“สมุดปกขาว” ล่าสุดของญี่ปุ่นบอกอะไรเราหลายอย่างเกี่ยวกับสถานะแห่งภูมิรัฐศาสตร์ของย่านนี้...ที่โยงกับสงครามยูเครนและกระทบต่อการจัดระเบียบโลกใหม่ที่เราเห็นอยู่ขณะนี้
รายงานวิเคราะห์สถานการณ์ของกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นเตือนภัยคุกคามจากสายสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างรัสเซียกับจีน
และความประหวั่นพรั่นพรึงว่าฉนวนระเบิดต่อไปคือไต้หวัน ซึ่งกำลังถูกแรงกดดันกระหน่ำอย่างหนัก
กระทรวงป้องกันประเทศของญี่ปุ่นเผยแพร่รายงานกลาโหมประจำปีนี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ นี่เอง
ข้อใหญ่ใจความของรายงานที่น่าสนใจฉบับนี้คือ การเตือน “ภัยคุกคาม” ที่อาจจะทวีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
ญี่ปุ่นกลัวที่สุดคือ การที่ยักษ์ใหญ่อย่างจีนกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย
ยิ่งเกิดสงครามยูเครนก็ยิ่งทำให้มอสโกกับปักกิ่งขยับเข้าใกล้กันกว่าเดิมอีก
ญี่ปุ่นมองต่อไปว่า ถ้ารัสเซียบุกยูเครนได้ ทำไมจีนจะไม่คิดว่าจะสามารถบุกไต้หวันได้ด้วย
รายงานของญี่ปุ่นฉบับนี้กล่าวถึงสถานการณ์ที่กองทัพรัสเซียตัดสินใจทำสงครามรุกรานประเทศเพื่อนบ้านอย่างยูเครน
สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสถานะเดิมก่อนหน้านี้ (Status Quo)
การทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการ “เปลี่ยนกติกาโลก” ที่ระบุว่าไม่มีประเทศไหนสามารถใช้กำลังเข้าไป “เปลี่ยนสถาะเดิม” ของอีกประเทศหนึ่งได้
แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ไม่มีองค์กรระหว่างประเทศใดสามารถระงับยับยั้งการกระทำของรัสเซียได้
รายงานของญี่ปุ่นฉบับนี้บอกว่า การใช้กำลังบังคับประเทศอื่นแต่เพียงฝ่ายเดียวไม่เคยเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก
แต่วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครนอาจจะเป็นความพยายามของรัสเซียที่จะทำให้ “ความไม่ปกติ” นี้กลายเป็น “ความปกติใหม่” หรือ New Normal
รายงานนี้ยังสำรวจภูมิทัศน์รัฐศาสตร์ด้านความมั่นคงระดับโลก โดยเฉพาะในมิติของภัยคุกคามที่มีต่อญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นมองเห็นภัยอะไรที่คุกคามตน?
รายงานบอกชัดว่า โตเกียวมีความกังวลว่าสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นและแน่นแฟ้นของรัสเซียและจีน ซึ่งจะยิ่งสร้างความตึงเครียดให้กับญี่ปุ่น
ที่ญี่ปุ่นต้องกังวล เพราะเป็นหนึ่งในประเทศที่สนับสนุนการดำเนินนโยบายคว่ำบาตรต่อรัสเซียที่นำโดยประเทศพันธมิตรยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป เพื่อตอบโต้กรณีที่รัสเซียบุกยูเครน
อีกทั้งญี่ปุ่นเองก็มีกรณีพิพาทเรื่องดินแดนกับรัสเซีย
และความบาดหมางระหว่างญี่ปุ่นกับจีนก็ไม่เลยลดระดับลงอย่างมีนัยสำคัญเลย
ที่เพิ่มความตึงเครียดมากขึ้นในย่านนี้ก็คือ การซ้อมรบทางทหารใกล้บริเวณดังกล่าวบ่อยครั้งมากยิ่งขึ้น
เช่น การซ้อมรบระหว่างจีนและรัสเซียใกล้ดินแดนอธิปไตยของญี่ปุ่นอย่างคึกคัก
ฝั่งตะวันตกที่เป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นก็มิใช่ว่าจะไม่ได้แสดงกิจกรรมทางทหารที่มีความร้อนแรงขึ้น
โดยเฉพาะในช่วงที่มีการประชุม 4 เส้า หรือ Quad (จตุภาคี) ที่สหรัฐฯ เป็นโต้โผหลัก ที่จัดขึ้นในกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ รายงานนี้ยังอ้างถึงไต้หวันที่มีการเสริมความแข็งแกร่งด้านความมั่นคงเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก
โดยเฉพาะในช่วงที่รัสเซียทำสงครามรุกรานยูเครนและพัฒนาความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่
หากจีนกับไต้หวันเผชิญหน้ากันหนักขึ้น ญี่ปุ่นก็ถือว่านั่นคือภัยคุกคามต่อตน
ไม่ว่าจะมองในแง่ภูมิรัฐศาสตร์, เศรษฐศาสตร์, การเมืองและสังคม
ความกังวลของญี่ปุ่นถูกสะท้อนในความพยายามเพิ่มงบทางการทหารมากยิ่งขึ้นตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา
กระนั้นญี่ปุ่นก็ยังคงเป็นประเทศที่มีอัตราค่าใช้จ่ายด้านการทหารต่อ GDP ของประเทศน้อยที่สุดในบรรดากลุ่มประเทศ G7
นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ตั้งเป้าจะเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันประเทศให้ถึง 2% ของ GDP ญี่ปุ่น
ท่ามกลางข้อจำกัดหลายด้าน
เช่น ญี่ปุ่นยังไม่อาจมี “กองทัพ” ในความหมายปกติเหมือนประเทศอื่น
เพราะรัฐธรรมนูญญี่ปุ่นที่สหรัฐฯ เป็นคนเขียนขึ้นในฐานะผู้ชนะสงครามจำกัดงบประมาณด้านการทหารของประเทศนี้ไว้ นับตั้งแต่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2
โดยรายงานฉบับนี้ยังมองจีนเป็นตัวแสดงหลักด้านความมั่นคง "ที่ต้องจับตามอง"
อีกทั้งยังต้องมองไปที่เกาหลีเหนือที่ไม่เคยปิดบังจุดยืนของตนว่าญี่ปุ่นเป็นศัตรูสำคัญรองจากสหรัฐฯ
คิม จองอึน แห่งเปียงยางย้ำมาตลอดว่าญี่ปุ่นและเกาหลีใต้คือ “สมุน” ของสหรัฐฯ ในความพยายามที่จะปิดล้อมเกาเหลีเหนือด้วยการซ้อมรบเป็นประจำ
ญี่ปุ่นย่อมนอนไม่หลับขณะที่เกาหลีเหนือเดินหน้าพัฒนาขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่อง
และก็ยังทดลองยิงอาวุธร้ายแรงเหล่านั้นข้ามเกาะญี่ปุ่นเป็นระยะๆ โดยไม่สนใจไยดีกับเสียงต่อต้านคัดค้านจากประชาคมโลก
การที่อดีตนายกฯ ญี่ปุ่น ชินโซะ อาเบะ ถูกลอบสังหารนั้น มีบางสำนักตีความว่า อาจจะมาจากแนวทางเชิงรุกของเขาที่จะเพิ่มงบประมาณทางทหารเพื่อสร้างให้ญี่ปุ่นมีศักยภาพทางทหารอย่างคึกคักกว่าเดิม
คนที่ต่อต้านแนวทางนี้มีอยู่ในแวดวงการเมืองและประชาสังคมไม่น้อย
นายกฯ ญี่ปุ่นคิชิดะ ปัจจุบันก็ยอมรับว่ารัฐบาลของเขาจำเป็นต้องจับมือกับสหรัฐฯ และโลกตะวันตกเพื่อสร้างเกราะกำบังด้านความมั่นคงให้กับตนเอง
รัสเซียกับจีนมองญี่ปุ่นด้วยความระแวงคลางแคลงมาตลอด
ผมอ่านรายงานนี้แล้วอดคิดไม่ได้ว่าไทยและอาเซียนจะออก “สมุดปกขาวด้านความมั่นคง” เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ความตึงเครียดระดับโลกหรือไม่
และถ้ามี Asean Security White Paper จะมีแนววิเคราะห์และเสนอทางออกอย่างไร?
น่าคิดมากครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ