"นายกฯ ๘ ปี"
เรื่องถึงมือ "ศาลรัฐธรรมนูญ" เรียบร้อยแล้ว (๒๒ ส.ค.๖๕)
ฉะนั้น
ฝ่ายค้านในคอกหมาก็ดี ฝ่ายอีเวนต์โจรในถนนก็ดี ฝ่ายสามนิ้วในคราบนักศึกษา "วอนนอนคุก" ก็ดี
อ้างเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ก็อย่าทำตัวเป็น "สากกะเบือไม่รู้รสพริก" ต้องทำตัวเข้าถึง "ประชาธิปไตย" ด้วย
เมื่อเรื่อง ๘ ปี เข้าสู่ "เขตอำนาจศาล" แล้ว
การปั่นประเด็น พูดจาชี้นำ-ชี้แนะใดๆ รวมทั้งการคุกคาม-ข่มขู่ศาล
"อย่าทำ"!
รอศาลวินิจฉัย "เป็นที่ยุติ" เท่านั้น แม้คำวินิจฉัยจะออกมาถูกใจ-ไม่ถูกใจ ฝ่ายใด
ทุกคน-ทุกฝ่าย ต้องยอมรับ!
ไอ้ที่ ส.ส.ในคอกแต่ละตัว รับออร์เดอร์ให้เวียนหน้าออกมาสัมภาษณ์โหมหนักช่วงนี้
หวังในทางเจตนาชี้นำกระแส ว่าถ้าศาลวินิจฉัยไม่เป็นคุณกับฝ่ายเรา หมายความว่า "ยุติไม่เป็นธรรม" ต้องเฮกันลงถนน แล้วป่วนลากยาวหวังล้ม APEC แบบนั้นน่ะ
บอกได้คำเดียว
เจอประชาธิปไตยระบบไอ้กันแน่ แล้วก็อย่าหวังว่าพ่อพวกมึงจะใช้โลกมาล้อมไทยได้
นี่...ไม่ได้ขู่นะ แค่เอา "เรื่องจริง" มาบอก!
ก็รู้แล้ว เคยเห็นกันแล้วใช่มั้ย ว่าประชาธิปไตยไอ้กันตอนปราบม็อบป่วนเมืองนั้นน่ะ เขาทำแบบไหน?
ตอนนี้ อยากรู้กันว่า ช้า-เร็วขนาดไหน คำวินิจฉัยจึงจะออกมา อย่างนั้นใช่มั้ย?
ผมไม่ใช่ผู้รู้ แต่มีท่านผู้รู้อธิบายถึงกรอบ-ขอบเขต ตามเทอมเวลาไว้แล้ว คือท่าน "จรัญ ภักดีธนากุล" อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ท่านให้สัมภาษณ์ "สำนักข่าวไทย" ไว้วันก่อน ผมจะยกมาเพื่อศึกษาหาความเข้าใจไปพร้อมๆ กัน ดังนี้
.....................................
กระบวนการหลังประธานสภาฯ ส่งคำร้องตีความวาระนายกฯ ๘ ปี ให้ศาลรัฐธรรมนูญ โดย "นายจรัญ ภักดีธนากุล"
เจ้าหน้าที่จะรับเรื่องไว้ตรวจสอบความเรียบร้อยเบื้องต้น โดยใช้เวลาประมาณครึ่งวัน ก่อนทำเรื่องเสนอให้ศาลพิจารณาสั่งรับคำร้องขอ
ซึ่งบางครั้ง อาจต้องใช้เวลาข้ามวัน เพราะศาลอาจมอบหมายให้องค์คณะ ๑ คน หรือ ๒ คน หรือ ๓ คนทำ
สมมติว่า ศาลสั่งรับคำร้องขอแล้ว........
โดยหลักก็จะต้องดูว่า ไปกระทบผลได้ผลเสียของใครบ้างหรือไม่ หากกระทบ ก็ควรให้คนเหล่านั้น ได้มีโอกาสคัดค้านโต้แย้งตามหลักการ ฟังความให้ครบทุกฝ่าย ไม่ฟังความด้านเดียว
อย่างเรื่องนี้ ก็มีคนที่ถูกกระทบสิทธิจากผลของคำร้องนี้ ก็ควรจะให้มีการส่งสำเนาและให้โอกาสการโต้แย้งคัดค้านจากผู้ที่เดือดร้อนก่อน
ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อย ๗ วัน ขึ้นอยู่กับว่าเรื่องดังกล่าวเร่งด่วนแค่ไหน
เมื่อได้คำคัดค้าน จากผู้ที่เกี่ยวข้อง มาแล้ว........
ศาลก็อาจจะฟังความเห็นของคนที่เกี่ยวพันกับหลักกฎหมายข้อนี้
เป็นไปได้ ที่ศาลอาจจะขอฟังความเห็นจาก กกต. หรือคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้
หรืออาจจะขอบันทึกเจตนารมณ์ของกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้จากเลขาธิการรัฐสภา
รวมทั้งเอกสารบันทึกการประชุมที่เผยแพร่ในสื่อต่างๆ ซึ่งถ้าศาลขอเช่นนั้น ก็อาจจะใช้เวลาอย่างน้อย ๒ สัปดาห์
เพราะคนที่จะทำความเห็นส่งมานั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ก็ต้องให้เวลาเขา
จากนั้น จะดูว่า.....
ต้องไต่สวนพยานบุคคล หรือพยานเอกสารหรือไม่?
ซึ่งส่วนตัว เห็นเหมือนกับความเห็นส่วนใหญ่ว่า ไม่น่าจะจำเป็นต้องไต่สวนพยานบุคคล เพราะถ้าไต่สวนพยานบุคคลก็จะยาว
ทั้งนี้ หลังจากที่ได้ความเห็นและได้เอกสารมาแล้ว ศาลจะประชุมหารือโต้เถียงออกความคิดเห็นกัน อย่างน้อยที่สุด ๑-๒ ครั้ง
ผมคิดว่า ๒ ครั้ง ซึ่งก็ต้องใช้เวลาห่างกันอย่างน้อยครั้งละ ๑ สัปดาห์
และหลังจากความคิดเห็นตกผลึก ก็จะนัดประชุมเพื่อลงมติ ก็จะต้องเลือกเวลาอย่างน้อย ๑ สัปดาห์
เนื่องจากเป็นข้อยุติ "ผูกพันทุกองค์กร"
เข้าใจว่าต้องเร็ว แต่ก็ต้องแม่น จึงต้องใช้เวลาตัดสินใจให้ดี
ทั้งนี้ เมื่อออกคำวินิจฉัยก็จะรู้ผลในวันนั้นเลย ข่าวก็จะออกได้เลย
แต่คำ "วินิจฉัยเป็นทางการ" ก็จะส่งไปที่ประธานรัฐสภาในภายหลัง
ดังนั้น ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ผู้ร้องจึงได้ขอว่า
"เมื่อรับคำร้องแล้ว ขอให้สั่งให้ใช้วิธีการชั่วคราว หยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อน"
ซึ่งกฎหมายก็เปิดช่องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจสั่งอย่างนั้นได้ แต่ก็เป็นแนวทางปฏิบัติกันว่า
ศาลไม่สั่งง่ายๆ เรื่องแบบนี้
และต้องมีเหตุผลอันหนักแน่นจริงๆ ถึงจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน โดยเฉพาะไม่ใช่เจ้าหน้าที่ระดับล่าง
แต่ก็มีความเห็นอีกด้านหนึ่งว่า........
หากให้ปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว เกิดไม่มีผลทางกฎหมาย ประเทศจะเดือดร้อนเสียหายหรือไม่
เรื่องนี้จึงยาก และผมก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะไปให้ความเห็นอะไรที่เกี่ยวข้องได้.
..................................
ผมนับๆ ดูตามขั้นตอนทั้งหมด อย่างช้าสุด
ใช้เวลาภายใน ๔๕ วัน!
สรุปเป็นว่า ปลายกันยาหรือช้าแบบเร็ว ก็ต้นๆ ตุลา ๘ ปี ตู่-อยู่ต่อ หรือ ๘ ปี ตู่-ต้องไป ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยชี้ขาด "เป็นที่ยุติ" แน่
อันที่จริง ก่อนเรื่องจะถึงศาล ทั้งกูรู ทั้งกูรู้ ให้ทัศนคติและมุมมองบนฐานกฎหมายบ้าง บนฐานเข้าใจเอาบ้าง บนฐานอคติ-เจตนาไปทางใด-ทางหนึ่งบ้าง
เรียกว่า หลากหลาย "ครบถ้วน-ครบด้าน" จนไม่เหลือด้านไหน จะให้ด้าน แบบดั้นด้น ต่อแล้ว
พูดกันแฟร์ๆ ถึงวันนี้...หยุดพัก
แล้ว "รอ" ศาล!
แบบนี้ จะเป็นฝ่ายประชาธิปไตยโจรและฝ่ายเผด็จการปราบโจร ใน "นวัตกรรมประชาธิปไตยไทย" มิติต้นแบบเลยทีเดียว
"เห็นต่างในทางคิด แต่อยู่ร่วมในทางทำ"
ทั้งด้านเศรษฐกิจ, สังคม, การบ้าน และการเมือง บนฐานอารยะ "ประโยชน์ชาติบ้านเมือง"
ถ้าเป็นเช่นนี้ได้ มันจะแปลกตรงไหน?
ประเด็นสำคัญ ที่ต้องเป็นไปในทางเดียวกัน คือ "ชาติ-ศาสน์-สถาบันกษัตริย์" ต้องยกอยู่เหนือ "ความคิดต่างและการทำต่าง"
เพราะ ๓ ประสานนั้น คือ "รากเหง้า" ในวิถีแห่งจิตวิญญาณ ในความเป็นชาติไทย เป็นคนไทย
ดูอย่างคนตะวันตก..........
ไปถึงโลกพระอังคาร บ้าใกล้ขั้นจะสร้างจักรวาลเป็นของตัวเอง ถึงขนาดนั้น
"พระเจ้า" ก็ยังคงเป็นจิตวิญญาณของเขา!
แล้วทำไม "รุ่นใหม่" ไทยเรา จะให้เท่ ต้องชังชาติ-ชังสถาบัน ด้วยเล่า?
กลับบ้าน ตบหัวกระบาลพ่อ-แม่เล่นได้
ไอ้ตี๋หัวตั้ง ศาสดาสามสัส มันสอน.......
ครู-อาจารย์ ต้องเคารพทำไม ในเมื่อเราต้องจ่ายตังค์ค่าสอน พ่อ-แม่ มีพระคุณตรงไหน เคยถามเราซักคำมั้ยว่า "อยากเกิดมั้ย" ก็เปล่า...แล้วจะมีบุญ-มีคุณอะไรต่อกัน?
ฉะนั้น ตบกระบาลได้ รุ่นใหม่ "เสมอภาค-ทัดเทียมกัน" ทุกคน!
นี่....ไม่ว่ารุ่นเก่า-รุ่นใหม่ และรุ่นใกล้ฝังอย่างผม
หาเวลาว่าง.........
นั่งมองภายในตัวเองบ้าง อย่ามอง-อย่าเห็นแต่สังคมและความเป็นไปนอกตัวตะพึด-ตะพือ ไม่เช่นนั้น ที่หลงว่ารู้ แท้จริงคืองมงาย ไม่รู้อะไรเลย
แม้กระทั่ง "ใจ" ที่อยู่ในอกของตัว!?
ต้นไม้ ต้องมีราก
คน ต้องมีจิตวิญญาณ จึงจะดำรงอยู่ได้ หลงอะไรก็หลงได้ แต่อย่าหลงทางในจิตวิญญาณชาติกำเนิด!
ทุกอย่าง มีเบื้องต้น มีท่ามกลาง และมีบั้นปลาย การกระทำก็เช่นกัน บั้นปลายของ "อสัตย์บ้าน-อสัตย์เมือง" นั้น
"มันมีแน่"!
นาฬิกาที่ว่าเที่ยง ก็ยังมิสู้ "กฎกรรม" ที่เที่ยงแท้-แน่นอนยิ่งกว่า
ฉะนั้น ใครทำอะไรกับบ้านเมืองไทย กับชาติ-ศาสน์-สถาบันกษัตริย์ เตรียมรับผลแห่งกายทุจริต-วจีทุจริต และมโนทุจริต นั้นไว้เถอะ
"โทนี่ เอ๋ง" ละ "นางสัมปะแหลด" นั่นด้วย!
"แผ่นดินไทย" นั่นน่ะ จะบอกให้
ถ้าไม่ขลัง ศักดิ์สิทธิ์ เทวฤทธิ์ทุกชั้นฟ้าปกปักรักษาละก็
พวกมึงและโคตรเหง้า........
ก็จะไม่มีชาติให้เนรคุณเพื่อส่งพวกมึงคืนนรกตามเดิมหรอก!
คนปลายซอย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลึกสุดใจ..'บิ๊กต่าย' ยึดกฎกติกา ไม่กลัวทุกอิทธิพล
ลึกสุดใจ..'บิ๊กต่าย' ยึดกฏกติกา ไม่กลัวทุกอิทธิพล วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม 2567 เวลา 09.00 น.
'๑ ประเทศ ๒ รัฐบาล'
คงเป็น "ที่สุดแห่งปี" จริงๆ สำหรับประเทศแห่งประชากรผู้หิวโหยและเทิดทูน ๒ พ่อลูก "ตระกูลชิน"
'รัฐมนตรี' ที่ 'นักข่าวลืม'
"นายกฯ แพทองธาร" นี่.... ต้องยอมรับกันจริงๆ จังๆ ว่า "ออร่า" ในตัวเธอเจิดจ้ามาก!
ฮัลโหล 'พีระพัง' มาแว้ว!
"พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" เจ้าสำนัก "รวมไทยสร้างชาติ" นี่ ดูเหมือน "งานจะเข้า" แฮะ!
แบงก์ชาติ 'อย่านึกว่ารอด'!
ประเทศ "พ้นบ่วงมาร" ไปอีกบ่วง! เมื่อวาน (๒๔ ธ.ค.๖๗) ปลัดคลังแถลง กฤษฎีกาตีความทางกฎหมายและตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว
ถ้าไม่รู้ทัน "มันกินเรียบ"
"ตรรกะโจร" บางเรื่องนี่ ใช้ได้นะ เช่นที่พูดว่า "ผลไม้พิษย่อมมาจากต้นไม้พิษ"