'เงิน' กับ 'อำนาจ'

ตามคาด...

วานนี้ (๑๕ สิงหาคม) สภาล่มเป็นปกติ

เพราะสมาชิกรัฐสภาลงชื่อเข้าประชุมเพียง ๑๑๑ คนเท่านั้น

ก็เป็นอันว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้่ง ส.ส. ตกไป ทั้งในทางทฤษฎี และทางปฏิบัติ

การที่องค์ประชุมขาดไปกว่า ๒๐๐ คน คือเจตนาที่ชัดเจน สมาชิกรัฐสภาไม่ต้องการให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่าน 

สมาชิกรัฐสภาคือ ส.ส.บวกกับ ส.ว. มีสมาชิกรวมกัน  ๗๒๘ คน

๓๖๔ เสียงคือองค์ประชุม ครบเมื่อไหร่ประชุมได้ทันที  แต่เริ่มแรก เรียกประชุมเวลา ๐๙.๐๐ น. ลงชื่อแค่ ๑๑๑ คน

อีก ๖๑๗ คน หายไปไหน

แม้ช่วงท้าย จะมีสมาชิกรัฐสภาลงชื่อ ๓๕๓ คน แต่มันผ่านเวลานัดประชุมไปแล้วร่วมชั่วโมงครึ่ง

ประการแรกไม่ครบองค์ประชุมอยู่ดี

ประการที่สอง สมาชิกรัฐสภาไทย ไม่ตรงต่อเวลา ไม่มีความเป็นมืออาชีพ ไม่รับผิดชอบในหน้าที่อย่างสิ้นเชิง

จะสอนลูกหลานกันอย่างไรครับ?

ไร้สปิริตยังไม่พอ ยังไร้วินัยอีกต่างหาก

มีคนบอกว่าให้ก้าวข้ามสูตรเลือกตั้งหาร ๑๐๐ หาร  ๕๐๐ ไป เพราะหนทางข้างหน้าการเมืองไทยยังคงวนอยู่ในอ่าง 

สุดท้ายมันก็ต้องข้ามไปครับ เพราะกฎหมายเลือกตั้งฉบับใหม่ หนีไม่พ้นหาร ๑๐๐ เพียงแต่เกมที่เล่นกันเหมือนเล่นขี้มูก คงจะปล่อยผ่านยาก เพราะมันคือภาพสะท้อนอนาคตการเมืองไทย

ใครสั่งให้ทำสภาล่ม?

ข้อสงสัยนี้ไม่ยากในการหาคำตอบเลย

พรรคเล็กอยากได้หาร ๕๐๐

ส่วนพรรคใหญ่อยากได้หาร ๑๐๐

ก็พรรคใหญ่นั้นแหละครับ เป็นคนสั่ง

คนที่สั่ง ส.ส.พรรคใหญ่ได้เป็นใคร?

คงไม่ต้องตอบ เพราะรู้กันดีอยู่แล้ว

จบงานนี้ ได้บทพิสูจน์ "บิ๊กป้อม" ยังมีบารมีในพรรคพลังประชารัฐสูงมาก

และมีประเด็นที่้ซ้อนเข้ามา

แต่....ไม่ใช่พรรคเล็กทุกพรรคที่อยากได้หาร ๕๐๐                   เพราะวานนี้ประจักษ์ด้วยสายตาว่า มี ส.ส.พรรคเล็ก ไม่เข้าร่วมประชุม

บอกแค่ว่าไม่เข้าร่วมประชุม ดูจะธรรมดาไป

สาเหตุที่ไปประชุมที่สภาไม่ได้ ช่างเป็นประเด็นที่น่าจะตัดเงินเดือน ส.ส.พวกนี้จริง

เพราะมันครบองค์ประกอบสภาล่ม

มี ส.ส.พรรคเล็ก โดดประชุม ไปรับ "ลุงป้อม" ที่จังหวัดสระบุรี ตามข่าวบอกว่า ไปลงพื้นที่ตรวจราชการเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ และการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคกลาง

ส.ส.ที่ไปรอรับไม่ใช่ ส.ส.ภาคกลาง แต่เป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ทั้งหมด

นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทรักธรรม

นายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่

นายดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย

วันก่อน "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์เฟซบุ๊กให้เดาว่าถ้าสภาล่มจะเป็นฝีมือใคร

"...ประชาชนเคยให้ความหวังกับการเลือกตั้งปี  ๒๕๖๒ สุดท้ายทั้งพรรคหลักพรรครองแปรสภาพเป็นนักกีฬามาเล่นเกม

หัวหน้าทีมก็มีความสุขกับการสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับตัวเองและการยกยอปอปั้นจากบรรดาคนรอบข้าง คิดว่าการเมืองมีเพียงแค่ 'เงิน' กับ 'อำนาจ'

แต่ที่เลวร้ายที่สุดคือการใช้บ้านเมืองเป็นสนามเล่นเกม โดยมีประชาชนเป็นผู้รับเคราะห์

เรื่องเหล่านี้กำลังกินลึกเข้าไปในหัวใจของประชาชน

ผมเชื่อว่าเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจะร่วมกันให้บทเรียนสั่งสอนครั้งใหญ่ครับ...."

ไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่ "พีระพันธุ์" บอกว่า ไม่ใช่ "ลุงป้อม" เพราะ "ลุงป้อม" บอกว่า ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่เกี่ยว ไม่เคยไปสั่งการใดๆ

มองการเมืองบนสูตรเลือกตั้งหาร ๑๐๐ อาจมองเป็นพรรคไม่ได้แล้ว

ต้องมองเป็นกลุ่ม เป็นขั้วการเมือง

ไม่รู้ "ลุงป้อม" กำลังทำอะไรอยู่ แต่ที่แน่ๆ เลือกตั้งครั้งหน้า พรรคพลังประชารัฐอาจน่ากลัวกว่าที่คิด เพราะเมื่อเลือกสูตรหาร ๑๐๐ แล้ว ก็ต้องเตรียมตัวใช้ประโยชน์จากสูตรนี้ตั้งแต่วันนี้

สังเกตกันหรือไม่ว่า ส.ส.พรรคเล็กมีท่าทีแปลกๆ

ตั้งแต่พรรคเศรษฐกิจไทย ของ "ธรรมนัส พรหมเผ่า"  มีส่วนร่วมทำให้สภาล่ม

มาถึงพรรคเล็กล่มสภาไปรอรับ "ลุงป้อม" ที่สระบุรี

นี่คือกลุ่มการเมืองใหญ่กลุ่มหนึ่งทีเดียว

หลังจากนี้การย้ายขั้วสลับข้าง รวมถึงการควบรวมพรรคการเมือง เพื่อใช้ประโยชน์จากสูตรหาร ๑๐๐ สำหรับพรรคการเมืองใหญ่ จะสู้กันดุเดือดแน่นอน

แล้วประชาชนได้อะไร?

อย่าไปคาดหวังว่า เมื่อเลือกตั้งโดยใช้สูตร ๑๐๐ แล้ว  สภาผู้แทนราษฎรไทย จะยกระดับเป็นสภาที่มีคุณภาพขึ้นเด็ดขาด

ยังเหมือนเดิม

หรืออาจแย่กว่าเดิม

แต่ไม่มีทางดีขึ้นอย่างแน่นอน

แม้สภาผู้แทนราษฎรจะมาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่ประชาชนยังไม่ได้อยู่ในสถานะผู้ชี้ขาดว่าประเทศจะพัฒนาไปในทิศทางไหนเหมือนเดิม

คนชี้ขาดก็คือคนที่อยู่ในขบวนการไม่เอา ๕๐๐ นั่นแหละครับ

เพราะคิดว่าการเมืองคือเรื่อง “เงิน” กับ “อำนาจ”

ครับ...หันมาดูประชาชนหน่อยวันนี้ มี เงิน กับ  อำนาจ หลงเหลืออยู่ในมือหรือไม่

ความทนทุกข์จากการระบาดของโควิด-๑๙ เข้าสู่ปีที่  ๓ แล้ว แม้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น แต่สงครามรัสเซีย-ยูเครน มาฉุดแข้งฉุดขา ไม่ยอมให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างที่ควรจะเป็น

อเมริกา เล่นบทนักเลงโตเสี้ยม ไต้หวัน ทะเลาะ จีน  ผลคือผลกระทบทางเศรษฐกิจหลังจากนี้ แม้ไม่มากเท่าสงคราม แต่ก็เดินไปข้างหน้าไม่สะดวกนัก

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ๕ รายใหญ่ “มาม่า-ซื่อสัตย์-ไวไว- ยำยำ-นิชชิน” นั่งดีดลูกคิดแล้ว ทุบโต๊ะ "อั๊ว" แบกรับต้นทุนไม่ไหวอีกต่อไป ขอขึ้นราคา

เพิ่มอีก ๒ บาท จาก ๖ เป็น ๘ บาท

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นมากกว่า อาหารเส้น เพราะมันเป็นดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจ

เงินเฟ้อ รายได้หด ของแพง ต้องลดค่าใช้จ่าย

ฉะนั้น บะหมี่กึ่งสำเร็จ จึงถูกนำมาเปรียบเทียบในเชิงสัญลักษณ์ กับเศรษฐกิจของประเทศช่วงที่มีปัญหา

เพราะหาซื้อง่าย ทำกินง่าย ราคาถูก โดนน้ำยิ่งอืดยิ่งอิ่ม

แต่วันนี้เพิ่มอีก ๒ บาท ในแง่จิตวิทยาถือว่าเป็นมุมลบเกิดกับรัฐบาลผู้บริหารประเทศ

ในการเลือกตั้ง หาร ๑๐๐ เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น ยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากที่จะตัดสินว่าพรรคไหนจะชนะ และได้ตั้งรัฐบาล

หนึ่งในนั้นคือประชาชนนึกถึงใคร ยามที่เงินในกระเป๋าไม่มี

ความจริงทางการเมืองมันโหดร้ายครับ

เพราะการเมืองวันนี้เป็นเรื่อง “เงิน” กับ “อำนาจ”  จริงๆ.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บ้านพิษส่องหล้า

นานๆ ทีถึงจะได้เปิดใช้ บ้านพิษณุโลกครับ วานนี้ (๒๖ กันยายน) "มาดามแพ" นำทีมที่ปรึกษา ๕ อรหันต์ทองคำ เปิดบ้านพิษณุโลก ประชุมเรื่องการบ้านการเมือง

'พรรคส้ม' พี่เก๋าหรอ

หันหัวเรือกลับเรียบร้อย... พรรคเพื่อไทยใส่เกียร์ถอย ไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เลวลงใน ๖ ประเด็นแล้ว

ไม่ใช่จุดยืน เป็นวิถีชีวิต

ไม่ง่ายเสียแล้วครับ... พรรคภูมิใจไทยประกาศจุดยืนสวนทางกับพรรคเพื่อไทยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั่นหมายความว่าโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะบรรลุเป้าหมายต้องออกแรงเพิ่มอีกหลายเท่า

ชำระบัญชีแค้น

ว่องไวเชียว... วันที่ ๑ ตุลาคมนี้ รัฐบาลเขาจะสุมหัวแก้ไขรัฐธรรมนูญกันแล้วครับ "บิ๊กอ้วน-ภูมิธรรม" จะนั่งหัวโต๊ะ เรียกพรรคร่วมรัฐบาลมาถามว่าจะเอาไงใน ๒ ประเด็น

สภาฯ จะไปทั้งยวง

ระวังจะพังทั้งสภาฯ เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญครับ เป็นที่ชัดเจนชนิดไม่แคร์ใคร พรรคเพื่อไทย เสนอ ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ทั้งสิ้น ๖ ประเด็น ประกอบด้วย

ทักษิณ 'ริ' เพื่อไทย 'ยำ'

ไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ แต่มีการวางแผนมาอย่างแยบยล นับแต่ "ทักษิณ ชินวัตร" เดินทางกลับไทยจวบจนถึงวันนี้ จากนักโทษชาย จนได้รับใบบริสุทธิ์ แต่ไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผน