การเมืองตามฤดู

มาตามฤดูกาล

รอบวงชีวิตของนักการเมือง ก็เหมือนฝนตก ฟ้าร้อง พายุพัดนั่นแหละครับ

ยิ่งเข้าใกล้ฤดูกาลซักฟอกรัฐบาลเท่าไหร่ การเมืองกเฬวรากโผล่มาให้เห็นเป็นระยะ ไม่ต่างแร้งวัดสระเกศฯ เปรตวัดสุทัศน์

ไม่เฉพาะครั้งนี้ครับ แทบทุกครั้งที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มักจะเกิดปรากฏการณ์ ยื่นเงื่อนไขต่อรอง โดยเฉพาะช่วงที่ทำท่าว่ารัฐบาลจะไปไม่รอด เพราะเสียงสนับสนุนกำลังมีปัญหา

ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่ไปสร้างปัญหาเพิ่มให้เสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอนลงไปอีก รอไม่ช้าไม่นานเดี๋ยวมีคนเรียกคุย

ถ้าคุยกันรู้เรื่องก็จบ

หากคุยแล้วไม่จบก็เป็นปัญหา

รัฐบาลพังเอาได้!

อย่างที่บอกการเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร

แต่สิ่งที่อยู่ชั่วฟ้าดินสลายคือ ผลประโยชน์ร่วมกันก็คุยกันได้

หากวันใดไร้ประโยชน์ มิตรก็กลายเป็นศัตรูในพริบตา

วันก่อน "สุทิน คลังแสง" บอกว่า

"...ปรากฏการณ์พรรคเศรษฐกิจไทยที่ถอนตัวเช่นนี้ หลายพรรคคงพิจารณว่าจะเดินตามแนวทางนี้ด้วยหรือไม่ใน ๒ ปัจจัย

คือทุกคนรู้ถึงผลการเลือกตั้งหลายครั้งที่ผ่านมาถึงการปฏิเสธรัฐบาลมีมากขึ้นเรื่อยๆ ใครยังอยู่ต่อก็จะโดนร้องยี้ไปด้วย ตามสำนวนไทยที่บอกว่า ทองคำถ้าอยู่ใกล้ตะกั่วก็จะหมอง..."

ช่างเปรียบได้เห็นภาพชัดเจนจริงๆ

ชัดในสันดานครับ!

ย้อนกลับไปการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๖๓ ฝ่ายค้านนำโดยพรรคเพื่อไทย โฟกัสไปที่ "ธรรมนัส พรหมเผ่า" เป็นพิเศษ

ก็แน่นอนครับ ไม่ใช่การอภิปรายเพราะการทำหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บกพร่อง

แต่เป็นกรณีเคยต้องคำพิพากษาศาลออสเตรเลียให้จำคุก คดียาเสพติด

ในวันนั้น "ธรรมนัส" ได้รับคะแนนไว้วางใจน้อยที่สุดในบรรดารัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย

และพบเห็นได้ไม่บ่อยนักที่รัฐมนตรีจะโหวตไว้วางใจตัวเอง

มาวันนี้ "ธรรมนัส" จากคุกออสเตรเลีย กลายเป็น "ทองคำ"

จริงครับ "ธรรมนัส" มีมูลค่ามหาศาลสำหรับพรรคเพื่อไทย

เป็นยิ่งกว่าทองคำเสียอีก หากสามารถล้มรัฐบาลได้

สถานการณ์ทางการเมืองในช่วงอาทิตย์ สองอาทิตย์นี้ ๑๘ เสียงของพรรคเศรษฐกิจไทย จะเป็นดุจเพชรเม็ดงาม ที่พรรคฝ่ายค้านอยากได้ไปเชยชม

พรรคที่เคยโจมตี "ธรรมนัส" เรื่องยาเสพติด คุกออสเตรเลีย กำลังยืมจมูก "ธรรมนัส" หายใจ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ

นี่คือหน้าฉากที่แท้จริงของการเมืองไทย

การซักฟอกรัฐบาลบางครั้งบางคราวเป็นเพียงลิเกการเมืองตบตาประชาชน ฝ่ายค้านมิได้มีจุดประสงค์ในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างแท้จริง

แต่ใช้เป็นเครื่องมือไต่ไปสู่การชิงอำนาจทางการเมืองเท่านั้น

เราจึงมักมองไม่เห็นอุมการณ์ทางการเมือง

สิ่งที่ปรากฏต่อสายตาประชาชนคือ ผลประโยชน์เสียมากกว่า

หรือไม่ก็...ไม่มีอุดมการณ์ตั้งแต่แรกแล้ว

ครับ...ถึงคิวพรรคเล็กพรรคน้อย ส.ส.ปัดเศษ ออกมาแสดงอิทธิฤทธิ์

ร่ำๆ จะถอนตัวจากรัฐบาลตามพรรคธรรมนัส

จริงหรือหลอก หยอกหรือเปล่า?

พวกพรรคเล็กหลากหลายดีครับ

เช่น "พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค" ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทรักธรรม บอกว่า

"...ในวันที่ ๑๘ กรกฎาคมนี้ ธรรมนัส พรหมเผ่า  นัดหารือกับกลุ่ม ๑๖ เรื่องหลักๆ ที่จะคุยกันคือ แนวทางการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า และอาจมีการพูดถึงแนวทางการทำงานของพรรคเล็กจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลหรือไม่

ขณะนี้ยังสรุปไม่ได้พรรคเล็กจะถอนตัวหรือไม่ แต่แนวโน้มคงไม่ถอนตัว เพราะการถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลต้องมีเหตุผล ไม่ใช่จู่ๆ ก็ถอนตัวออกมา กลุ่ม ๑๖ คงต้องหารือกันอย่างรอบคอบในเรื่องนี้..."

"...การโหวตซักฟอกครั้งนี้มีบริบทแตกต่างจากการอภิปรายในทุกรอบ แต่ดูแล้วตัว พล.อ.ประยุทธ์ ไม่น่าจะมีปัญหา คงมีเสียงอภิปรายไว้วางใจครบ แต่รัฐมนตรีคนอื่นๆ ไม่รับประกัน..."

แล้วจะพูดทำไม

เหมือนจะถอน แต่ไม่ถอน

เอาให้แน่!

ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล รู้ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลกันดีอยู่แล้วว่า ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร แต่การมาแสดงท่าทีแบบก่ำกึ่ง มันหนีไม่พ้นเรื่อง สร้างเงื่อนไขต่อรองอะไรบางอย่าง

พรรคเพื่อชาติไทย ดูจะหนักกว่า

"คฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล" ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติไทย ดีกรีเลขานุการ ส.ส.กลุ่ม ๑๖ บอกว่า

"...จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนของพรรค พบว่าประชาชนประสบปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องปากท้อง ค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ ต่างก็เดือดร้อนกันถ้วนหน้า ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ แก้ปัญหาไม่ผ่าน

ส.ส.กลุ่ม ๑๖ ได้ติดตามการทำงานอย่างใกล้ชิด ซึ่งปรึกษาหารือกันในระดับแกนนำ จึงมีมติว่านายกฯ แก้ปัญหาไม่ผ่าน จึงส่งผลไปถึงการอภิปรายของฝ่ายค้าน ซึ่ง ส.ส.กลุ่ม ๑๖ จะโหวตคว่ำนายกฯ เพราะทุกคนประชาชนเลือกเข้ามากับมือ เพื่อเป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชน

ในเมื่อประชาชนเดือดร้อนเรื่องปัญหาปากท้อง จึงต้องทำตามเสียงของประชาชน คือ โหวตคว่ำนายกฯ..."

สงสัยว่า "พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค" ไม่ใช่ระดับแกนนำส.ส.กลุ่ม ๑๖ ถึงไม่รู้เลยว่าพรรคพวกมีมติคว่ำนายกฯ แล้ว

นี่คือการเมืองที่ไร้การพัฒนาอย่างสิ้นเชิงครับ ตั้งแก๊งรวมก๊วนขึ้นเพื่อให้มีอำนาจต่อรองทางการเมือง สุดท้ายก็ยังไปคนละทิศคนละทางอยู่ดี

อ่านคำให้สัมภาษณ์ของ "คฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล" ต่อก็ยิ่งงง ตกลงมีความรู้เรื่องกระบวนการทางการเมืองแค่ไหน

"...การโหวตคว่ำนายกฯ และรัฐมนตรี ไม่ได้หมายความว่าลาออกจากการร่วมรัฐบาล ยังคงทำงานร่วมกับรัฐบาลเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าโหวตคว่ำนายกฯ เพราะแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ตามที่ประชาชนเดือดร้อน

หากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เสียงสนับสนุนนายกฯ แพ้ฝ่ายค้าน นายกฯ ต้องหลุดจากตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของสภาต้องสรรหานายกฯ รักษาการแทนจนกว่าจะมีการเลือกตั้งในปี ๒๕๖๖ ส่วนการยกมือสวนมติ รัฐมนตรี เพราะตอบคำถามฝ่ายค้านไม่ผ่าน ซึ่ง ส.ส.กลุ่ม ๑๖ ยึดผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก...”

กินยาผิดหรือเปล่า?

โหวตคว่ำนายกฯ รัฐบาลก็จบ จะไปทำงานร่วมกับรัฐบาลเหมือนเดิมได้ไง ต้องรอรัฐบาลถัดไปซิครับ

นายกฯ แพ้โหวต ต้องหานายกฯ ใหม่ทันทีครับ ต้องตั้งรัฐบาลกันใหม่หมด ไม่ใช่นายกฯ รักษาการไปถึงปี ๒๕๖๖       ก็ให้ชัดเจนไปเลยครับ เป็น ส.ส.พูดกันแล้วอย่ากลืนน้ำลายตัวเอง

ขณะนี้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลมี ๒๖๙ คน

ส.ส.ฝ่ายค้าน ๒๐๘

หาก ๑๘ เสียงพรรคเศรษฐกิจไทย กับ ๑๖ เสียงของกลุ่ม ๑๖ ย้ายขั้ว

รัฐบาลจะเหลือ ๒๓๕ เสียง

ฝ่ายค้านจะเพิ่มขึ้นมา ๒๔๒ เสียง

ล้มนายกฯ และรัฐมนตรีอีก ๑๐ คนได้สบายๆ ครับ

แล้วไปเลือกนายกฯ กันใหม่ แคนดิเดตนายกฯ เหลือใครบ้างไปดูให้ครบ

เพื่อไทยเหลือ "ชัยเกษม นิติสิริ" อยู่เดียว

คว่ำเลยครับ ถ้ารีบๆ หน่อยเดือนสิงหา.น่าจะได้รัฐบาลใหม่ พรรคเล็กพรรคน้อยย้ายข้างไปให้หมด         แต่ต้องแน่ใจว่าผ่านด่าน ๒๐๐ ส.ว.ไปได้

ตื้นเต้นดีครับ รัฐบาลชัยเกษม มีเสียงมากกว่าฝ่ายค้านแค่ ๗ เสียง กว่าสภาจะหมดวาระมีนาคมปีหน้า คงได้ลุ้นกันหลายรอบ

หรือถ้ากลุ่ม ๑๖ ไม่มีอะไรทำก็ควรอยู่เฉยๆ ให้การเมืองมันเดินไปตามวาระ อย่าทิ้งเปลือกกล้วยไว้กลางทาง มันก่ออุบัติเหตุขึ้นได้

เจี๊ยะ ป้าบ่อสื่อ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เจอตอ ชั้น ๑๔

งวดเข้ามาทุกทีครับ... หากไม่มีอะไรผิดพลาด วันที่ ๑๕ มกราคมนี้ พยานหลักฐานกรณีนักโทษเทวาดาชั้น ๑๔ น่าจะอยู่ในมืออนุกรรมการสอบสวนชุดเฉพาะกิจแพทยสภา ชุดที่ คุณหมออมร ลีลารัศมี เป็นประธาน ครบถ้วนสมบูรณ์

'ทักษิณ' ตายเพราะปาก

แนวโน้มเริ่มมา... ปลาหมอกำลังจะตายเพราะปาก เรื่องที่ "ทักษิณ ชินวัตร" ไปปราศรัยใหญ่โต เวทีเลือกตั้งนายก อบจ.หลายจังหวัด ทำท่าจะเป็นเรื่องแล้วครับ

พ่อลูกพาลงเหว

มันชักจะยังไง.... พ่อลูกคู่นี้จะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว ก่อนนี้ "ทักษิณ" ริ "ยิ่งลักษณ์" ยำ

นี่แหละตัวอันตราย

การเมืองปีงูเล็กจะลอกคราบ เริ่มต้นใหม่ ไฉไล กว่าเดิม หรือจะดุเดือดเลือดพล่าน ไล่กะซวก เลือดสาดกันไปข้าง

เบื้องหลังผู้ลี้ภัย

เริ่มต้นปีก็ประกาศกันคึกคักแล้วครับ ทั้งฝั่งตรวจสอบ "ทักษิณ" ยัน "ผู้ลี้ภัย" สำหรับ "ทักษิณ" ปีนี้น่าจะโดนหลายดอกตั้งแต่ต้นปี