ล่องไปในแอมะซอน (3)

เรือโดยสาร GM OLIVEIRA II ออกจาก Tabatinga ท่าต้นทางช้าไปครึ่งชั่วโมง แต่พอถึงเย็นวันที่ 2 ของการเดินทาง เมื่อเรือจอดท่าที่ 7 ท่า Santo Antônio do Içá เรือกลับทำเวลาได้เร็วกว่ากำหนดอยู่ 1 ชั่วโมงครึ่ง

เนื่องจากว่า “รอน” ซึ่งก็คือเหล้ารัมที่ผมพกมาจากโคลอมเบียนั้นหมดลงอย่างรวดเร็วเพราะเหลืออยู่น้อยนิด และยังได้แบ่งปันให้กับเอดัวร์โด นักมวยไทยชาวเวเนซุเอลาที่กำลังกลับบ้านหลังจากไปเรียนมวยไทยในเปรู ตอนเรือจอดท่าที่ 8 คือท่า Fonte Boa ช่วงใกล้ๆ เที่ยงคืน ผมเข้านอนเสียก่อนแล้ว เพราะเมื่อรัมหมดก็ไม่อยากกลับไปดื่มเบียร์อีก อันอาจจะทำให้เกิดอาการแฮงโอเวอร์ในเช้าวันต่อมาได้

ท่าถัดไปที่เรือโดยสารจะเทียบจอดคือท่า Manaus (อ่านว่า มาเนาส์) ท่าเรือใหญ่สุดและสำคัญที่สุดของแม่น้ำแอมะซอน ซึ่งเป็นท่าสุดท้ายสำหรับการนั่งเรือโดยสารครั้งนี้ และอยู่ในวันที่ 4 ของการเดินทาง เท่ากับว่าวันนี้วันที่ 3 เรือจะไม่จอดที่ไหนเลย

เป็นที่น่าสังเกตได้อีกอย่างหนึ่งว่าเวลาการเดินเรือจากท่าแรก-Tabatinga ถึงท่าที่ 8-Fonte Boa กินเวลาและระยะทางน้อยกว่าจากท่าที่ 8 ถึงท่าที่ 9 คือ Fonte Boa ถึง Manaus คงเป็นเพราะว่ายิ่งใกล้เมืองมาเนาส์เท่าไหร่ การเดินทางไปมาเนาส์ก็จะมีเรืออื่นๆ ให้เลือกมากขึ้น และอาจจะเกี่ยวข้องกับสัมปทานการแบ่งพื้นที่เดินเรือด้วย

ความจริงที่ว่าวันนี้เรือจะไม่จอดที่ท่าไหนเลยนั้น ทำให้ผมต้องอุทานออกมาเบาๆ ว่า “ซวยแล้ว” เพราะจะไม่มีอย่างอื่นให้ดื่มนอกจากเบียร์ แต่ในเมื่อยังไม่ถึงเวลาดื่มก็ยังไม่คิดถึงมัน ตอนนี้สบายใจขึ้นมากเรื่องข้อมูลต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการล่องเรือ เพราะกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยในเมืองมาเนาส์ 4 คนที่ขึ้นเรือมาตั้งแต่ท่า Santo Antônio do Içá (อ่านว่า ซานตวนโตนิโอ ดุยซา) สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ พวกเขาอายุ 18 และ 19 เพิ่งเรียนปี 1

คืนที่ผ่านมา “ราฟาเอลญา” สตรีหนึ่งเดียวในกลุ่มใช้ภูมิปัญญาส่วนตัวเปิดขวดไวน์ให้ผม แม้ว่าไวน์นั้นผมจะดื่มไม่ลง เพราะเป็นไวน์หวานเจี๊ยบ เธอเรียนเศรษฐศาสตร์ ที่เหลืออีก 3 คน ชื่อ วิกเตอร์ เรียนเภสัชศาสตร์, ลูเซียโน เรียนวิศวกรรมศาสตร์ และดุกลาส ผมจำไม่ได้ว่าเรียนอะไร คนนี้ชอบแหย่ชอบแซวผม ถึงขั้นแจกถุงยางอนามัยให้ผม 3 ชิ้น บอกว่าถึงมาเนาส์แล้วอาจจำเป็น ผมก็แซวเขาว่าหน้าตาเหมือนจอร์จ ไมเคิล นักร้องดังซึ่งเป็นเกย์ (ผู้ล่วงลับ) ทำให้เขาเพลาๆ เรื่องโชว์เปลื้องผ้าและการค้าประเวณีในมาเนาส์ลงได้บ้าง

เวลาประมาณ 10 โมงเช้า เรือแล่นผ่านหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อยู่ริมน้ำฝั่งขวามือ ข้างหลังแถวแนวของบ้านเรือนก็คือป่า ไม่น่าจะมีถนนหนทางที่เชื่อมกับหมู่บ้านอื่นนอกจากการสัญจรทางแม่น้ำแอมะซอนและการเดินป่าแอมะซอน มีเรือพายพุ่งออกมาจากริมตลิ่งจำนวนหลายลำ ในเรือพายล้วนเป็นเยาวชน ลำละ 2 คน 3 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิง เรือพายมุ่งหน้ามายังเรือ 3 ชั้น ความจุผู้โดยสารมากกว่า 500 คนของเรา

เยาวชนริมแม่น้ำแอมะซอนพายเข้าหาเรือโดยสารด้วยความหวังว่าจะได้รับสิ่งของบริจาค

พวกเธอไม่กลัวอันตราย พายเข้ามาจนเกือบถึงเรือ ตอนแรกผมนึกว่ามีของมาขาย แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าจะส่งของขึ้นมาได้อย่างไร ระดับความสูงห่างกันมากกว่า 10 เมตร ปรากฏว่ามีคนโยนสิ่งของลงไปในน้ำแล้วพวกเธอก็พายเรือไปเก็บ ซึ่งจำเป็นอยู่ทีเดียวที่ของที่โยนลงไปต้องลอยน้ำได้

ลูเซียโนอธิบายให้ผมฟังว่าสิ่งที่เราเห็นอยู่นี้เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5 หรือ 7 ปีก่อนเท่านั้น และไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เดี๋ยวนี้ผู้โดยสารเริ่มรู้ๆ กันแล้วว่าควรจะหาสิ่งของติดไม้ติดมือมาก่อนจะขึ้นเรือเพื่อมอบให้กับเด็กๆ เหล่านี้ คล้ายเป็นของฝากของขวัญ แม้ว่าจะรู้ดีว่าเสี่ยงอันตรายอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะถ้าสิ่งของเหล่านั้นลอยใกล้ๆ เรือโดยสารแล้วพวกเด็กๆ พายเข้ามาเก็บ หรือโยนของมีน้ำหนักลงไปโดนเด็กหรือเรือพาย

นักศึกษาหนุ่มบอกอีกว่าชาวริมน้ำแอมะซอนแถบนี้ไม่สามารถเข้าถึงระบบการศึกษาและบริการสาธารณะต่างๆ แต่พวกเขาก็ยังไม่อพยพย้ายถิ่นไปไหน และพวกเขาเท่านั้นที่จะตอบได้ว่าเพราะเหตุใด

สองหนูน้อยดาราประจำเรือ

ในบรรดากลุ่มคนที่ขึ้นเรือมาจากท่า Santo Antônio do Içá เมื่อวานนี้ มีเด็กน้อย 2 คน พี่ชาย-น้องสาว อายุคงสัก 5 ขวบ และ 3 ขวบ หน้าตาจิ้มลิ้ม น่ารัก ขี้เล่น สร้างสีสันให้กับพวกเราชาวไทย 9 คน พ่อแม่ของหนูน้อยทั้งสองอัธยาศัยดี พ่อมีอาชีพเป็นหมอ พวกเขาผูกเปลอยู่ใกล้ๆ กับคณะพระธุดงค์ เด็กหญิงคนน้องนั้นชอบเล่นลิปสติกของแม่ เอามาเขียนหน้าเขียนตา ผมยกให้เธอเป็นเทพธิดาประจำเรือ ส่วนพี่ชายสนใจคณะสงฆ์เป็นพิเศษ ถึงขั้นขอวิชานั่งสมาธิจากท่านมหาดำรงค์ นริสสโร พระเดินธุดงค์รอบโลกร่วมคณะของพระสุธรรม ฐิตธัมโม

ในเรือลำนี้มีสตรีช่างทำเล็บโดยสารมาด้วย เธอน่าจะขึ้นเรือมาเพราะมีการงานรออยู่ที่เมืองมาเนาส์ และได้ใช้เวลาที่ว่างถึง 4 วัน 3 คืนรับจ๊อบในเรือ เพราะมีอุปกรณ์เครื่องมือพร้อมอยู่ในตะกร้าหูหิ้วใบใหญ่ บรรดาคุณป้าซึ่งเป็นโยมติดตามพระธุดงค์เห็นเธอให้บริการอยู่ในเปลของผู้โดยสารลูกค้า ได้จังหวะก็กวักมือมาใช้บริการบ้าง แถมยังให้เธอช่วยดูสุขภาพเล็บให้กับพระสงฆ์ด้วย เนื่องจากว่าพระสงฆ์ในคณะนั้นล้วนเป็นนักเดินเท้ากันทั้งสิ้น เดินมากๆ เล็บก็มีปัญหา แต่ไม่เคยใส่ใจเพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

ผมขึ้นไปดื่มเบียร์กระป๋องแรกบนดาดฟ้าตอนบ่ายต้นๆ หนุ่มคนหนึ่งนั่งดื่มไฮเนเกนอยู่อีกโต๊ะ ชวนให้ผมดื่มด้วยกัน ผมบอกเขาว่าอีกประมาณ 10 หรือ 15 นาทีจะมาดื่มด้วย ขอกลับลงไปทำธุระที่ชั้น 2 แต่ผมกลับลืมเสียสนิท จนผ่านไปราว 2 ชั่วโมงถึงนึกขึ้นได้ จึงปล่อยเลยตามเลย

ริมฝั่งเมืองโคอาริ รัฐอามะโซนัส ประเทศบราซิล

อย่างที่ผมได้บอกไปว่าตามตารางเวลาวันนี้ เรือจะไม่จอดที่ท่าใดๆ แต่เรือเข้าเทียบที่ท่าแห่งหนึ่งในเมือง Coari ตอนเวลา 6 โมงเย็นเพื่อเติมน้ำมัน บริเวณนี้มีปั๊มน้ำมันลอยน้ำอยู่หลายปั๊ม ไม่อนุญาตให้ผู้โดยสารขึ้นหรือลง แต่สามารถซื้อของจากคนขายข้างล่างได้โดยมีวิธีการส่งขึ้นมาตามแต่จะสร้างสรรค์ขึ้น ผมมองๆ ดูไม่มีสิ่งที่ต้องการอยู่ในสินค้าเหล่านั้น

กลุ่มวัยรุ่น 4 คนที่ผมกล่าวถึงก่อนหน้านี้ซื้อน้ำสีม่วงเข้มๆ คล้ายไวน์ แต่อยู่ในถุงพลาสติกใบใหญ่รัดหนังยาง พวกเขาซื้อมา 3 หรือ 4 ถุง ราฟาเอลญาทำตกแตกละเลงพื้นเรือไป 1 ถุง พวกผู้ชายบอกผมว่านี่คือไวน์ เรียกว่า Vinho de Açaí หรือ “ไวน์อะไซ” ซึ่งอะไซเป็นหมากหรือปาล์มชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นลูกเล็กๆ ขึ้นเรียงอยู่ในก้าน ซึ่งรวมกันเป็นพวงหรือทะลายใหญ่ ลูกอะไซมีขนาดใกล้เคียงกับบลูเบอร์รี นอกจากนำมาทำไวน์แล้วก็สามารถทำอาหารได้หลากหลาย

ผมหาข้อมูลภายหลังพบว่าอะไซมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เป็นพืชประจำถิ่นในแถบแอมะซอน ขึ้นอยู่ตามหนองตามบึงและที่ราบน้ำท่วมถึง คนท้องถิ่นบริโภคกันมาหลายร้อยปีแล้ว แต่นักวิชาการเพิ่งจะศึกษาวิจัยเรื่องคุณค่าทางโภชนาการอย่างจริงจังเมื่อไม่กี่สิบปีมานี้ และมีชื่อออกสู่เมืองใหญ่ของบราซิล รวมถึงระดับนานาชาติเพียงประมาณยี่สิบปีที่ผ่านมา และเพราะว่าเป็นสิ่งใหม่สำหรับคนภายนอก จึงมีการโฆษณาขายในโลกออนไลน์กันอย่างเอิกเกริก ส่วนใหญ่ออกไปทางอวดอ้างสรรพคุณ ทั้งบอกว่ารักษาโรคได้ต่างๆ นานา หรือแม้แต่สามารถเพิ่มขนาดไอ้นั่นของท่านชาย และส่งเสริมความแกร่งในเรื่องบนเตียง ทว่ามีการพิสูจน์แล้วว่าต้มตุ๋นหลอกลวงทั้งเพ

วิกเตอร์รินใส่แก้วยื่นให้ผม บอกว่ามีสรรพคุณทางยา กินแล้วกระปรี้กระเปร่า มีกำลังวังชา และวกเข้าเรื่องยาโป๊ ผมชิมแล้วก็พอจะบอกได้ว่ารสสัมผัสเหมือนผลไม้ปั่น คือไม่เป็นน้ำเหมือนไวน์ รสชาติคล้ายเบอร์รีบางชนิด แต่จืดและออกไปทางฝาดๆ มีความเป็นกรดเล็กน้อย ไม่รู้สึกว่ามีแอลกอฮอล์ ผมดื่มจดหมดแก้ว เขาเสนอให้ดื่มอีก ผมยอมแพ้

เรือโดยสารแอมะซอนอีกลำขณะจอดเติมน้ำมันที่เมืองโคอาริ

ระหว่างที่เรือเติมน้ำมัน ผมเลือกที่จะไม่พยายามสมัครใช้อินเทอร์เน็ต แต่ขอแชร์สัญญาณอินเทอร์เน็ตจากโทรศัพท์มือถือของลูเซียโนเพื่อส่งคอลัมน์เข้าอีเมลของไทยโพสต์ แต่สัญญาณอินเทอร์เน็ตอ่อนมาก ส่งภาพประกอบไม่ไป เมื่อส่งไฟล์ไม่สำเร็จ ผมเลยต้องส่งข้อความไปแทน แจ้งว่าส่งไม่ได้เพื่อให้บรรณาธิการช่วยแก้ปัญหา เป็นเหตุให้คอลัมน์หายไป 1 อาทิตย์ก่อนหน้านี้

เย็นย่ำมาเยือน ผมจะไม่ดื่มไวน์หวานที่ซื้อพลาดมาอย่างเด็ดขาด รัมโคลอมเบียก็เกลี้ยงแล้ว ร้านค้าประจำเรือของหนุ่มอ้วนมีแค่เบียร์เท่านั้น แถมมี 2 ยี่ห้อที่เป็นแบรนด์ข้ามชาติ เซอเวจาท้องถิ่นมีเพียง ITAIPAVA ยี่ห้อเดียว

ผมชวนวัยรุ่นทั้งสี่ขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า เดินผ่านโต๊ะหนุ่มที่ชวนผมดื่มเบียร์ก่อนหน้านี้ เขายังดื่มคนเดียว ผมเลือกที่จะไม่ทักทาย เพราะเห็นขวดเปล่าสีเขียวตั้งอยู่บนโต๊ะมากกว่า 10 ขวด และเวลานี้เขาถอดเสื้อ เหลือนุ่งแต่กางเกงขาสั้น รองเท้าไม่ใส่ ผมรู้สึกโชคดีที่ลืมสัญญา

เขากำลังเปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือเสียบกับลำโพงของเรือที่เป็นแบบเคลื่อนย้ายได้ คงเพราะเปิดเสียงดังและหันลำโพงไปหาลูกค้าคนอื่นๆ หนุ่มอ้วนเจ้าของร้านประจำเรือจึงหยิบลำโพงเอาไปตั้งไว้ใกล้ๆ หมอนี่ แทนที่จะสำนึกกลับได้ทีลุกขึ้นเต้น แต่ด้วยสภาพที่เมามาก เขาเต้นได้แค่ขยับขาไปมาเท่านั้น

เรือโดยสารขนาดเล็กลำหนึ่งและปั๊มน้ำมันลอยน้ำ

 

ผมตั้งใจจะเลี้ยงเบียร์พวกเด็กวัยรุ่น เบียร์ ITAIPAVA ราคาแค่กระป๋องละ 5 เรียล หรือประมาณ 35 บาท ผมซื้อมา 4 กระป๋อง เพราะราฟาเอลญาไม่ดื่ม ยังไม่ทันจะหมดกระป๋องแรก ลูเซียโนไปซื้อบัดไวเซอร์มา 4 ขวด เบียร์นอกสีแดงขาวนี้ขวดละ 10 เรียล รอบที่ 3 ผมรีบชิงจังหวัดกลับมาที่ ITAIPAVA วิกเตอร์เร็วกว่าในรอบที่ 4 ซื้อบัดไวเซอร์มาอีกให้ทุกคน รอบที่ 5 เป็นคิวผม รอบต่อมาดุกลาสผู้มีหน้าตาละม้ายจอร์จ ไมเคิล กลับไปเหมาบัดไวเซอร์มาอีก

ดื่มไปดื่มมาก็จำไม่ได้ว่าดื่มไปเท่าไหร่ แม้ว่าผมจะเลี้ยงพวกเขาเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าเด็กพวกนี้มองผมเป็นเพื่อนมากกว่าจะเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้า ไม่ยอมให้ผมเลี้ยงฝ่ายเดียว ผมไม่รู้ว่าพวกเขามีเงินกันมากน้อยเพียงใด หรือว่าเงินที่เอามาซื้อเบียร์จะเป็นส่วนหนึ่งของทุนรอนการศึกษาหรือไม่ แต่บุคลิกลักษณะของคนไม่โกหก เด็กพวกนี้ไม่ได้ยากจนอย่างแน่นอน

วิกเตอร์นั้นอายุเพิ่งจะ 18 ปี แต่มีลูกแล้ว ลูกสาวของเขาอายุเกือบ 1 ขวบ ส่วนเมียก็เลิกเรียนหนังสือ เลี้ยงลูกอยู่กับบ้าน การไปเรียนมหาวิทยาลัยที่มาเนาส์ เมืองเอกของรัฐอามะโซนัสนั้น เขาคงไม่ได้กลับไปเยี่ยมลูกและเมียบ่อยนัก เพราะใช้เวลาไปกลับแต่ละครั้งมากกว่า 1 สัปดาห์

ดาดฟ้าท้ายเรือคืนนี้มีคนมาชุมนุมกันมากกว่า 2 คืนที่ผ่านมา คงเพราะว่าเป็นคืนสุดท้ายก่อนเรือเทียบท่าที่มาเนาส์ในวันพรุ่งนี้ นอกจากวัยรุ่นกลุ่มนี้แล้ว ผมก็แทบไม่ได้สนทนากับใคร มีบางคนที่เคยยิ้มทักทายกันก็ยังยิ้มทักทายกันเหมือนเดิม เอดัวร์โด-นักมวยไทยจากเวเนซุเอลาเดินไปเดินมากับชายคนหนึ่งผู้มีลูกสาววัยยังไม่ถึง 18 ปีโดยสารในเรือมาด้วย

วิกเตอร์ปลีกตัวไปคุยกับกลุ่มผู้ใหญ่แล้วเขากลับมาดึงผมไปคุยกับชายอินเดียนแดงผู้อาศัยอยู่ในป่าแอมะซอน แต่ว่าแต่งตัวเหมือนคนในเมืองทั่วๆ ไป แกพูดเกี่ยวกับการอนุรักษ์แม่น้ำและป่าแอมะซอน วิกเตอร์ทำหน้าที่ล่ามซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นเมื่อดื่มเข้าไปพอสมควร คุณน้าอินเดียนแดงอธิบายว่าถ้าจะเข้าไปยังชั้นในของแม่น้ำแอมะซอนสาขาต้องทำหนังสือถึงเจ้าหน้าที่เสียก่อน แกยังบอกด้วยว่ามีนักท่องเที่ยวบางคนเข้าไปแล้วไม่ได้กลับออกมา ทุกประโยคเมื่อพูดจบแกมักจะยิ้มส่งท้าย

แกดื่มเบียร์แบบกระป๋องต่อกระป๋อง พอแกเข้าห้องน้ำ ผมก็ได้จังหวะปลีกตัวกลับไปคุยกับแก๊งวัยรุ่นเหมือนเดิม และเนื่องจากว่าน้าอินเดียนแดงแกดื่มเบียร์เยอะ แกก็เข้าห้องน้ำบ่อย แต่ละรอบที่เข้าห้องน้ำแกแวะทักผมทุกรอบและเหมือนอยากจะพูดอะไรอีก แต่วิกเตอร์ไม่ค่อยอยากแปลแล้ว แกก็เดินกลับไปยืนจุดเดิมของแก ยังไงเสียก็มีคนอยากคุยกับแกทั้งคืน

เวลาประมาณเที่ยงคืน กลุ่มเด็กวัยรุ่นหยุดดื่ม และพอคนหนึ่งไปซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในถ้วยกระดาษตรานิชชินมากิน เพื่อนคนอื่นก็ไปซื้อตาม ลูเซียโนยื่นให้ผมชิม ผมลังเล แต่คิดอีกทีถ้าเขามีเชื้อโควิดผมก็คงติดไปนานแล้ว และไม่อยากให้เขาคิดว่ารังเกียจก็ชิมส้อมพลาสติกคันเดียวกับที่เขาใช้ บอกเขาว่าอร่อยมากเพื่อจะได้ไปซื้อมากินเอง ปิดท้ายค่ำคืนด้วยอาหารอุ่นท้องและเข้านอนไม่ดึกนัก พวกเด็กวัยรุ่นลงไปนอนเปลชั้น 2 ผมนอนชั้น 3 ในถุงนอนเหมือนเดิม

ตอนเช้าวันต่อมาผมตื่นขึ้นโดยไม่มีอาการคั่งค้างใดๆ เดินลงไปชั้น 2 ทักทายพวกวัยรุ่นที่ผูกเปลนอนอยู่ใกล้ๆ กับคณะพระธุดงค์และโยมติดตาม เวลานี้เด็กชายลูกคุณหมอโกนศีรษะ ทราบว่าแม่เป็นผู้โกนให้ ก่อนนี้เด็กชายมีผมทรงสกินเฮดอยู่แล้ว คงโกนอยู่เป็นประจำเพราะแม่พกมีดโกนมาด้วย และในเมื่อเด็กชายสนใจพระสงฆ์เป็นพิเศษ ท่านมหาดำรงค์ นริสสโร พระธรรมทูตไทยจากจังหวัดนครนายก ได้นำสบงสำรองมาห่มเป็นผ้าเหลืองให้หนูน้อย แล้วสอนเดินจงกรมไปรอบเรือ

ผมถ่ายรูปเณรน้อยกับคณะสงฆ์แล้วเดินไปทางหลังเรือเพื่อแปรงฟัน เห็นหนุ่มเบียร์ขวดเขียวผู้เปิดเพลงเสียงดังสวมเสื้อเป็นปกติแล้ว แต่หน้าตายังฉ่ำแอลกอฮอล์ เดินโงนเงนถือตะกร้าทำเล็บ

จึงได้รู้ว่าเขาเป็นผัวของใคร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้

เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ

เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!

เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม

จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!

ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก

ไม่สนใจใครจะต่อว่า เสียงนกเสียงกา...ข้าไม่สนใจ

ถ้าหากเราจะบอกว่านายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเสียงตำหนิ มีการนำเอาการพูดและการกระทำที่ไม่ถูกไม่ต้อง ไม่เหมาะไม่ควร

จาก 'น้ำตา' ถึง 'รอยยิ้ม' พระราชินี

ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา...ได้อ่านข่าวพระราชาและพระราชินีสเปน เสด็จฯ ทรงเยี่ยมเยียนผู้คนที่ประสบภัยน้ำท่วมในเมืองปอร์ตา แคว้นบาเลนเซีย