พอตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนสำหรับไตรมาสที่ 2 ออกมาที่ 0.4% ก็มีคนที่ตั้งคำถามว่า
เราควรจะกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนแค่ไหน?
ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งบอกว่าจีนยังแข็งแกร่ง และมีภูมิคุ้มกันตั้งรับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของโลกได้ จึงไม่น่าห่วงนัก
สหรัฐฯ กับยุโรปต่างหากที่จะเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ, ดอกเบี้ยพุ่งและค่าพลังงานที่รุนแรง
แต่ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มนี้เชื่อว่าจีนยังแข็งแกร่งกว่าตะวันตกมากนัก
สำหรับคนไทย ถ้าจีนยังยืนได้อย่างสง่างามขณะที่ตะวันตกเข้าสู่ภาวะตกต่ำ เราก็คงจะยังพอประคองตัวเองไปได้ เพราะเราส่งออกไปจีนไม่น้อย และความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างจีนกับอาเซียนก็น่าจะช่วยคุ้มกันเราได้...อย่างน้อยก็ส่วนหนึ่ง
แต่ข่าวเรื่องการประท้วงของผู้ซื้อบ้านในหลายๆ เมืองที่ประเทศจีนในช่วงหลังนี้ทำให้เกิดคำถามต่อ “ฟองสบู่” ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ขึ้นอีกทันที
ข่าวบอกว่าบรรดาผู้ซื้อบ้านที่โกรธแค้นและสิ้นหวังในหลายสิบเมืองของจีนออกมาประท้วง ไม่ยอมจ่ายค่าจำนองบ้านในโครงการที่ยังไม่เสร็จ
นี่ว่าตามรายงานของสื่อของรัฐและนักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารระหว่างประเทศเลยทีเดียว ไม่ใช่ข่าวลือในโซเชียลมีเดียเท่านั้น
กติกาของจีนนั้น บริษัทอสังหาริมทรัพย์ได้รับอนุญาตให้ขายบ้านก่อนที่จะสร้างเสร็จ
และลูกค้าต้องเริ่มชำระเงินผ่อนส่งทันทีก่อนที่จะเข้าครอบครองทรัพย์สินใหม่
เงินก้อนแรกนี่แหละกลายเป็นกองทุนที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์เหล่านี้เอาไปสร้างบ้านให้เสร็จ
จะได้ไม่ต้องกู้เงินจากธนาคารทั้งก้อนใหญ่
แต่ข่าวการประท้วงของผู้คนในเมืองจีนถึงขั้นคว่ำบาตรการชำระเงินเกิดขึ้นเพราะจำนวนโครงการที่ขายบ้านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่การก่อสร้างเริ่มล่าช้าหรือหยุดชะงัก
เหตุหนึ่งเพราะวิกฤตทางการเงินที่มีตัวอย่างโทนโท่จากกรณีของบริษัทพัฒนายักษ์ใหญ่อย่าง Evergrande ที่ผิดนัดชำระหนี้ในปีที่แล้ว
ต่อมาก็มีบริษัทอื่นๆ อีกหลายแห่งที่ขอเข้าโครงการปรับโครงสร้างหนี้ของตนเอง เพราะความผิดพลาดในการบริหารและจัดการ ก็เกิดเรื่องอย่างนี้ ราคาบ้านในตลาดก็เริ่มดิ่งลง
ทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ คนที่ติดอยู่กับบ้านที่ซื้อก่อนหน้านี้ก็มองเห็นสินทรัพย์ของตัวเองหดหายไปต่อหน้าต่อตา
หลายคนถามว่าแล้วฉันจะผ่อนส่งต่อไปทำไมในเมื่อมูลค่าของบ้านหลังนี้มันลดลงไปเรื่อยๆ อย่างนี้
นำไปสู่ความหวาดวิตกว่า ถ้าคนซื้อบ้านต่างประท้วงด้วยการไม่ส่งเงินงวดต่อๆ ไปก็อาจทำให้บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหาอยู่แล้วต้องเข้าสู่ภาวะการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นอีก
และผลที่ตามมาก็คือ ธนาคารที่ปล่อยเงินกู้ให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เองก็จะเดือดร้อน ปัญหา NPL ก็จะหนักขึ้นทันที
การขายบ้านล่วงหน้าแบบนี้เป็นวิธีที่พบได้บ่อยที่สุดในจีน ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงสูงเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ให้กู้รายใหญ่อย่างน้อย 7 ราย รวมถึง Industrial and Commercial Bank of China (IDCBF), China Construction Bank (CICHF) และ Agricultural Bank of China (ACGBF) ออกมาปลอบใจสังคมว่าความเสี่ยงนั้นสามารถจัดการได้ และกำลังติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิด
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทางการจีนกำลังเจรจากับธนาคารเป็นกรณีฉุกเฉินเพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลาย
ตามรายงานของสื่อของรัฐและข้อมูลที่รวบรวมโดยบริษัทวิจัยในเซี่ยงไฮ้ China Real Estate Information Corporation (CRIC) ผู้ซื้อใน 18 จังหวัด และ 47 เมืองหยุดชำระเงินตั้งแต่สิ้นเดือนมิถุนายนแล้ว
Tianmu News ซึ่งเป็นสื่อดิจิทัลของรัฐแจ้งว่าผู้ซื้อบ้านที่ยังไม่เสร็จ 100 โครงการขึ้นไปได้ร่วมกันประกาศว่าพวกเขาจะหยุดจ่ายสินเชื่อจำนอง
โครงการบ้านเหล่านี้มีกระจัดกระจายไปทั่วภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออกของจีน
รายงานของสื่อฉบับหนึ่งระบุว่า ผู้ซื้อบ้าน 46,000 ราย มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการเพียง 14 โครงการเท่านั้น
และจำนวนยังคงเพิ่มขึ้นตลอดเวลา
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่านักพัฒนาโครงการส่งมอบบ้านเพียง 60% ที่พวกเขาขายล่วงหน้าระหว่างปี 2556 ถึง 2563
ในขณะที่สินเชื่อจำนองคงค้างของจีนเพิ่มขึ้น 26.3 ล้านล้านหยวน (140 ล้านล้านบาท) ในช่วงเวลาเดียวกัน
ทำให้ต้องมีการประเมินความเสี่ยงของเศรษฐกิจจีนอย่างจริงจังเพื่อช่วยกันบริหารความเสี่ยงจากนี้ไป
ตัวเลขเศรษฐกิจจีนล่าสุดที่ออกมาล่าสุดทำให้เราต้องมองให้ลึกลงไปอีก
บางคนบอกว่ามันคือสัญญาณเตือนภัย
นักวิเคราะห์จับตาตัวเลขล่าสุดจากเมืองจีนไตรมาสที่ 2 ขยายตัวได้แค่ +0.4% เทียบกับปีก่อนหน้า
หรือเท่ากับติดลบ -2.6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
เป็นอัตราการขยายตัวที่ต่ำสุดของจีนในช่วงที่ผ่านมาหากไม่นับช่วงโควิดที่รัฐบาลสี จิ้นผิง ยืนยันจะเดินนโยบาย Zero Covid อย่างไม่ลดละ
ที่ทำให้เราต้องเกาะติดตัวเลขเศรษฐกิจของจีนอย่างละเอียดก็เพราะมันมีผลต่อระบบเศรษฐกิจโลกด้วย
ก็เพราะจีนเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลกไปแล้ว
ย้อนกลับไปวิกฤตระดับโลกก่อนหน้านี้ จีนเกือบจะไม่ถูกกระทบอะไรมากมาย
เป็นที่อิจฉาหรือชื่นชมของใครต่อใครมาตลอด
ถ้าจำได้ช่วงต้มยำกุ้ง เศรษฐกิจจีนยังขยายตัวได้ 6.7%
แม้ช่วงตะวันตกถูกกระแทกด้วยวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ หรือ Subprime Crisis จีนก็เฉย เพราะยังขยายตัวได้ 6.4%
แม้ช่วงโควิดระบาดใหม่ๆ จีนก็สร้างความทึ่งด้วยการรายงานการขยายตัวเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
เหมือนอยู่คนละโลกกับคนอื่นๆ
แต่พอตัวเลขไตรมาส 2 ออกมา จีนขยายตัวได้เพียง 0.4%
ก็ต้องถือว่าเป็นการปลุกให้ชาวโลกหันมาให้ความสนใจ
แน่นอนว่าเหตุผลส่วนหนึ่งคือการล็อกดาวน์เมืองใหญ่ๆ หลายเมืองเพื่อสกัดโควิด
แต่หากมองลึกลงไปก็จะเจอปัจจัยอื่นๆ ที่น่ากังวลเช่นกัน
ที่ผ่านมาจีนมีอัตราขยายตัวเศรษฐกิจอยู่ในช่วง 6-8% ระหว่าง 2012-2018
ก่อนหน้านั้นยิ่งน่ากลัว เพราะจีนมีจีดีพีโต 10-15% ระหว่างปี 2003-2007
อีกด้านหนึ่งคือปัญหาด้านสังคม เพราะเด็กที่จบมหาวิทยาลัยใหม่มีอัตราตกงาน 20% ซึ่งไม่ใช่เรื่องธรรมดา
ขณะเดียวกันธนาคารในเมืองเล็กหลายแห่งก็เกิดล้ม เพราะปัญหาปล่อยกู้ให้โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ตกอยู่ในสภาพฟองสบู่
ที่เคยหวังว่าจีนจะเป็นตัวช่วยในช่วงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ช่วงลำบากในปีหน้าก็เกิดขึ้นได้ยาก
เตรียมตัวเตรียมใจและเตรียมแผนสำรองเอาไว้ครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ