือการรับประกันให้ประชาธิปไตยในไทย 'ตายดับสูญ' ไปภายในอนาคตอันใกล้"

นี่คือทัศนะ-มุมมอง "ดับเบิลยู. สกอตต์ ธอมป์สัน" ซึ่งเคยทำงานอยู่ในคณะรัฐบาลอเมริกัน

ทั้งประธานาธิบดี เจอรัลด์ ฟอร์ด และประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน ในตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ

"กองทัพไทยไม่ได้ผลิตนายพลที่มีความสามารถอันเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางขนาดนี้เลย ในรอบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา”

นายพลผู้นั้น คือ "พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา".

คนปลายซอย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'Grab rider ต้วง'

ดู "นาฬิกากรรม" แล้ว ก็อยากบอกว่า.... ช่วงนี้ ใครมีธุระอะไร ก็ไปทำซะให้เสร็จ ยังพอมีเวลา