จะมองว่าเป็นเรื่องเกทับของจีนครั้งใหม่ก็ได้ หรือจะมองว่าครั้งนี้ปักกิ่งไม่มีทางเลือก นอกจากจะต้อง “สั่งสอน” อเมริกาอย่างจริงจังเสียที
เหตุใดข่าวการจะไปเยือนไต้หวันของ แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ จึงทำให้เกิดความตึงเครียดไปทั่ว?
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็มีนักการเมืองทั้งจากคองเกรสและรัฐบาลที่วอชิงตันแวะเวียนไปไต้หวันเป็นระยะๆ
แม้ทุกครั้งที่ผ่านมา ปักกิ่งจะส่งเสียงต่อต้านคัดค้าน แต่ก็เหมือนจะทำเป็นพิธีเพื่อระงับยับยั้งไม่ให้อเมริกาเหลิงคิดว่าจะทำอะไรกับไต้หวันโดยไม่คำนึงถึงนโยบาย “จีนเดียว” ก็ได้
แต่คราวนี้จีนออกมาเตือนอเมริกาอย่างขึงขังและกว่าทุกครั้ง
ประกาศซ่าปักกิ่งจะตอบโต้อย่างแข็งขัน หากประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เปโลซี เดินทางเยือนไต้หวันตามที่เป็นข่าว
เหตุผลคือเปโลซีมีสถานภาพทางการเมืองในอเมริกาที่อาวุโส...จัดอยู่ในอันดับ 2 รองจากตำแหน่งประธานาธิบดี
และหากเธอไปไต้หวันจริงก็จะเป็นนักการเมืองสหรัฐฯ ที่มีตำแหน่งอาวุโสสูงสุดที่ไปเยือนไต้หวันตั้งแต่ปี 1997
จีนขู่ว่าจะมี “มาตรการที่เด็ดเดี่ยวและเข้มงวด” ที่ไม่ระบุรายละเอียดหากเธอยังดื้อดึงที่จะมาไต้หวัน
ทำให้เกิดความตึงเครียดขึ้นในภูมิภาคนี้ทันที...โดยเฉพาะเมื่อโยงกับสงครามยูเครนที่มีผู้คนเปรียบเทียบว่ามีความละม้ายกับกรณีจีนกับไต้หวันในหลายๆ มิติ
แม้จีนจะยืนยันตลอดว่ายูเครนกับไต้หวันเป็นคนละเรื่อง เพราะไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน ขณะที่ยูเครนเป็นประเทศอธิปไตยของตนเอง
คำถามสำคัญก็คือ เปโลซีอยากไป “เที่ยว” ไต้หวันทำไม?
เปโลซีเคยวิพากษ์วิจารณ์จีนอย่างเข้มข้นมาตลอดกว่า 3 ทศวรรษที่เธอมีตำแหน่งในสภาคองเกรสสหรัฐฯ
เธอนั่งเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2019 และก่อนหน้านั้นระหว่างปี 2007 ถึง 2011 เธอดำรงตำแหน่งเป็น ส.ส.จากแคลิฟอร์เนีย
เธอเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตตั้งแต่ปี 1987 และถึงวันนี้ก็เป็นสตรีเพียงคนเดียวที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ
ดังนั้นความเคลื่อนไหวของเปโลซีในเรื่องการเมืองระหว่างประเทศจึงมีผลกระทบกับจีน
เปโลซีวิพากษ์จีนมาอย่างต่อเนื่อง
เธอเคยไปแขวนป้ายบนจัตุรัสเทียนอันเหมินของปักกิ่งเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในการปราบปรามผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างนองเลือดในปี 1989
นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา เธอยังออกมาสนับสนุนการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงอย่างไม่ลดละ
จึงไม่ต้องสงสัยว่าเปโลซีตกเป็นเป้าการวิจารณ์จากทางการจีนอย่างต่อเนื่องมาเช่นกัน
การเมืองในสหรัฐฯ ยืนข้างไต้หวัน ทั้ง 2 พรรคในสภาคองเกรสมีความเห็นค่อนข้างสอดคล้องต้องกันว่าสหรัฐฯ ต้องปกป้องไต้หวัน ไม่ให้ปักกิ่งยึดกลับไปเป็นของตน
สัปดาห์ที่ผ่านมา เปโลซียืนยันว่า “มันเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องแสดงการสนับสนุนไต้หวัน”
ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน เดินหน้าท้าทายสิ่งที่รัฐบาลของเธอเรียกว่า “ภัยคุกคามจากปักกิ่ง”
รัฐบาลไต้หวันวันนี้สนับสนุนค่านิยมหลักประชาธิปไตย และนโยบายเสรีที่สอดคล้องกับแนวทางของเปโลซี
ซึ่งรวมถึงการยอมรับการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน และเครือข่ายประกันสังคมที่เข้มแข็ง
ด้านจีนยืนยันนั่งยันตลอดว่าไต้หวันเป็นอาณาเขต
และหากใครประกาศแยกตัวออก ปักกิ่งก็พร้อมที่จะดำเนินการอย่างจริงจัง
หากแม้จะต้องใช้กำลังเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้นก็จะทำ
ปักกิ่งทำให้เห็นด้วยว่าเอาจริงกับเรื่องนี้เป็นพิเศษด้วยการเสริมกำลังทางทหารที่มุ่งในภารกิจเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ
ที่ผ่านมาปักกิ่งคัดค้านการติดต่ออย่างเป็นทางการระหว่างไทเปและวอชิงตัน และขู่ว่าจะตอบโต้เป็นประจำ
แต่ครั้งนี้ดูเหมือนเดิมพันจะถูกยกระดับขึ้น
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1995 จีนเปิดตัวการซ้อมรบทางทหารและยิงขีปนาวุธลงสู่น่านน้ำใกล้ไต้หวันเพื่อตอบโต้การเยือนสหรัฐฯ ในปี 1995 โดยประธานาธิบดีลี เถิงฮุย ของไต้หวัน แต่วันนั้นไม่ใช่วันนี้
เพราะขีดความสามารถทางทหารของจีนวันนี้ก้าวไปไกลกว่าเดิมมากมายนัก
เริ่มมีการออกข่าวว่า ถ้าเปโลซีตัดสินใจเยือนไต้หวันจริง จีนอาจจะใช้วิธีการสกัดทางอากาศด้วยการส่งเครื่องบินรบขึ้นไปประกบกลางหาวเพื่อไม่ให้เครื่องบินโดยสารของเธอลงจอดไต้หวัน
เป็นไปได้ไหมที่ปักกิ่งอาจจะตัดสินใจประกาศน่านฟ้าเหนือไต้หวันเป็น “เขตห้ามบิน” หรือ No-Fly Zone เพื่อไม่ให้เครื่องบินของเปโลซีร่อนลงได้?
นั่นอาจจะเป็นการปล่อยข่าวเพื่อขู่อเมริกา
แต่ก็สร้างความตื่นเต้นสยดสยองในมวลหมู่นักการเมืองทั้งบนเกาะไต้หวัน, แผ่นดินใหญ่จีนและสหรัฐฯ
เดิมเปโลซีมีแผนจะไปเยือนไต้หวันในเดือนเมษายน แต่ถูกเลื่อนออกไปหลังติดโควิด-19
หลังจากนั้นเธอก็ปิดปากเงียบ ไม่ตอบคำถามว่าตกลงเธอจะมาไทเปหรือไม่ และมาเมื่อไหร่
จังหวะเวลาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมีข่าวก่อนหน้านี้ว่าเธอและคณะจะมาเยือนไทเปตรงกับการเฉลิมฉลองของจีนในวันครบรอบ 1 ส.ค. ของการก่อตั้งกองทัพปลดแอกประชาชน ซึ่งจีนถือว่าเป็นการเหยียบจมูกผู้นำปักกิ่งกันเลยทีเดียว
อีกทั้งเป็นช่วงเวลาที่มีการนัดคุยกันทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน
สำหรับสี จิ้นผิง แล้ว ประเด็นไต้หวันมีความสำคัญสำหรับการกระชับอำนาจทางการเมืองในจีนมาก
เพราะการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในปลายปีนี้จะประกาศต่อเทอมการบริหารประเทศไปอีกหนึ่งสมัย คือวาระ 5 ปี ของสมัยที่ 3
สี จิ้นผิง จะยอมให้สหรัฐฯ มาท้าทายอำนาจและบารมีของตนในประเด็นละเอียดอ่อนอย่างไต้หวันไม่ได้เป็นอันขาด
แล้วผู้นำไต้หวันมองเรื่องนี้อย่างไร?
ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ได้ให้การต้อนรับบุคคลสำคัญจากต่างประเทศ ไม่ว่าจากสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชียมาตลอด
เธอใช้การมาเยือนของอาคันตุกะต่างชาติที่จีนคัดค้านเป็นปราการยันจีนเอาไว้มาตลอด
ดังนั้นสำหรับเธอแล้วการมาเยือนของเปโลซีจะช่วยเสริมอำนาจต่อรองของเธอได้อีกชั้นหนึ่ง
ไต้หวันจัดการซ้อมรบอย่างสม่ำเสมอ และครั้งล่าสุดเธอก็ไปร่วมสังเกตการณ์ด้วยตนเองเพื่อสะท้อนถึงความสำคัญของการสร้างแสนยานุภาพทางทหาร เพื่อตั้งรับกับสถานการณ์อันไม่พึงปรารถนาจากแผ่นดินใหญ่
แม้การซ้อมรบครั้งนี้จะไม่มีส่วนสัมพันธ์กับการมาเยือนของเปโลซี แต่การซ้อมรบของทั้งจีนและไต้หวันก็มีฉากการบุกไต้หวันของกองทัพจีนเหมือนๆ กัน!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ