บันทึกหน้า4

ต้องบอกว่าเป็น “พุธการเมือง” อย่างแท้จริง เพราะที่ “สัปปายะสภาสถาน” ก็มีการประชุมรัฐสภาครั้งที่ 13 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) ในระเบียบวาระเรื่องที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งด่านแรก “ร่างพระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. ....” ก็ผ่านวาระสามด้วยมติ 442 ต่อ 6 งดออกเสียง 2 ไม่ออกเสียง 6 เสียง ...๐

ในขณะที่วาระที่เป็นที่จับจ้องของบรรดานักการเมืองซึ่งเป็นเพียงกระผีกเดียวของประชากรเฉียด 70 ล้านคนอย่าง “ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ.  ....”  ซึ่งเป็นการพิจารณาต่อจากการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 12 เมื่อวันที่ 3 ส.ค.นั้น ก็ได้ฤกษ์ตามติดมา ...๐

งานนี้ต้องเรียกว่า “พรรคเพื่อไทย” ตามบัญชานายใหญ่สั่งทุ่มสุดตัวให้กลับไปใช้สูตรหาร 100 ให้ได้

จึง ไม่แปลกที่ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่มีสถานะเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรไม่กลัวเปลืองเนื้อเปลืองตัวกันเลย เมื่อมาเสนอให้นับองค์ประชุมตั้งแต่กำลังจะเข้าระเบียบวาระกันเลยทีเดียว แม้จะเข้าใจว่าเป็น “เกมการเมือง” ที่พรรคเพื่อไทยตั้งเป้ามาตั้งไก่โห่แล้ว แต่ที่อนาถคือถึงขั้นต้องให้ผู้นำฝ่ายค้านเดินเกมเชียว หรือเพราะ ต้องการทำคะแนนให้เข้าตาคนแดนไกล ที่ช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาก็งดจ้อคลับเฮาส์เพื่อให้มาเล่นใหญ่ ในเรื่องนี้กันจ๊ะ ...๐

แม้สุดท้ายจะมีการลงมติแบบทำให้ผู้นำฝ่ายค้านต้องหน้าแหกประเดิมแล้ว แต่ก็ดูเหมือน “เพื่อไทย” ก็ยังมุ่งมั่นในเรื่องดังกล่าวอยู่ร่ำไป เพราะจากการอภิปรายในมาตรา 24/1 แล้ว “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย (พท.) เสนอให้แพลนกล้องเพื่อบันทึกภาพบรรยากาศภายในห้องประชุม ว่ามีสมาชิกคนใดอยู่บ้าง และก็ตามมาด้วย “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” ส.ส.เชียงใหม่ พรรค พท. ที่ให้นับองค์ประชุมแบบขานชื่อ ในขณะที่ “นพ.ระวี มาศฉมาดล” ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ก็ประท้วงเรื่องดังกล่าว แต่ต้องบอกว่า “หมอระวี” ช่างโชคร้ายเมื่อเจอ “พรเพชร วิชิตชลชัย” ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่ประธานรัฐสภา เพราะคุณพี่ก็ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือหลงๆ ลืมๆ จริงให้มีการนับองค์ประชุมโดยการขานชื่อสมาชิกทั้งหมดที่มีจำนวน 727 คน ...๐

ชาวบ้านร้านถิ่นที่หาเช้ากินค่ำ รวมทั้ง มนุษย์เงินเดือนทั้งหลายที่เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศนั้น เอาเข้าจริงๆ ไม่มีใครสนใจหรอกว่าทั่นผู้แทนฯ จะมาจากสูตรหาร 100 หรือหาร 500 กันแน่ เพราะสุดท้ายก็ไม่ได้ทำให้ท้องอิ่ม หรือมีเงินเพิ่มเติมขึ้นมาเสียเมื่อไหร่ สุดท้ายไม่ว่าจะใช้สูตรไหนก็เป็นนักการเมืองหน้าเก่า หรือถ้ามีหน้าใหม่ๆ บ้างอยู่ไปก็เขี้ยวลากดินเหมือนรุ่นพี่ รุ่นพ่อกันทั้งบาง เชื่อไหมว่าชาวบ้าน เขาสนใจเรื่องแคมเปญคนละครึ่งที่ควรให้มากกว่า 800 บาทด้วยซ้ำไป ...๐

และถ้าจะให้ดีสังคมเขาก็ถามกันให้แซ่ดว่ากฎหมายบำเหน็จบำนาญของนักการเมืองนั้นทำไมไม่เห็นมีใครเคยชงหรือเคยดำริว่าให้ยกเลิกกันเลย ทั้งที่เงินเดือนเงินประจำตำแหน่ง และสารพัดผลประโยชน์ก็มีมากกว่าประชาชนคนเสียภาษีแล้ว ซ้ำร้ายยังต้องเอาเงินของคนทั้งประเทศไปประเคนให้เป็นบำเหน็จบำนาญอีก งานนี้ไม่ว่าพรรคใหญ่พรรคเล็ก หรือพรรคเป็นที่สถาบันการเมือง รวมทั้งพรรคที่อ้างว่าเป็นคนรุ่นใหม่ทำไมเงียบเป็นเป่าสากกันเล่า ...๐

บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า “พุธการเมือง” ซึ่งไม่ใช่ร้อนแรงที่เวทีรัฐสภาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเวทีภายนอก โดยเฉพาะในเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบวาระ 8 ปีของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ซึ่งก็เรียกว่าเริ่มนับถอยหลังเข้าไปทุกที และยิ่งวันนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นขบวบการ และเล่นกันเป็นซีรีส์เหมือนที่ “ธนกร วังบุญคงชนะ” โฆษกรัฐบาลตั้งข้อสังเกตนั่นแล ที่มีการนำบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เมื่อวันที่ 7 ก.ย.2561 ซึ่งอ้างความเห็นของ “มีชัย ฤชุพันธุ์” ประธาน กรธ. และ “สุพจน์ ไข่มุกด์” รองประธาน กรธ. ที่ได้หารือในเรื่องดังกล่าวออกมาเผยแพร่ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 9 ส.ค. ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 10 ส.ค.ก็แพร่กระจายไปทั่ว ...๐

ที่แปลกแต่จริงก็คือไม่มีใครสอบถามไปยังต้นเรื่องทั้ง “มีชัย” และ “สุพจน์” เลย มีเพียงไทยโพสต์เท่านั้นที่สอบถามไปยัง “สุพจน์” ซึ่งเจ้าตัวก็ย้ำนักย้ำหนาว่าเป็นแค่การหารือ และไม่ใช่มติ กรธ.แต่ประการใด ที่สำคัญไม่ใช่เอกสารปกปิด หรือเอกสารลับ ลวง พราง ที่หายากเย็นด้วย ซ้ำร้ายเจ้าตัวซึ่งเป็นผู้ตั้งข้อสังเกตในคราวนั้นยังบอกด้วยว่าคนที่วิเคราะห์ในเรื่องนี้ชัดเจนที่สุดคือ “ชูชาติ ศรีแสง” อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ซึ่งแทนที่จะมีการแชร์หรือ เผยแพร่ข้อมูลการให้สัมภาษณ์ของตัวจริงเสียงจริงอย่าง “สุพจน์” หรือโพสต์ที่ “ชูชาติ” เคยระบุไว้กลับเงียบฉี่ แต่กลับประโคมโหมเรื่องตัดตอนตัดทอนกันอย่างเมามันส์ นี่แหละหนาไทยแลนด์โอนลีจริงๆ ...๐

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ต้องยกนิ้วให้ “โทนี่ วู้ดซัม” เสียจริงๆ เพราะขยับปากแต่ละทีนอกจากสร้างความฮือฮาให้สังคมแล้ว ยัง สร้างภาระให้กับลูกสาวอย่าง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีอีกด้วย โดยล่าสุดก็ในการไปหาเสียงให้ “สลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช” ศรีภรรยา “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ที่จะลงชิงเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ อบจ.เชียงราย เมื่อวันที่ 5 ม.ค.นั่นแล ...๐

บันทึกหน้า 4

เมื่อวันอังคารมีการประชุม ครม.ครั้งแรกในปี 2568 หลังจากผ่านวันหยุดยาวช่วงปีใหม่ 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องมาแก้ตัวแทน พ่อนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร

บันทึกหน้า 4

” นึกว่าจะอยู่ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง อบจ.เชียงราย แต่ที่ไหนได้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับมาในฐานะเป็นเจ้าของรัฐบาล โชว์บทบาทกำหนดทิศทางการทำงานของประเทศ การปรับ ครม. แถมยังด่ากราดคนเห็นต่างในหลายประเด็น

บันทึกหน้า 4

เปิดบันทึกด้วยความตะลึงตึงตึงกับตำแหน่ง "ที่สุด" อีกครั้งของนายกฯ หญิงอายุน้อยที่สุด แพทองธาร ชินวัตร เพราะมีทรัพย์สินอยู่ถึง 13,846 ล้านบาท และตัวเลขที่ออกนี้ วิเคราะห์วิจารณ์กันยกใหญ่ว่า อาจจะเป็นนายกฯ ที่มั่งคั่งที่สุดในโลกนะเออ!! ...0

บันทึกหน้า 4

หลังกลับเข้าสู่โหมดการทำงาน-การใช้ชีวิตประจำวันแบบปกติ ตามปฏิทินประจำปี 2568 กันแล้ว ตลอดปี 2568 ที่เป็นปีมะเส็ง นักวิเคราะห์การเมืองหลายสำนักก็ยังมองว่า การเมืองไทยปีหน้า ก็ยังมีหลายเรื่องให้น่าติดตาม เช่น การเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ ในวันที่ 1 ก.พ.2568

บันทึกหน้า 4

" ปีใหม่วันแรก 1 มกราคม 2568 ห้วงเวลา สัปดาห์สุดท้ายของเดือนธันวาคม 2567 เต็มไปด้วยความสูญเสีย ในประเทศไทยเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ช่วงผู้คนสัญจรไปต่างจังหวัด