ในขณะที่เขียนบทความนี้เป็นเช้าของวันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม 2565 ในเวลานี้การอภิปรายไม่ไว้วางใจยังไม่จบสิ้น และยังไม่มีการลงคะแนนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย จึงไม่อาจพูดแบบฟันธงว่าใครจะผ่านหรือไม่ผ่าน แต่อย่างไรก็ตาม ใครที่ได้ฟังการอภิปรายอย่างใกล้ชิดหรือบางช่วงบางตอน ก็อาจจะอนุมานได้ว่าทุกคนน่าจะผ่าน แม้ว่าจะมีรัฐมนตรีบางคนอาจจะได้คะแนนหวุดหวิดเพราะว่าการชี้แจงอาจจะไม่ชัดเจนมากพอ หรือบางคนที่ไม่ชี้แจงทันที ขอเวลาไปตั้งหลักและกลับมาตอบในวันรุ่งขึ้น ก็อาจจะทำให้ทั้งฝ่ายค้านและประชาชนที่ติดตามการอภิปรายมีความแคลงใจอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วก็น่าจะผ่านได้
สำหรับคนที่อนุมานว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทั้งหลายจะผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น คงประเมินจากการอภิปรายของฝ่ายค้าน และการชี้แจงของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทั้งหลาย ถ้าหากจะสรุปสั้นๆ โดยไม่ลงรายละเอียดก็สามารถพูดได้ว่าเป็นการอภิปรายที่ไม่มีคุณภาพ ไม่อาจจะเด็ดหัว (นายกรัฐมนตรี) หรือสอยนั่งร้าน (พรรคร่วมรัฐบาล) ได้ตามที่คุยเอาไว้ รายละเอียดของการอภิปรายที่คนจำนวนมากผิดหวัง เพราะว่าไม่ค่อยจะมีอะไรใหม่ และที่สำคัญก็คือไม่มีความจริงเชิงประจักษ์ที่จะเล่นงานรัฐบาลได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงต้องสรุปว่า “ลุงตู่อยู่ต่อ เพราะฝ่ายค้านไม่มีคุณภาพที่จะเล่นงานลุงตู่ได้ ถ้าหากจะมีการเล่นงานได้ก็อาจจะเป็นรัฐมนตรีบางคนที่ชี้แจงได้ไม่ชัดเจน แต่นั่นก็คงไม่ใช่สาเหตุที่จะต้องทำให้นายกรัฐมนตรีต้องลาออกหรือยุบสภา อย่างมากก็แค่ปรับคณะรัฐมนตรีเท่านั้นเอง และก็ต้องหวังว่าหัวหน้าพรรคของคนที่ถูกปรับออกและเจ้าตัวจะเข้าใจว่าทำไมนายกรัฐมนตรีต้องปรับออก ไม่ออกมาฟาดหัวฟาดหางเล่นงานนายกรัฐมนตรีอย่างคนบางคนที่เราได้เห็นในช่วงที่ผ่านมา
หากจะลงรายละเอียดของการอภิปรายที่หลายคนสรุปว่าเป็นการอภิปรายที่ไม่มีคุณภาพ และไม่สามารถเด็ดหัวนายกรัฐมนตรีได้นั้น แทบจะพูดได้ว่าการอภิปรายของสภาผู้แทนราษฎรของประเทศไทยในยุคนี้เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ในเชิงลบ ที่ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่อภิปรายนั้นคือผู้แทนราษฎรที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้ทรงเกียรติ เป็นตัวแทนของประชาชน ความมหัศจรรย์ที่ว่านั้น มีดังนี้
- มีแต่คำกล่าวหาที่เป็นวาทกรรมที่ปราศจากความจริงเชิงประจักษ์มาสนับสนุน
- หลายคนพูดจาโกหกอย่างหน้าตาเฉย ไม่มีความละอายที่จะพูด ไม่รู้ว่าโกหกด้วยความจงใจ หรือตัวเองมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
- หลายเรื่องเป็นเรื่องเก่าที่เอามาพูดใหม่ ทั้งๆ ที่มีการสะสางไปแล้วก็ยังเอามาพูดอีก
- หลายเรื่องไม่เกี่ยวกับการทำงานของรัฐมนตรีเลยแม้แต่น้อย ก็เอามาพูด
- หลายเรื่องอยู่นอกอำนาจของนายกรัฐมนตรี เช่น เรื่องการใช้กฎหมายในการจัดการกับผู้ทำผิดกฎหมายที่เป็นเรื่องของตุลาการ ก็เอามาเล่นงานนายกรัฐมนตรีทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยว
- การพูดจาหลายเรื่องแสดงให้เห็นว่าคนพูดไม่มีความรู้ในเรื่องที่พูด ทำการบ้านมาไม่ดีพอ
- มีการเอาเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินมาอภิปราย โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบกับคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในสภา
- มีการใช้ภาษาที่หยาบคาย ต่ำตม รวมทั้งมีกิริยามารยาทที่แย่มากๆ ไม่มีคุณสมบัติผู้ดีเลย
- มีการพูดจาดูถูกคนบางกลุ่มอย่างเช่นกลุ่ม 608 หรือคนบางอาชีพโดยไม่ระมัดระวัง
- หลายเรื่องที่พูดนั้นเป็นการขว้างงูไม่พ้นคอ เพราะสุดท้ายแล้ว เรื่องที่กล่าวหาทั้งหมดนั้นมันย้อนกลับไปที่เจ้านายของคนพูดที่เป็นเจ้าของคอกตัวจริง
- เรื่องที่นำมากล่าวหารัฐบาลเป็นเรื่องที่สวนทางกับความจริงเชิงประจักษ์ เช่น เรื่องการจัดการการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ประเทศไทยได้รับการยกย่องว่าจัดการดีเป็นที่ 1 ของโลก
- การกล่าวหาเรื่องเศรษฐกิจก็แย้งกับตัวเลขเชิงประจักษ์ที่ต่างชาติมีการประเมินว่าเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง และมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วด้วยการให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยว
- เรื่องน้ำมันแพง สินค้าแพงก็เป็นเรื่องที่อธิบายได้ และเมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ ไทยเราดีกว่าอีกหลายประเทศ โดยเฉพาะเรื่องอัตราเงินเฟ้อ
- การกล่าวหาว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน ก็มีการเปรียบเทียบให้เห็นอย่างชัดเจนว่า 8 ปีของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีอะไรบ้าง ดีกว่าช่วงปี 2544 จนถึง 2557 อย่างไร
ถ้าหากฝ่ายค้านอภิปรายได้แต่นี้ ก็อย่าหวังว่าจะเด็ดหัวและสอยนั่งร้านได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือนายของพวกเขานั่นแหละที่จะไม่มีหัว และนั่งร้านที่ว่านั้น คนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดถึงพรรคร่วมรัฐบาล แต่ไปคิดถึงนั่งร้านที่ซ่อนอยู่หลังกองข้าวที่ทำให้เห็นว่ามีการทุจริตเรื่องจำนำข้าว คนที่คิดประโยคที่ใช้ในการชวนประชาชนติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจน่าจะโดนเจ้านายเด็ดหัวนะ
ถ้าฟังคำกล่าวหาและฟังการชี้แจงแล้ว นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทั้งหลายน่าจะผ่าน แต่ถ้าไม่ผ่านก็อาจจะเป็นเพราะความมหัศจรรย์สุดท้ายของสภาผู้แทนราษฎรแห่งประเทศไทยที่อาจจะมีงูพันธุ์พิเศษ นั่นคืองูที่กินกล้วย ตอนนี้เราไม่รู้ว่าจะมีกล้วยมาให้งูกินหรือเปล่า จะเป็นกล้วยสวนไหน และจะมีงูพันธุ์พิเศษที่กินกล้วยนี้อยู่ฝั่งไหนเป็นจำนวนกี่คน ถ้าหากมีกล้วยมาจากหลายสวน ก็คงต้องติดตามดูว่ากล้วยสวนไหนมันลูกใหญ่กว่ากัน ถึงวันนั้นการอนุมานทั้งหลายที่ประเมินจากการกล่าวหาและการชี้แจงอาจจะไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะอิทธิพลของกล้วยมันมีพลังที่เหนือกว่า.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ
ดร.เสรี ลั่นรังเกียจ วาทกรรมแซะสถาบัน
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า เกิดวาทกรรมใหม่ "ใบอนุญาตที่ 2"
เด็กฝึกงาน...ไม่ผ่านโปร
ฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยหลังจากรู้ผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพที่สร้างความกังวลให้กับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคส้มหรือพรรคแดง
'ความเป็นไทย' กับกรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-ภาคใต้
ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง
ได้ฤกษ์ 'นายพล' ล็อต 2
ผ่านเดดไลน์ตามคำสั่ง ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกหน่วยส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
'ดร.เสรี' กรีดเหวอะ! ใครมีลูกสาวเก่งพอที่จะเป็นนายกฯ ต้องบอกลูกให้มีผัว 9 คนอยู่ใน 9 ภาค
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า ใครมีลูกสาวที่เก่งพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ต้องบอกลูกนะคะ