ใบเสร็จซักฟอก

"ประเสริฐ" บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทราบถึงการทุจริตที่เกิดขึ้นในคลังสินค้าเป็นอย่างดี และมีความสูญเสียกว่า ๒ พ้นล้านบาท แต่กลับเพิกเฉยไม่ดำเนินการ  ปัจจุบันยังไม่สามารถติดตามเงินที่สูญหายไปได้ รู้ดีว่าเกี่ยวข้องกับ จุรินทร์ แต่เกรงใจไม่ปลดออก เพราะหากปลดแล้วตำแหน่งนายกฯ ของตนอาจจะไม่มั่นคง

คุ้นๆ มั้ยครับ!

เป็นข้อหาเดียวกันกับที่ฝ่ายค้าน คือพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายไม่ไว้วางใจ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

และสุดท้าย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก ๕ ปี

ในฐานะที่ "ยิ่งลักษณ์" เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗ และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มาตรา ๑๒๓/๑

เจ้าตัวเผ่นไปต่างประเทศ!

ฉะนั้น หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ฝ่ายค้านน่าจะยื่นหลักฐานไปยัง ป.ป.ช. เพื่อให้ชี้มูล และส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาต่อไป

หวังจะให้ "พล.อ.ประยุทธ์" ถูกลงโทษติดคุกเหมือน  "ยิ่งลักษณ์"

หากเทียบบัญญัติไตรยางศ์ ก็เป็นไปได้ว่า "พล.อ.ประยุทธ์" มีสิทธิ์ติดคุก

แต่ในมุมกฎหมาย และข้อเท็จจริง อาจไม่เป็นอย่างที่ฝ่ายค้านคิด

ต้องไปดูคำพิพากษาครับว่า ทำไม "ยิ่งลักษณ์" ถึงติดคุก

"...จำเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาลและประธาน กขช. ซึ่งมีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการควบคุมตรวจสอบกำกับดูแลการปฏิบัติตามนโยบาย วางมาตรการโครงการที่อนุมัติไปแล้ว ทั้งมีอำนาจสั่งการข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ในการกำกับดูแล การระงับยับยั้ง หรือแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการทุจริตในขั้นตอนการระบายข้าว แต่จำเลยกลับมีพฤติการณ์ในการละเว้นหน้าที่ตามกฎหมาย ส่อแสดงเจตนาออกโดยแจ้งชัดอันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ นายบุญทรง (เตริยาภิรมย์)  กับพวกแสวงผลประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าว โดยการแอบอ้างนำบริษัท GSSG และ บริษัท Hainan grain  เข้ามาทำสัญญาซื้อข้าวในราคาต่ำกว่าท้องตลาดตามประกาศของกรมการค้าภายใน แล้วมีการหาประโยชน์ที่ทับซ้อนโดยทุจริตได้ข้าวส่วนต่างจากราคาข้าวตามสัญญาซื้อขาย ๔ ฉบับ อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย..."

คดีจำนำข้าว "ยิ่งลักษณ์" ต้องรับผิดชอบโดยตรงเพราะเป็นประธาน คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ  (กขช.) นั่นเอง

แต่การทุจริตถุงมือยาง อยู่ในความรับผิดชอบขององค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เข้าไปรับผิดชอบโดยตรง

ฉะนั้นคงยากหน่อยหากจะลากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ติดคุกเหมือน "ยิ่งลักษณ์"

แต่ในแง่ความรับผิดชอบทางการเมือง หากการทุจริตถุงมือยางเป็นเรื่องจริง ศาลลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐ และรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ

ความรับผิดชอบมีหลายระดับ ตั้งแต่ปรับ ครม. ยันลาออก ยุบสภา

มาดูกันครับว่าใบเสร็จที่ว่าคืออะไร

สำนักข่าวอิศรารายงานไว้ตามนี้ครับ

...ข้อมูลเส้นทางการเงินจำนวน ๑,๘๐๐ ล้านบาท ของ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง นำมาเปิดเผยต่อสาธารณะครั้งนี้

แบ่งออกเป็น ๓ ส่วนหลัก คือ

๑.การโอนเงินไปมาระหว่างนายธณรัสย์ และบัญชีอื่นๆ อีกสามบัญชี โดยบัญชีที่หนึ่งถอนเป็นเงินสดมูลค่ากว่า ๕๖.๓๓ ล้านบาท โดยถอนจากธนาคารหลายแห่ง  ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ ๕ แห่ง ธนาคารกสิกรหนึ่งแห่ง  ทั้งหมดอยู่ใน จ.นครปฐม

การถอนเงินจำนวนมากจากธนาคารนั้น ธนาคารจะไม่มีการสำรองเงินเอาไว้เป็นจำนวนมาก แต่ว่าการถอนเงินครั้งนี้เหมือนมีการเอาเงินมาคอยไว้เลย เรื่องนี้จึงควรมีการสอบสวนด้วย และต้องดูด้วยว่าธนาคารได้แจ้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) หรือไม่

๒.การโอนเงินเข้าไปยังนิติบุคคลจำนวน ๘ แห่ง คิดเป็นเงินมูลค่ารวมกว่า ๙๖๗.๑๗ ล้านบาท อาทิ บริษัท บ.ตั้งอยู่ ณ ย่านบางนา ซึ่งบริษัทนี้มีวัตถุประสงค์ด้านผลิตเครื่องกำเนิดไอน้ำ คิดเป็นมูลค่า ๕๘.๐๗ ล้านบาท, บริษัท  จ. ซึ่งตั้งอยู่ ณ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มูลค่า ๒๗๓.๔๖ ล้านบาท โดยบริษัทนี้มีวัตถุประสงค์ในการค้ำประกันหนี้สิน แต่บริษัทนี้มีทุนจดทะเบียนแค่ห้าล้านบาท , บริษัท ว.ป.  ณ ย่านบางเขน มูลค่า ๑๖.๔๔ ล้านบาท ซึ่งสภาพบริษัทยังเป็นอาคารพาณิชย์และยังค้างภาษีกับกรมสรรพากร,  บริษัท ว. ซึ่งอยู่ ณ จ.ภูเก็ต ซึ่งบริษัทนี้ยังได้รับการฟื้นฟูกิจการแต่ก็ได้รับโอนเงินไปกว่า ๙๗.๓๖ ล้านบาท

น่าสนใจคือ บริษัท RN ของประเทศเกาหลีใต้ ก็ได้รับการโอนเงินด้วย จำนวน ๓๐๑.๐๑ ล้านบาท

นี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นรักษาการตามกฎหมายฟอกเงิน และนายจุรินทร์จะต้องสั่งการโดยเร็วเพื่อติดตามเส้นทางการเงิน ๓๐๐ กว่าล้านบาทนี้ว่าไปกระเป๋าใคร เพราะอาจกลับมายังกระทรวงแถวสนามบินน้ำก็เป็นได้

๓.มีการโอนเงินไปยังบุคคลจำนวนสิบรายที่อยู่ทั้งใน  จ.กรุงเทพมหานคร จ.ปทุมธานี จ.ระยอง จ.นครนายก และ  จ.นครปฐม จำนวนกว่า ๑๕๑ ล้านบาท ซึ่งบุคคลที่รับโอนเงินดังกล่าวไม่อยู่ในสถานะที่จะรับโอนเงินได้

แต่คำถามที่น่าสนใจมากกว่านั้น คือ นายประเสริฐ หาหลักฐานเส้นทางการเงินส่วนนี้มาได้อย่างไร?

สำนักข่าวอิศรา ได้รับคำยืนยันจากคนใกล้ชิดนายประเสริฐว่า หลักฐานเส้นทางการเงินในคดีถุงมือยางเหล่านี้ นายประเสริฐได้รับมาในระหว่างการต่อสู้คดีฟ้องร้องหมิ่นประมาท กับนายสุชาติ เตชจักรเสมา อดีตประธานองค์การคลังสินค้า ซึ่งปัจจุบันคดียังไม่ยุติ

"คุณประเสริฐ ต่อสู้คดีนี้มาเป็นระยะเวลาปีกว่าแล้ว  ซึ่งในระหว่างการต่อสู้คดีก็ได้มีการขออำนาจศาลในการเรียกข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ มาใช้ประกอบ จึงทำให้ได้ข้อมูลสำคัญเหล่านี้มา ดังนั้น ข้อมูลชุดนี้จึงมีน้ำหนักและเชื่อถือได้"

คนใกล้ชิดนายประเสริฐยังระบุด้วยว่า สำหรับข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับเส้นทางการเงินจำนวน ๙๖๗.๑๗ ล้านบาท ที่ถูกโอนต่อไปยังบริษัทเอกชนจำนวน ๘ ราย ที่อยู่ในมือของนายประเสริฐนั้น ผ่านการตรวจสอบมาหมดแล้ว ยังเหลือแค่ข้อมูลในส่วนของบริษัท RN ของประเทศเกาหลีใต้ ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม

ขณะที่นายประเสริฐ ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศราว่า ข้อมูลเส้นทางการเงินในคดีถุงมือยางเหล่านี้ ได้รับมาจากการขอใช้อำนาจศาลฯ เรียกดูข้อมูลเอกสารหลักฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระหว่างการฟ้องร้องคดีกับ นายสุชาติ เตชจักรเสมา อดีตประธานองค์การคลังสินค้า จริง....

ครับ...ที่ยังขาดอยู่คือจุดเชื่อมโยงระหว่าง "จุรินทร์"  กับเส้นทางเงิน ที่ "ประเสริฐ" บอกว่าเป็นการฟอกเงิน

กรณีจีทูจีข้าวเก๊ที่ "บุญทรง เตริยาภิรมย์" ติดคุก  เพราะกระบวนการเจรจาและทําสัญญา กระทําไปโดยเร่งรีบ ปิดบังอําพราง ไม่โปร่งใส และมีการวางแผนไว้ล่วงหน้าเป็นพิรุธ

"บุญทรง" เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตโดยตรง

เบื้องต้นคดีถุงมือยางมีการทุจริตเกิดขึ้นจริง "จุรินทร์"  มีส่วนโกงหรือไม่

พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะรักษาการตามกฎหมายฟอกเงิน มีส่วนต้องรับผิดชอบโดยตรงหรือไม่

ไม่น่าจะจบที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ต้องไปพิสูจน์ใน ป.ป.ช.

และจบที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง.