เรียกได้ว่าไม่ต้องอ้อมค้อมกันแล้ว สำหรับ "เสี่ยหนู" นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ประกาศเสนอตัวเป็นนายกฯ คนต่อไปในการเลือกตั้งครั้งหน้า ผ่านการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ที่จังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา
สาเหตุที่ "อนุทิน" ประกาศเช่นนั้น เพราะในทางการเมืองเมื่อถึงเวลาสนามเลือกตั้งจะตั้งเป้าหมายเป็นพรรคอันดับหนึ่งเท่านั้น และลงสนามแข่งขันอย่างเต็มที่
หาเสียงโดยเป็นพรรคตัวแปรหรือพรรคอันดับสามคงไม่ได้ เพราะประวัติศาสตร์ในอดีต เช่น การเลือกตั้งปี 54 เคยสอนเอาไว้
ความมั่นใจประการต่อมาคือ ความเข้มแข็งและเสถียรภาพของพรรคที่มั่นคงและมีเอกภาพ ดูได้จากเสียงในสภาไม่มีแตกแถว ที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาความขัดแย้ง ส.ส.แทงหลังกันเอง แถมยังดึงคะแนนเสียงจากฝ่ายตรงข้ามเข้ามาเพื่อช่วยพยุงรัฐบาล "ลุงตู่" ให้ทำหน้าที่ได้อย่างราบรื่นมาเกือบ 4 ปี โดยเฉพาะในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา
ทำให้เป็นแหล่งรวมของบรรดา ส.ส.บ้านใหญ่ หรือ ส.ส.ดาวฤกษ์ แต่ละพื้นที่ ไหลมาเป็นคนภูมิใจไทยอย่างไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นบ้านใหญ่ศรีสะเกษ สองตระกูลใหญ่ในพิจิตร และล่าสุดนักการเมืองพื้นที่แน่นในจังหวัดลพบุรี ยังไม่รวมบรรดา ส.ส.จากพรรคอื่นๆ ทั้งพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้านกำลังมาสมทบอีกเพียบ
แม้ "อนุทิน" จะประกาศว่าเลือกตั้งครั้งหน้าขอได้ ส.ส.ไม่น้อยไปกว่าเดิม คือ 51 คน แตกต่างจากนักวิเคราะห์การเมืองมองว่าพรรคเลือดน้ำเงินอาจได้ ส.ส.ใกล้ๆ ร้อยหรือทะลุร้อยเสียง สวนทางกับแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคพลังประชารัฐ ที่มีแต่กระแสข่าวความขัดแย้ง
สมมุติว่าหากผลการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคภูมิใจไทยได้จำนวน ส.ส.มากกว่าพรรคพลังประชารัฐ และมากที่สุดในปีกพรรคร่วมรัฐบาลเดิม และอีกด้านหนึ่งพรรคเพื่อไทยไม่ได้แลนด์สไลด์อยากที่โวเอาไว้
แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคภูมิใจไทยก็มีโอกาสจะได้เป็นนายกฯ ได้เช่นกัน ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ดังประโยคคำพูดที่ของ "อนุทิน" ปราศรัยที่เมืองลิงว่า
"เลือกมาเยอะๆ พี่น้องไม่ต้องเกรงใจ ถ้าจะเป็นนายกฯ ก็ต้องเป็น”
เสี่ยหนูประกาศก้อง แสดงความพร้อม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เว้นแต่พรรคพลังประชารัฐหันไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมรัฐบาลเพียงเท่านั้น.
ช่างสงสัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ใช้ซื้อข้าวมาแล้ว
ตั้งแต่ เศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป เนติบริกร-วิษณุ เครืองาม อดีตที่ปรึกษาของนายกฯ หายไปด้วย
อ่อนกว่าวัย
ไม่น่าเชื่อในวันที่ 13 ม.ค. 2568 รัฐมนตรี 17 สมัย อย่าง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข จะมีอายุครบ 70 ปี เนื่องจากรูปร่างหน้าตาดูอ่อนกว่าวัยมาก เหมือนกับคนอายุประมาณ 50 ปีเศษเท่านั้น
ขอติดทีมชาติไทย
นักการเมืองไทยรุ่นเก๋าหลายคนบ่นอุบ ยอมรับว่าเปลี่ยนยุคไปไว มีสส.หน้าใหม่เข้าสู่วงการจำนวนมาก ส่วนสส.รุ่นใหญ่นับวันก็จะมีแต่คนโบกมืออำลาวงการ ส่วนใครที่ยังใจรักก็อยู่ทำงานต่อแบบเหงาๆ เพราะเพื่อนที่รุ่นราวคราวเดียวกันก็ออกไปนั่งดูอยู่ห่างๆ แทน
'ลูกชิ้นปลาหมอคางดำ'
เริ่มแล้วกับงานวันรัฐธรรมนูญ ประจำปี 2567 โดยในปีนี้ทางรัฐสภาได้จัดงานภายใต้คอนเซปต์ "กินลม ชมสภา" สู่รัฐธรรมนูญในฝัน ระหว่างวันที่ 9 และ 10 ธันวาคม ซึ่งในวันแรกบรรยากาศสดใส เหล่าข้าราชการ รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าต่างมาตั้งร้านขายของกันภายในงาน
แชร์กันใส่เครื่องแต่งตัว
ว่าด้วยเรื่องแฟชั่นการแต่งตัว ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ของผู้นำประเทศ อย่าง “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ส่วนใหญ่เจ้าตัวจะเน้นใส่ผ้าไทยตามสไตล์เจ้าแม่ซอฟต์พาวเวอร์
ถามเรื่องวัดแล้ว
เป็นผู้ใหญ่ใจดี สำหรับ อ.ชู-ชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มือกฎหมายประจำรัฐบาลและประจำค่ายเพื่อไทย