หรือศึกสู้เงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะหนักหน่วงกว่าสงครามยูเครน?

ตลาดหุ้นและการเงินของไทยเราเปิดมาวันจันทร์นี้จะสะท้อนถึงปฏิกิริยาต่อคำประกาศ “เขย่าโลก” ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ Jerome Powell เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา

เพาเวลล์ชกหมัดตรงว่า “เรายังต้องขึ้นดอกเบี้ยในระดับสูงไปจนกว่าจะสามารถคุมอัตราเงินเฟ้อได้”

และสำทับว่า “เราจะยืนหยัดอยู่อย่างนี้จนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น...”

We will keep at it until we are confident the job is done

ประโยคนี้นี่แหละที่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาดเงินตลาดหุ้นทันที

Dow Jones -1,008 จุด หรือ -3.03%

Nasdaq -498 จุด หรือ -3.94%

Bitcoin -1,500 ดอลลาร์ ลงมาเหลือ 20,200 หรือ -6.75%

Ethereum -200 ดอลลาร์ ลงมาเหลือ 1,500หรือ -12%

ผู้สันทัดกรณีอย่าง ดร. กอบศักดิ์ ภูตระกูลถึงกับอุทานว่า

“ระเนระนาด” เลยทีเดียว

ผมย้อนไปฟังคำปราศรัยของเพาเวลล์ที่ยาวประมาณ 10 นาที ที่เมือง Jackson Hole ของรัฐวายโอมิ่งเมื่อค่ำวันศุกร์เวลาบ้านเราแล้วก็สำเหนียกได้ทันทีว่า

ครั้งนี้ประธานเฟด “ไม่ล้อเล่น”

แกเปิดมาก็บอกเลยว่า “วันนี้ผมจะพูดกระชับและตรงจุดเลย”

ว่าแล้วก็ชกเปรี้ยงว่าอัตราเงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 2% มากนัก

จึงยังต้องเดินหน้าใช้มาตรการเข้มข้นด้านดอกเบี้ยต่อไป

เพราะภารกิจหลักของธนาคารกลางคือการที่จะต้อง “รักษาเสถียรภาพของราคาสินค้า” เอาไว้ให้ได้

ดังนั้น คนอเมริกันก็ต้องเตรียมรับ “ความเจ็บปวด” วันนี้ดีกว่าที่จะเจอกับ “ความเจ็บปวดหนักกว่านี้” ในวันข้างหน้า

ซึ่งตรงกันข้ามกับความคาดหวังของนักลงทุนเดิมที่เห็นว่าอัตรา

เงินเฟ้อสหรัฐเริ่มลงมาให้เห็น 1 เดือนแล้ว 

ที่นักลงทุนแอบหวังคือดอกเบี้ยจะขึ้นไปไม่มาก แค่ 3.66% ก็จะน่าจะจบ

ดอกเบี้ยก็น่าจะลดได้ในช่วงกลางปี

แต่เพาเวลล์ประกาศเมื่อค่ำวันศุกร์ว่าประเด็นที่คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐมุ่งมองอยู่ ก็คือ เอาเงินเฟ้อลงมาที่ 2% ให้จงได้

โดยเน้นว่าหน้าที่หลักของเฟดคือต้องสยบเงินเฟ้อให้ได้ 

ถ้าทำไม่สำเร็จ เศรษฐกิจก็จะไม่สามารถขยายตัวอย่างถูกต้องเหมาะสม

และยอมรับว่าการเอาเงินเฟ้อกลับเข้าเป้า“ต้องใช้เวลา”

และต้องใช้นโยบายที่ “เข้มข้น” เข้าจัดการ

อีกทั้งยังยอมรับด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดว่าถ้าไม่สามารถเอาเงินเฟ้อลงได้เศรษฐกิจที่ขยายตัวต่ำกว่าปกติ

ปัญหาที่ตามมาก็คือ คนต้องตกงาน ธุรกิจต้องปิด และประชาชนจำนวนไม่น้อยก็ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้

เขาบอกว่า ณ ตอนนี้ตลาดแรงงานอเมริกันยังแข็งแกร่งมาก 

เงินเฟ้อกำลังกระจายไปภาคส่วนต่างๆ

ที่เป็นอัตราเงินเฟ้อลดลงบ้างในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาอาจเป็นข่าวดีแต่ยังไม่พอ 

เขาบอกกว่าเฟดจะปรับดอกเบี้ยไประดับที่เข้มข้นเพื่อชะลอเศรษฐกิจลงมา

ระดับปัจจุบันที่ 2.25-2.5% เป็นระดับที่เรียกว่า Neutral rate คือระดับกลาง ๆ

แต่เฟดยังไม่อาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในตอนนี้ได้

จึงคาดเดากันว่าโดยการขึ้นดอกเบี้ยครั้งหน้าในเดือนกันยายนนั้นอาจจะเป็น .75% อีกครั้ง

และเขาก็ยอมรับว่าการที่จะเอาเงินเฟ้อลงมาถึงระดับที่น่าพอใจนั้น เฟดอาจต้อง “คงดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นเวลาที่นานพอควร” 

โดยอ้างบทเรียนในอดีตว่าการลดลงเร็วเกินไป เชื้อเงินเฟ้อจะไม่ตาย และจะเกิดปัญหาอีกรอบได้

เพาเวลล์บอกว่าสิ่งที่กรรมการคิด หารือแนวทางจัดการเงินเฟ้อ ตั้งอยู่บนบทเรียนสำคัญจากอดีต 3 เรื่อง

เรื่องที่หนึ่งคือเป็นหน้าที่ของธนาคารกลางในการจัดการเงินเฟ้อ

ธนาคารกลางมีเครื่องมือในการสู้ศึกเช่นนี้ที่เคยใช้ได้ผลมาในอดีต

ดังนั้น รอบนี้ก็ “ต้องเอาเงินเฟ้อลงมาให้ได้ อย่างไม่มีเงื่อนไขใดใด” 

เรื่องที่สองคือการคาดการณ์เงินเฟ้อของทุกคนสำคัญมาก

ในช่วง 1970 เงินเฟ้อสูง คนเคยชิน 

ยิ่งเฟ้อ ก็ยิ่งเอามาใช้ในการปรับขึ้นราคาสินค้า เงินเดือน

“แต่ปัญหาใหญ่ของเราก็คือในช่วงนี้ เงินเฟ้ออยู่ในใจทุกคน 

ยิ่งปล่อยไว้นาน เงินเฟ้อก็จะสามารถฝังรากลึก ต่อยอดตัวเองได้”

เรื่องที่สาม เขาเน้นว่าเฟดต้องไม่ลังเลเพราะอดีตสอนว่ายิ่งช้า ยิ่งเสียหาย

เราต้องมุ่งมั่นในการสู้ศึกครั้งนี้ เพื่อจะไม่พลาดเหมือนในอดีต

เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย “ให้แรงพอ” และ “เร็วพอ” เพื่อจัดการเงินเฟ้อ

ตอนหนึ่งเพาเวลล์บอกว่าแม้ปัญหาเงินเฟ้อจะเป็นเรื่องระดับโลก และบางประเทศมีอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าสหรัฐฯด้วยซ้ำ 

แต่อีกสาเหตุหนึ่งของอเมริกาคือเรื่องของอุปสงค์และอุปทานในอเมริกาเองไม่ได้ดุลที่ถูกต้อง

“เราจึงไม่มีข้ออ้างที่จะไม่ทำอะไรที่เข้มข้นอย่างจริงจัง”

ฟังดูแล้วจะเห็นว่าศึกสงครามกับเงินเฟ้อของสหรัฐฯนั้นหนักไม่น้อยไปกว่าการต้องช่วยยูเครนรบกับรัสเซียและต้องเผชิญหน้ากับจีนกรณีไต้หวันเลย

เผลอ  ๆ สำหรับประธานาธิบดีโจ ไบเดนแล้วสงครามกับเงินเฟ้อในประเทศจะหนักกว่าสงครามใด ๆ  ทั้งสิ้น

เพราะมันหมายถึงผลกระทบต่อความนิยมชมชอบของประชาชนคนอเมริกันต่อตัวเขาและพรรคเดโมแครต

ที่กำลังต้องเผชิญกับการเลือกตั้งกลางปีในปลายปีนี้อย่างสาหัสสากรรจ์ด้วย!

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ