สภาไทยนี่จริงๆ เลย
หันไปทางไหนพูดตรงกันหมด ดูหลักฐานก่อนว่า จะยกมือโหวตให้หรือไม่
ให้มันจริงเถอะครับ!
เพราะนั่นมันคือการยกระดับความรับผิดชอบของนักการเมืองไทย ที่มีต่อประชาชน
หาก ส.ส.ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลด้วยการดูข้อเท็จจริงมากกว่าพวกมากลากไป หรือการต่อรองทางการเมือง และการต่อรองทางการเงิน การเมืองจะดีขึ้นกว่านี้อีกเยอะ
แต่เท่าที่มีรัฐสภาไทยมา การโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจส่วนใหญ่ ก็เป็นไปตามขั้วการเมือง
ส.ส.ฝั่งรัฐบาลโหวตสนับสนุนรัฐมนตรี
ส่วน ส.ส.ฝ่ายค้านก็โหวตสวนไปอีกทาง
ก็เข้าใจได้ครับ เพราะการเมืองทั่วโลกโดยส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้
เพียงแต่ที่ประเทศไทย มีบางอย่างพิเศษกว่า
เรามี ส.ส.ครึ่งบกครึ่งน้ำเยอะ
พวกนี้รักในความเป็นครึ่งบกครึ่งน้ำของตัวเองเสียด้วย
ครับ...ก่อนโหวตเสียงเช้าวันนี้ (๒๓ กรกฎาคม) เซียนน้อยใหญ่ส่งเสียงต่อรองกันขรม รัฐมนตรีคนไหนไม่รอดบ้าง
เลขที่ออกอยู่ที่ "จุติ ไกรฤกษ์" กับ "สันติ พร้อมพัฒน์"
ทำไมต้อง ๒ คนนี้?
มันมีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นในรัฐสภา
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลวันแรก มีความเคลื่อนไหวของ ส.ส.พรรคเล็ก ที่เรียกกลุ่ม ๑๖ จะโหวตคว่ำ ๒ รัฐมนตรี
คนพูดมีตัวตนชัดเจนครับคือ นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม
บอกว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ได้มาหารือกับนายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้ากลุ่ม ๑๖ บริเวณหลังห้องประชุม ถึงแนวทางการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
มีข้อสรุปร่วมกันว่า จะจัดหนัก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง มีแนวโน้มจะโหวตคว่ำทั้ง ๒ คน
แต่ขอฟังการอภิปรายก่อน ส่วนจะมีใครเพิ่มเติมจะมีการแถลงจากพรรคเล็กรายวัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้พูดคุยกับสมาชิกกลุ่ม ๑๖ และคุยกันว่าจะโหวตอย่างไรก็ว่าตามกัน
ถือว่าเก่งครับ
ส.ส.กลุ่ม ๑๖ ที่ประกาศตัวเองว่าเป็นพรรคร่วมรัฐบาล สามารถล็อกเป้าได้ว่าจะคว่ำรัฐมนตรีคนไหน ก่อนที่จะฟังฝ่ายค้านซักฟอกในสภา
จะเก่งเกินไปมั้ย
ไปล็อกเป้ากันอีท่าไหนไม่ทราบได้ ๑ วันผ่านไป กลายเป็น "จุติ ไกรฤกษ์" กับ "สันติ พร้อมพัฒน์" แทน
"บิ๊กป๊อก อนุพงษ์" หลุดโผไปดื้อๆ
กรณี "จุติ " เกิดการผสมโรงที่น่าสนใจ
การเคลื่อนไหวของ ส.ส.กลุ่ม ๑๖ กลุ่มธรรมนัส และกลุ่มการเมืองในพรรคประชาธิปัตย์ รวดเร็วปานความเร็วแสง
ถึงขั้นต้องตั้งทีมช่วยเหลือ "จุติ"
ข่าวจริงเท็จประการใดมิทราบได้ มี ส.ส.ประชาธิปัตย์ ๑๒ คนต่อรองกับผู้ใหญ่ภายในพรรคให้ช่วยเหลือ "จุติ" หากไม่ช่วย ทั้ง ๑๒ เสียงจะไม่สนับสนุน "นิพนธ์ บุญญามณี" เช่นกัน
ประชาธิปัตย์ยุคนี้ไปไกลจริงๆ
ที่ต้องไปไกลเพราะมี ส.ส.พรรคประกาศตัวชัดเจนว่าจะคว่ำ "จุติ"
เหตุผลอ้างกันว่าน้องๆ ส.ส.ส่วนใหญ่รับไม่ได้ เพราะนอกจากไม่เคยดูแลเพื่อน ส.ส.ในพรรคแล้ว ยังไม่ค่อยเข้าร่วมประชุมงานกิจกรรมพรรค
ซ้ำยังมีข่าวว่าจะย้ายพรรคไปร่วมสังกัดพรรคการเมืองใหม่ที่กำลังจะตั้งขึ้นอีกต่างหาก
ตกลงนี่เราคุยกันเรื่องการโหวตเสียงในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือแค้นนี้ต้องล้างเพราะเอาใจออกห่างพรรคกันแน่
ประจวบเหมาะกับกลุ่ม ๑๖ ประกาศว่า ได้หารือเบื้องต้นถึงแนวทางการลงมติไม่ไว้วางใจ ภายหลังจากได้ฟังคำชี้แจงของ ๑๑ รัฐมนตรีครบถ้วนทุกคนแล้ว มีความเห็นตรงกันจะลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ๒ คนแน่นอน
คือ "จุติ" กับ "สันติ"
เหตุผลคือตอบไม่เคลียร์
คร่าวๆ ประเด็นซักฟอก "จุติ" มีเรื่องตั้งคนสนิทคนชื่อ "นาย จรร." ซึ่งมีประวัติโชกโชนด้านการเงิน เป็นนักปั่นหุ้น นำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์มาแล้วหลายบริษัท และเป็นคนสนิท คนใกล้ชิด เป็นบอร์ดการเคหะฯ
ไม่อยากสร้างบ้านขายให้ผู้มีรายได้น้อย เปลี่ยนมาเป็นโครงการสร้างบ้านเพื่อผู้มีรายได้น้อยเช่าแทน ชื่อโครงการ เคหะสุขประชา แอบอ้างว่าโครงการนี้ทำเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล
ใส่โครงการทำเกษตรทฤษฎีใหม่แบบผสมผสาน ขุดบ่อเลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ เลี้ยงเป็ด ปลูกผัก ปลูกเลม่อน แล้วเอารายได้จากการขายผัก ขายไข่ มาคำนวณเป็นรายได้เพื่อเพิ่มตัวเลข การประเมินอัตราผลตอบแทนการลงทุนทางเศรษฐศาสตร์ (EIRR) ของโครงการ
เป็นกระบวนการปั่นตัวเลข แม้เบื้องต้นแผนเอา CEMCO เข้าตลาดเหมือนจะเดินไปด้วยดี แต่สุดท้ายผู้ถือหุ้นบริษัทเซมโกไม่เอาด้วย จึงนำไปสู่มหากาพย์เรื่องต่อไปคือ การดึงเคหะสุขประชาออกจากเซมโกมาอยู่ที่ บมจ.เคหะสุขประชา บริษัทที่ตั้งขึ้นใหม่เพื่อรับบทบาทแทนบริษัทเซมโก ทั้งนี้หนึ่งในผู้มีบทบาทสำคัญในแผนกินเหนือเมฆครั้งนี้คือนาย จรร. ซึ่งเป็นคนสนิทของนายจุติ
เซมโก (CEMCO) คือ บริษัทลูกของการเคหะแห่งชาติ จัดตั้งขึ้นตามมติ ครม.เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๓๗ ในชื่อ “บริษัท จัดการทรัพย์สินและชุมชน จำกัด”
ไปฟัง "จุติ" ชี้แจงบ้าง แต่สั้นๆ
"...ในการตรวจสอบของ สตง.พบว่ามีการตั้งญาติของอดีตผู้บริหารการเคหะแห่งชาติมาเป็นผู้จัดการเซมโก และนำทรัพย์สินบางส่วนของการเคหะฯ ไปให้สมาคมเช่า แต่รายได้นั้นไม่ได้ส่งถึงการเคหะแห่งชาติ สตง.ยังบอกได้ว่าให้คณะกรรมการตรวจสอบเรื่องเหล่านี้และให้ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำความผิด
คนไทยได้ยินเรื่องของการเอื้ออาทรมา ๑๗ ปีแล้ว และพบว่านักธุรกิจที่มาหากินกับการเคหะแห่งชาตินั้น ได้ติดคุก ๑๔ คน ..."
เคลียร์ไม่เคลียร์ไม่รู้ แต่ ส.ส.กลุ่ม ๑๖ กลุ่มธรรมนัส และ ส.ส.ประชาธิปัตย์บางคนประกาศว่าจะคว่ำ
ไปที่ "สันติ" ถูกซักฟอก โครงการระบบท่อส่งน้ำสายหลักภาคตะวันออก (อีอีซี) คล้ายๆ กับการอภิปรายครั้งก่อน ฝ่ายค้านกังขาล้มประมูลรอบแรก ตั้งคำถามประมูลรอบ ๒ แก้เกณฑ์เอื้อใคร
คำชี้แจงคือ ล้มรอบแรก เพราะปริมาณน้ำใน TOR ไม่ชัด
ขณะนี้ยังไม่เซ็นสัญญาโครงการ
มันยังไม่สุด!
จะบอกว่า ทุบทีเดียวตาย เด็ดหัว สอยนั่งร้าน ได้แน่ มันก็ยังต้องนั่งเกาหัวแกรกๆ ว่า...ใช่หรือ
มันไม่เหมือนโกงข้าวจีทูจีครับ กรณีนั้นใบเสร็จมันลากยาวจนติดคุกกันระนาว
ก็มีคำถามว่า แล้ว ส.ส.กลุ่ม ๑๖ กลุ่มธรรมนัส ต้องการอะไรในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้
การซักฟอกรัฐบาลเป็นการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล
หรือเป็นตัวประกันเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง หรือประโยชน์อื่นใด
หากฟังการอภิปรายกันจริงๆ ยังมีรัฐมนตรีบางคนตอบคำถามไม่เคลียร์มากกว่า "จุติ-สันติ" เสียอีก
เรื่องในมุ้ง เหมือนจะจบแล้วจบเลย ไม่เห็นมีท่านผู้แทนสุภาพบุรุษท่านไหนพูดถึงอีก
เพราะถ้าจะเอาความจริง มันอาจจะค่อนสภา
ในกลุ่มที่จะคว่ำ "จุติ-สันติ" บางคนก็ใช่ย่อย
ฉะนั้น จับตาดู ส.ส.ครึ่งบกครึ่งน้ำกันครับ
หลังโหวตในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ วงจรชีวิต จะกลับไปมีหาง
หรืออยู่ในหม้อต้ม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เจอตอ ชั้น ๑๔
งวดเข้ามาทุกทีครับ... หากไม่มีอะไรผิดพลาด วันที่ ๑๕ มกราคมนี้ พยานหลักฐานกรณีนักโทษเทวาดาชั้น ๑๔ น่าจะอยู่ในมืออนุกรรมการสอบสวนชุดเฉพาะกิจแพทยสภา ชุดที่ คุณหมออมร ลีลารัศมี เป็นประธาน ครบถ้วนสมบูรณ์
'ทักษิณ' ตายเพราะปาก
แนวโน้มเริ่มมา... ปลาหมอกำลังจะตายเพราะปาก เรื่องที่ "ทักษิณ ชินวัตร" ไปปราศรัยใหญ่โต เวทีเลือกตั้งนายก อบจ.หลายจังหวัด ทำท่าจะเป็นเรื่องแล้วครับ
พ่อลูกพาลงเหว
มันชักจะยังไง.... พ่อลูกคู่นี้จะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว ก่อนนี้ "ทักษิณ" ริ "ยิ่งลักษณ์" ยำ
นี่แหละตัวอันตราย
การเมืองปีงูเล็กจะลอกคราบ เริ่มต้นใหม่ ไฉไล กว่าเดิม หรือจะดุเดือดเลือดพล่าน ไล่กะซวก เลือดสาดกันไปข้าง
แก้รัฐธรรมนูญแกงส้ม
ก็เผื่อไว้... อาจจะมีการลักไก่ ลัดขั้นตอนแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
เบื้องหลังผู้ลี้ภัย
เริ่มต้นปีก็ประกาศกันคึกคักแล้วครับ ทั้งฝั่งตรวจสอบ "ทักษิณ" ยัน "ผู้ลี้ภัย" สำหรับ "ทักษิณ" ปีนี้น่าจะโดนหลายดอกตั้งแต่ต้นปี