หลอกด่าวันแรก

ดุเดือดพอสังเขบ

ไม่ใช่เนื้อหา แต่เป็นวาทะ

ฟังอภิปรายไม่ไว้วางใจวันแรก เปิดหัวมายังออกแนวตั้งกระทู้ถาม มากกว่าซักฟอกรัฐบาล เพราะประเด็นที่ออกจากปาก "ชลน่าน ศรีแก้ว" เหมือนหลอกด่าฟรีมากกว่าตรวจสอบการทำงาน

คงต้องแยกให้ออกระหว่าง "บริหารงานผิดพลาด" กับ "บริหารไม่เหมือนกัน" ว่าเป็นคนละเรื่องกัน แต่ ผู้นำฝ่ายค้านเอามาปนให้เป็นเรื่องเดียวกัน

"ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลเราจะทำได้ดีกว่ารัฐบาลนี้เพราะนายกฯไม่มีภาวะผู้นำ" นี่คือถ้อยความโดยรวมที่ "ชลน่าน" พูดในสภาฯ

ที่ "ชลน่าน"ยกตัวอย่างมา ก็น่าสนใจ คือการแก้ปัญหาโดวิด-๑๙ 

"ชลน่าน" ตำนิว่าการล็อกดาวน์ สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาล ถ้าเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะทำได้ดีกว่า

หากย้อนกลับไปช่วงการระบาดของโควิด-๑๙ ใหม่ๆ พรรคฝ่ายค้านทั้งเพื่อไทยและก้าวไกลคัดค้านการล็อกดาวน์ การใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินอย่างหนัก 

โจมตีว่ามีจุดประสงค์เพื่อสะกัดการชุมนุมของประชาชน การเคลื่อนไหวของฝ่ายค้าน มากกว่าป้องกันการระบาดของโควิด-๑๙

สรุปง่ายๆคือรัฐบาลประยุทธ์บริหารไม่เหมือนเพื่อไทย

หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะไม่มีการล็อกดาวน์  ไม่มีการเคอร์ฟิว ไม่ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ก็คิดกันเอาเองครับว่า หากประเทศไทยมีการระบาดของไวรัสโควิด-๑๙ ตรงกัยช่วงที่รัฐบาลเพื่อไทย ก้าวไกล บริหารประเทศจะเกิดอะไรขึ้น

ประชาชนจะตายไปเท่าไหร่

ขณะที่ทั้งโลกใช้มาตรการใกล้เคียงกันหมด

อเมริกาก็ใช้มาตรการไม่ต่างจากไทย แต่จนถึงวันนี้ ตายไปแล้วกว่า ๑ ล้านคน

คนไทยตายไป ๓ หมื่น แน่นอนครับไม่น้อย แต่หากปล่อยไม่ล็อกดาวน์ ไม่เคอร์ฟิว ไม่ควบคุมการเคลื่อนย้ายของประชาชน จะตายกันมากกว่านี้อีกหลายเท่าตัว

ฉะนั้นนี่ไม่ใช่การบริหารงานที่ผิดพลาด แค่ทำไม่เหมือนฝ่ายค้าน แต่กลับนำมาเป็นประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจ

พิจารณาลึกลงไปในคำอภิปรายของ "ชลน่าน"  บรรดากองเชียร์น่าจะถูกใจ เพราะเข้าข่ายพูดเอามัน มากกว่าจะเป็นการตรวจสอบด้วยข้อมูล

เช่นการใช้คำว่า "รัฐบาล ๖๐๘" 

"ชลน่าน" เป็นหมอ ย่อมรู้ดีว่า ๖๐๘ คือประชาชนกลุ่มเปราะบาง มีทั้งผู้ป่วย คนชราอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัวในกลุ่ม ๗ โรคประจำตัว ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง

โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และบวก ๑ คือกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากกลุ่มนี้เป็นผู้ที่มีอาการรุนแรงของโรคมากหากติดเชื้อโควิด-๑๙

แต่ "ชลน่าน" เอา ๖๐๘ มาเหน็บแนมรัฐบาลว่าเป็นพวก ๖๐๘

นี่แหละครับคนที่มีสมองไว้คั่นหู

ไม่รู้จักกาลเทศะ

ครับ...การเปิดหัวของ "ชลน่าน" พูดถึงความบกพร่อง ๖ ด้านของ พล.อ.ประยุทธ์

๑.บกพร่องด้านความเป็นผู้นำ เป็นผู้นำไร้ความสามารถ ลวงโลก บุคลิกภาพมีปัญหาทั้งกับตัวเอง ครอบครัว และประชาชน

๒.เศรษฐกิจพังพินาศ ล้มเหลว จนทั้งแผ่นดิน ทุกข์ เครียดทั้งแผ่นดิน ของแพง หนี้สินท่วมหัว นำมาซึ่งความสิ้นหวังของประชาชน รัฐบาลชุดนี้ คือรัฐบาล ๖๐๘ ไร้ความรู้ไร้ความสามารถ ทนต่อการเปลี่ยนแปลงไม่ได้

๓.สังคมพินาศพังทลาย สร้างความแตกแยก แบ่งฝักฝ่าย ยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง

๔.ความพินาศด้านสาธารณสุข ล้มเหลวแก้วิกฤติโควิด-๑๙ สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจ     ๕.ความพินาศด้านการเมือง ระบบรัฐสภาถูกทำลายย่อยยับ เป็นระบบที่สถาปนา สภากล้วยขึ้นมา

๖.คอร์รัปชั่นจนประเทศพังพินาศ เป็นยุคทุจริตเฟื่องฟู ติดอันดับความโปร่งใสประเทศตกต่ำสุดรอบ ๑๐ปีครั้งนี้จะมีปาฏิหาริย์ ใครบางคนโดนสอย นั่งร้านจะถูกสอย แม้จะไม่ถูกสอย การเปิดโปงทุจริตคอรัปชั่น แม้ไม่ตายในสภา ใส่รถฉุกเฉินยังรักษาชีวิตได้ แต่ตายในสนามเลือกตั้งแน่นอน

จับใจความเป็นสาระสำคัญก็ตามนี้ครับ

แต่หากได้ยินแต่เสียไม่รู้ใครพูด อาจสร้างความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลระบอบทักษิณเอาได้ง่ายๆ

เพราะล้วนเป็นเรื่องราวที่เคยเกิดในอดีตแทบทั้งสิ้น

ยกเว้นกรณี โควิด-๑๙

ที่ติดคุกหรือหนีกันไปก็เพราะคอร์รัปชั่นทั้งนั้น

เมื่อพูดเรื่องรัฐบาลคอร์รัปชั่นมันเลี่ยงไม่ได้ต้องวนอยู่แบบนี้

ไม่มีรัฐบาลไหนปลอดคอร์รัปชั่น รัฐบาลประยุทธ์เองก็มี

แต่ฝ่ายค้านต้องแสดงฝีมือในการตรวจสอบ

การหาหลักฐาน นำใบเสร็จมาแสดงในสภาฯถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่ฝ่ายค้านซึ่งกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ต้องทำให้ได้

 ในอดีตมีการทำให้เห็นมาแล้ว รัฐมนตรีติดคุก นายกฯหนี

หากฝ่ายค้านเอาแต่ใช้โวหาร  ก็ไม่ต่างอะไรกับการหลอกด่า ตีหัวเข้าบ้าน แล้วใช้ข้อมูลเท็จไปวัดกันในการเลือกตั้ง สร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนเป็นลูกโซ่ไม่รู้จบ

เพราะความกลวงในการอภิปรายของ "ชลน่าน" จึงเป็นการง่ายที่จะตอบโต้กลับ

ประโยคเดียวของ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถไขข้อข้องใจจากคำอภิปรายของ "ชลน่าน" ที่นานกว่าชั่วโมงได้ทั้งหมด

"...นายกฯไม่ใช่คนที่รู้ทุกเรื่อง ไม่ได้เก่งทุกเรื่อง ไม่ได้ฉลาดที่สุด เหมือนบางคนที่ท่านบอกว่าฉลาดที่สุดตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

ประเด็นที่ท่านกล่าวถึงวิสัยทัศน์และการเป็นผู้นำรัฐบาล ผู้นำประเทศ ที่บอกผมไม่ได้รับเกียรติในเวทีต่างประเทศ ผมคิดว่าไม่ได้ด่อยค่าไปกว่านายกฯท่านอื่นๆหรืออดีตนายกฯบางท่านที่ไปมา..."

เป็นเรื่องเชิงประจักษ์ครับว่า "ยิ่งลัษณ์-ทักษิณ" ๒ อดีตนายกรัฐมนตรีของระบอบทักษิณ หนีไปต่างประเทศเพราะถูกศาลพิพากษาให้จำคุกคดีคอร์รัปชั่น

พรรคเพื่อไทยเองไม่อาจปฏิเสธความจริงนี้ได้  และครั้งหนึ่งพรรคเพื่อไทยคือกลุ่มนักการเมืองที่ร่วมโหวตไว้วางใจนายกฯที่ศาลพิพากษาจำคุกเพราะโกง

ครับ...วันแรกก็มีข่าวอัปมงคล

พรรคการเมืองบางพรรค นักการเมืองบางคน ต่อรองกับบรรดารัฐมนตรีที่มีรายชื่อถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ๕-๖ คน ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงมีคะแนนเสียงหมิ่นเหม่ต่อการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ขอเรียกรับผลประโยชน์หัวละ ๑-๒ ล้านบาท

แลกกับเสียงโหวตในการยกมืออภิปรายไว้วางใจให้

ตามข่าวบอกว่ามีรัฐมนตรีบางส่วนยอมจ่ายเงินให้ไปแล้ว

แต่มีรัฐมนตรีบางส่วนไม่ให้ เนื่องจากมั่นใจว่าไม่ได้กระทำความผิด และมั่นใจจะได้รับคะแนนเสียงไว้วางจากส.ส.เพียงพอ

ถ้าเป็นจริง นี่คือความอัปยศทั้งคนให้และคนรับ

คือการคอร์รัปชั่นที่ต้องถอนรากถอนโคนให้ได้

แต่..ก็ไม่ง่ายครับที่จะจับมือใครดมได้ เพราะเมื่อคนรับไม่พูด คนให้ไม่บอก ยากที่จะรู้ความจริงได้

และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันแรกของสภาฯไทย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เจอตอ ชั้น ๑๔

งวดเข้ามาทุกทีครับ... หากไม่มีอะไรผิดพลาด วันที่ ๑๕ มกราคมนี้ พยานหลักฐานกรณีนักโทษเทวาดาชั้น ๑๔ น่าจะอยู่ในมืออนุกรรมการสอบสวนชุดเฉพาะกิจแพทยสภา ชุดที่ คุณหมออมร ลีลารัศมี เป็นประธาน ครบถ้วนสมบูรณ์

'ทักษิณ' ตายเพราะปาก

แนวโน้มเริ่มมา... ปลาหมอกำลังจะตายเพราะปาก เรื่องที่ "ทักษิณ ชินวัตร" ไปปราศรัยใหญ่โต เวทีเลือกตั้งนายก อบจ.หลายจังหวัด ทำท่าจะเป็นเรื่องแล้วครับ

พ่อลูกพาลงเหว

มันชักจะยังไง.... พ่อลูกคู่นี้จะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว ก่อนนี้ "ทักษิณ" ริ "ยิ่งลักษณ์" ยำ

นี่แหละตัวอันตราย

การเมืองปีงูเล็กจะลอกคราบ เริ่มต้นใหม่ ไฉไล กว่าเดิม หรือจะดุเดือดเลือดพล่าน ไล่กะซวก เลือดสาดกันไปข้าง

เบื้องหลังผู้ลี้ภัย

เริ่มต้นปีก็ประกาศกันคึกคักแล้วครับ ทั้งฝั่งตรวจสอบ "ทักษิณ" ยัน "ผู้ลี้ภัย" สำหรับ "ทักษิณ" ปีนี้น่าจะโดนหลายดอกตั้งแต่ต้นปี