ข่าวธนาคารพาณิชย์เก่าแก่ที่สุดของประเทศ (อายุ 117 ปี) จับมือกับสตาร์ทอัปรุ่นใหม่ (อายุ 3 ปี) เพื่อปูทางสู่ “การเงินทางเลือก” ในโลกดิจิทัลใหม่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ใช่เพียงเป็น Talk of the Town หรือ Deal of the Year เท่านั้น
แต่ยังจะเป็น Wake-up Call หรือ “เสียงนาฬิกาปลุก” ที่ดังลั่นไปถึงรัฐบาลและหลายๆ วงการอย่างชัดเจน
เพราะแม้รัฐบาลจะมีแผน Thailand 4.0 มาหลายปีแล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรงของโลกดิจิทัลกำลังส่งคำเตือนว่าที่ทำมายังห่างไกลจากสิ่งที่จะต้องทำมากมายนัก
ข่าวใหญ่ที่ว่านี้คือ การที่เอสซีบี เอกซ์ (SCBX) บริษัทลูกของธนาคารไทยพาณิชย์เข้าซื้อหุ้นบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitkub)
Bitkub เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่โดดเด่น เพราะมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 92% และมีผู้ใช้งานเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ
SCBS เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สัดส่วน 51% คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 17,850 ล้านบาท
ทั้งสองฝ่ายจะต้องมีการวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสียของการทำข้อตกลงนี้อย่างรอบด้านแล้ว
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้ทั้งสองฝ่ายจะมองว่านี่เป็นดีล win-win ที่ได้ประโยชน์ทั้งคู่
แต่ในความเป็นจริงแล้วในโลกดิจิทัลวันนี้ ความเสี่ยงที่คาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ก็มีอยู่สูงเช่นกัน
คุณอาทิตย์ นันทวิทยา ซีอีโอของเครือไทยพาณิชย์ปีนี้อายุ 49 และคุณจิรายุส “ท็อป” ทรัพย์ศรีโสภา ผู้บริหารของบิทคับมีอายุ 31
เป็นคนสองรุ่นที่ทำธุรกิจการเงินคนละยุคคนละสมัย แต่เส้นทางต้องมาเจอกันเพราะกระแสความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้นายธนาคารดั้งเดิมต้องคุยกับคนทำสตาร์ทอัปรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปลี่ยนเกมการเงินในโลกดิจิทัล
คุณอาทิตย์ยอมรับว่าในหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลหนึ่งในธุรกิจการเงินแห่งโลกอนาคตมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีโอกาสเติบโตในระยะยาว
เขาบอกว่าบิทคับ ออนไลน์ ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มด้านการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทยที่มีความน่าเชื่อถือ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
จึงสามารถช่วยตอบโจทย์กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ ในอันที่จะสร้างคุณค่าใหม่ที่เติบโตในระยะยาวไปกับโลกใหม่ได้
และสอดคล้องต้องกันกับยุทธศาสตร์ “ยานแม่” กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ ในการยกระดับสู่กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีการเงิน
เพราะเป้าหมายหลักคือจะต้องตอบสนองความต้องการใหม่ของผู้บริโภคยุคนี้
อีกทั้งยังต้องสามารถเข้าสู่สนามการแข่งขันแบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นโดยเร็วในอีก 3-5 ปีข้างหน้า
คุณจิรายุสในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด บอกว่า
บิทคับได้เดินมาถึงจุดที่กลายเป็นโครงสร้างสำคัญของเศรษฐกิจในอนาคตของประเทศไทย หรือที่เรียกว่าเศรษฐกิจดิจิทัลแล้ว
เขามองว่าบิทคับไม่ได้เป็นเพียงสตาร์ทอัปอีกต่อไป
แต่กำลังจะก้าวมาเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อสิ่งที่เขาเรียกว่า “การเงิน 3.0 ของประเทศไทย”
ท็อปบอกนักข่าวว่า
“ตอนนี้เราได้พาบิทคับมาถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญมาก และเพื่อที่จะนำบิทคับให้ก้าวไปสู่ระดับโลก พวกเราต้องการพาร์ตเนอร์ที่แข็งแกร่งมาเป็นกำลังเสริมให้ไปถึงได้เร็วขึ้นอย่างยั่งยืน นั่นเป็นเหตุผลที่เราจับมือร่วมกับ SCBS”
นักวิเคราะห์หลายสำนักมองตรงกันว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ย่อมเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ที่กำลังเขย่าโครงสร้างภายในอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
และแน่นอนว่าข้อตกลงนี้จะเป็นตัวเร่งให้กลุ่ม SCBX เข้าถึงฐานลูกค้าในกลุ่มนักลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลได้เร็วขึ้น ด้วยการเข้าถึงลูกค้าขนาดใหญ่ของบิทคับที่มีจำนวนมากกว่า 2.4 ล้านบัญชี
ลูกค้าของบิทคับเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ มีความพร้อมที่จะทำความเข้าใจและลงทุนกับผลิตภัณฑ์สินทรัพย์ดิจิทัลใหม่ๆ มากกว่านักลงทุนทั่วไป
ฐานลูกค้าของสถาบันการเงินเก่าเมื่อผนวกกับลูกค้ารุ่นใหม่ที่สันทัดเรื่องดิจิทัล ก็จะเป็นการรวมพลังได้อย่างดี
อีกด้านหนึ่ง ดีลนี้จะช่วยให้กลุ่ม SCBX สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาในแพลตฟอร์มของบิทคับได้ในอนาคต ตามแผนขยายธุรกิจในกลุ่ม Fintech ของธนาคาร
ไม่ว่าจะเป็น Defi, NFT, Token หรือการเป็น ICO Portal
ภาพของ “ความสอดคล้องต้องกัน” หรือ Synergy บนฐานลูกค้าตลาดทุนเดิมของ SCBX กับลูกค้าของบิทคับก็ชัดเจนขึ้นทันที
นอกจากนี้ กลุ่ม SCBX ก็ยังมีธุรกิจในกลุ่ม Tech Support เช่น SCB10X, TECHX และ DATAX ที่จะเข้ามาช่วยเสริมระบบการดำเนินงานให้แพลตฟอร์มของบิทคับให้มีเสถียรภาพในการให้บริการมากขึ้น
ส่วนบิทคับก็จะได้ประโยชน์จากฐานลูกค้า SCBX 16 ล้านคน
รวมไปถึงฐานเงินฝากของธนาคารไทยพาณิชย์ที่อาจจะโยกลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นเช่นกัน
นักวิเคราะห์บางคนมองว่าการรวมพลังกันครั้งนี้ก็อาจจะช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองกับหน่วยงานกำกับดูแลเช่น ก.ล.ต. ในการเพิ่มและเสริมผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ ในอนาคตของกลุ่มนี้ได้เช่นกัน
หรือหาก SCBX วางแผนจะขยายธุรกิจเข้าไปแข่งขันในตลาดเอเชีย ก็จะมีความพร้อมเมื่อมีบิทคับมาเสริมกำลัง
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงสร้างแรงสั่นสะเทือนไปกว้างไกลกว่าที่คิดจริงๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ