นี่เป็นภาพเก่าของการพบปะระหว่างผู้นำจีนกับอินโดนีเซีย
วันนี้เราจะเห็นประธานาธิบดีโจโก วิโดโดของอินโดนีเซีย บินไปปักกิ่งเพื่อพบประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน
เป็นการไปเยือนที่มีความหมายพิเศษ เพราะโจโกวีมีฐานะผู้นำต่างชาติคนแรกที่ผู้นำจีนยอมให้เข้าพบตัวเป็นๆ ในรอบ 2 ปีเลยทีเดียว
สื่อจีนบอกว่า นี่อาจเป็นการส่งสัญญาณที่สำคัญว่าจีนยอมผ่อนคลายมาตรการสกัดโควิดที่เข้มงวดลง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตกับชาติอื่นๆ
หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า วิโดโดได้รับคำเชิญจากสี จิ้นผิง ให้เดินทางมาเยือนด้วยตนเอง โดยเขาจะได้เข้าร่วมประชุมกับสี จิ้นผิง และหลี่เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน วันนี้กับพรุ่งนี้
วาระประชุมทางการคือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงลึกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ตลอดจนประเด็นปัญหาหลักๆ ในระดับภูมิภาคและในระดับโลก
การเดินทางเยือนของวิโดโดถือเป็นการส่งสัญญาณครั้งสำคัญว่าจีนได้เริ่มเปิดประตูรับผู้นำจากต่างประเทศมากขึ้น
หลังจากที่ไม่ได้ต้อนรับแขกต่างชาติตั้งแต่โควิด-19 เริ่มระบาดรุนแรงในปี 2020
ยกเว้นในช่วงการจัดมหกรรมโอลิมปิกฤดูหนาวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งจีนได้เปิดบ้านต้อนรับผู้นำจากต่างชาติด้วยความระมัดระวังอย่างสูง
ตอนนี้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย บินตรงมาจับไม้จับมือกับสี จิ้นผิง ในงานเปิดมหกรรมโอลิมปิกฤดูหนาว
มีการออกแถลงการณ์ยาวเหยียดถึง 5,000 คำ เพื่อตอกย้ำถึง “ความสัมพันธ์ไร้ขีดจำกัด”
ก่อนที่ปูตินจะสั่งทหารรัสเซียบุกเข้ายูเครนไม่กี่วัน
ทำให้เกิดคำถามว่า ปูตินกระซิบบอกผู้นำจีนว่ากำลังจะมี “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ในยูเครนในอีกไม่กี่วันข้างหน้าหรือเปล่า
ครั้งสุดท้ายที่สี จิ้นผิง ได้เดินทางเยือนต่างประเทศด้วยตนเองคือเมื่อเดือนมกราคม 2020 ก่อนที่จะล็อกดาวน์นครอู่ฮั่น และมีการเดินทางเยือนฮ่องกงเพื่อร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ จอห์น ลี ผู้บริหารสูงสุดคนใหม่ของฮ่องกง เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม
บทบาทของโจโกวีในฐานะนักการทูตระดับโลกมีให้เห็นเด่นชัดขึ้นในช่วงหลัง
เมื่อสัปดาห์ก่อน เขาก็สร้างข่าวเกรียวกราวด้วยการบินไปมอสโกเพื่อพบกับปูติน
จากนั้นก็บินมากรุงเคียฟเพื่อจับมือกับประธานาธิบดีเซเลนสกี
โดยที่ผู้นำอินโดฯ บอกว่าได้นำเอาสารจากปูตินมาฝากด้วย
อีกทั้งยังเสนอตัวพร้อมจะเล่นบทคนกลางให้คู่กรณีในสงครามยูเครนด้วย
ก่อนหน้าจะบินไปมอสโก โจโกวีบินไปเยอรมนีก่อนเพื่อพบกับผู้นำ G-7 โดยเฉพาะประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อบอกให้รู้ล่วงหน้าว่าเขาจะไปพบทั้งปูตินและเซเลนสกี
ไบเดนมิอาจทัดทานได้
เพราะแม้ไบเดนจะเคยขอให้อินโดฯ ซึ่งจะเป็นประธานจัดการประชุมสุดยอด G-20 ในเดือนพฤศจิกายนที่บาหลี
อย่าได้เชิญปูตินไปร่วมเพื่อเป็นการร่วมกับตะวันตกในการคว่ำบาตรรัสเซีย แต่โจโกวีก็หาทางออกได้อย่างสวยงาม
คือเล่นบทเป็นเจ้าภาพระดับโลกที่ต้องยื่นมือไปให้ทุกฝ่าย
โดยที่ไบเดนและผู้นำนาโตไม่อาจจะแสดงความขุ่นข้องหมองใจได้เลย
ปูตินบอกว่าจะไปร่วมประชุม G-20 ที่บาหลีในวันที่ 15-16 พฤศจิกายน
สี จิ้นผิง กับไบเดนจะมาด้วยหรือไม่ยังไม่แน่
เซเลนสกีบอกว่าเขาอาจร่วมประชุมผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ก็ขอพิจารณาว่าใครจะเข้าร่วมด้วยบ้างก่อน
ไทยเราจะเป็นเจ้าภาพประชุมสุดยอด APEC 18-19 ในเดือนเดียวกัน
เรายังไม่รู้ว่าผู้นำมหาอำนาจประเทศไหนจะมาหรือไม่มา...แม้ว่ารัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวัง อี้ ที่เพิ่งมาเยือนไทย จะบอกนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าหาก “ไม่ติดขัดอะไร” ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก็จะมาร่วมประชุม APEC
แต่กว่าจะถึงเดือนพฤศจิกายนยังอีกหลายเดือน อะไรๆ ก็ย่อมจะเกิดขึ้นได้ในสมรภูมิรบยูเครน
แต่ที่แน่ๆ คือไบเดนกำลังเตรียมจะพูดคุยกับสี จิ้นผิง เรื่องลดภาษีศุลกากรของสินค้าจีนเข้าอเมริกา
ที่ยุคโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ใช้เป็นอาวุธต่อสู้กับปักกิ่งเอาไว้
ไบเดนบอกว่าที่ต้องผ่อนคลายเรื่องนี้กับจีน ก็เพื่อแก้ปัญหาการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น
เหตุเกิดตั้งแต่กรกฎาคม 2018 เมื่อสหรัฐฯ ประกาศกำหนดอัตราภาษี 25% สำหรับสินค้าจีนมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์
หลังจากนั้นก็เพิ่มเติมรายชื่อสินค้าใหม่ ๆ เพิ่มเข้าไปอีกจนมีมูลค่า 37,000 ล้านดอลลาร์
ข่าวยืนยันว่าไบเดนกำลังพิจารณาที่จะยกเลิกบางส่วนเพื่อบรรเทาเงินเฟ้อ ซึ่งแตะระดับมากกว่า 9% ในเดือนมิถุนายน
แต่นั่นไม่ได้แปลว่าวอชิงตันจะเลิกคิดแข่งกับปักกิ่งในตลาดโลก
สหรัฐฯ ยังเดินหน้าหาช่องทางการทูตและความช่วยเหลือด้านการพัฒนาในย่านอินโดแปซิฟิกเพื่อสกัดการเติบใหญ่ของจีนในอีกหลายๆ มิติ
หนึ่งในความพยายามนั้นคือแผนการจัดตั้งสถานทูตในคิริบาสและตองกาเพื่อตอบสนองต่ออิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนในอินโดแปซิฟิก
เพื่อยันกับที่จีนกำลังเจรจาข้อตกลงด้านความมั่นคงกับหมู่เกาะโซโลมอน
สหรัฐฯ ยังเดินหน้าสร้างพันธมิตรในย่านนี้ด้วยการกระชับความสัมพันธ์ทุกๆ ด้านกับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
รวมพลังกันแล้วก็ให้การสนับสนุนการทูตและเศรษฐกิจไปยังประเทศเกาะเล็กๆ ในภูมิภาคนี้
ดังนั้นเมื่อผมเห็นผู้นำอินโดนีเซียเล่นเกมการทูตเหนือเมฆด้วยการบินไปหาสี จิ้นผิงวันนี้ ก็ย่อมจะตระหนักได้ถึงนโยบายเชิงรุกของเพื่อนเราในอาเซียนประเทศนี้ที่ไม่ยอมให้การแข่งขันของยักษ์ใหญ่มาส่งผลกระทบต่อทิศทางพัฒนาประเทศของตน
เราควรต้องเรียนรู้จากเพื่อนบ้าน
หรือเราจับมือกับเพื่อนบ้าน
และสร้างพลังต่อรองร่วมกันเพื่อให้อาเซียนเป็นกลุ่มก้อนที่มีศักยภาพในเวทีโลกอันยุ่งเหยิงทุกวันนี้ได้ ก็จะตอบโจทย์ของไทยเราได้อย่างแน่นอน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ