ลุ้นอยู่ตั้งนาน...ชัดเจนเสียที
"ธรรมนัส พรหมเผ่า" หอบผ้าหอบผ่อนออกจากบ้าน "ลุงป้อม" แน่นอนแล้ว
จะไปเป็นฝ่ายค้าน
สมใจบรรดาแฟนคลับ "ลุงตู่" เพราะออกฤทธิ์ออกเดชกันมานาน ก็อนุโมทนาสาธุ จุดประทัดตามไล่หลังกันไป
ครับ...งานเลี้ยงเลิกราไปเรียบร้อย
ทั้ง "ธรรมนัส" และแกนนำพรรคเศรษฐกิจไทย พูดไปในทิศทางเดียวกัน
ขอถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
พรรคธรรมนัสมีส.ส.ทั้งสิ้น ๑๘ คน
ปัจจุบันในสภามีส.ส.รวมทั้งสิ้น ๔๗๗ คน
เป็นส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ๒๖๙ คน
ส.ส.ฝ่ายค้าน ๒๐๘
เมื่อ ๑๘ เสียงของพรรคเศรษฐกิจไทยถอนตัวออกไป จะทำให้รัฐบาลมีส.ส.เหลือ ๒๕๑ คน
ส่วนฝ่ายค้านจะเพิ่มเป็น ๒๒๖ ที่นั่ง
จำนวนส.ส.รัฐบาลกับฝ่ายค้านห่างกัน ๒๕ คน ขณะที่คะแนนเสียงกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนฯคือ ๒๓๙ เสียง ยังคงอยู่ในข่ายที่รัฐบาลจะสามารถบริหารเสถียรภาพให้มั่นคงได้ไปจนครบวาระ
เทียบกับจำนวนส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเมื่อครั้งจัดตั้งรัฐบาลใหม่ๆเมื่อปี ๒๕๖๒ มีเพียง ๒๕๔ เสียง ขณะที่ฝ่ายค้านมี ๒๔๖ เสียง ห่างกันแค่ ๘ เสียง ถือว่ารัฐบาลผ่านงานยากมาแล้ว
ฉะนั้น ๑๘ เสียงจากพรรคเศรษฐกิจไทยที่หายไป จะส่งดีในแง่จิตวิทยากับฝ่ายรัฐบาล เพราะเป็น ๑๘ เสียงซึ่งอยู่ในการดูแลของ "ธรรมนัส พรหมเผ่า" ถูกตั้งคำถามมาตลอดว่า ผิดที่ผิดทางหรือเปล่า
เพราะ "ลุงตู่" กับ "ธรรมนัส" ถือเป็นปลาคนละน้ำ ทั้งแนวคิดและวิธีการทำงานทางการเมืองนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
การถอนตัวของพรรคเศรษฐกิจอยู่บนการตัดสินใจที่น่าสนใจ
"วิชิต ปลั่งศรีสกุล" รองหัวหน้าพรรค โยงไปถึงการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดลำปางเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งพรรคเศรษฐกิจไทยแพ้ย่อยยับว่า
"...ได้มีการวิเคราะห์สาเหตุที่แพ้การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ว่า เป็นเพราะประชาชนไม่เห็นด้วยกับการที่พรรคเศรษฐกิจไทยสนับสนุนรัฐบาล..."
เป็นข้ออ้างที่ฟังแล้วชวนให้คิดตามเป็นอย่างมาก
หากพรรคการเมืองอื่นใช้ตรรกะเดียวกันนี้ การเมืองจะเข้าสู่ภาวะโกลาหลแน่นอน
อย่าลืมนะครับ พรรคการเมืองแต่ละพรรคล้วนมีพื้นที่ฐานเสียงของตนเอง เช่น พรรคเพื่อไทยได้รับความนิยมในอีสาน ส่วนประชาธิปัตย์ได้รับความนิยมที่ภาคใต้
แล้วพรรคเศรษฐกิจไทยอยู่ตรงไหนในแผนที่ประเทศไทย
๑.นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา
๒.นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร
๓.นายธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา
๔.นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส.ชลบุรี
๕.นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
๖.นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา
๗.นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร
๘.นายปัญญา จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน
๙.นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี
๑๐.นายวัฒนา สิทธิวัง ส.ส.ลำปาง
๑๑.พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
๑๒. น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร
๑๓.นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา
๑๔.นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก
๑๕.นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส.ตาก
๑๖.นายยุทธนา โพธสุธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ
๑๗.นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น
๑๘.นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์
สรุปในภาพรวมพื้นที่เลือกตั้งของ พรรคเศรษฐไทยคือ โซน ภาคเหนือ และเหนือตอนล่างกลางตอนบนเป็นหลัก
ฉะนั้นการที่พรรคเศรษฐกิจไทยแพ้เลือกตั้งซ่อมที่ลำปาง ไม่ต่างจากแพ้ในบ้าน ความพ่ายแพ้อย่างยับเยินจึงมีนัยสำคัญทางการเมืองเป็นอย่างมาก
แต่เป็นเหตุสามารถนำไปอ้างเพื่อถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลได้หรือเปล่า?
ต้องเข้าใจที่มาของการเลือกตั้งซ่อมเขต ๔ ลำปาง กันเสียก่อน
เดิมทีพื้นที่นี้เป็นของพรรคเพื่อไทย เจ้าของพื้นที่ซึ่งชนะการเลือกตั้งเมื่อปี ๒๕๖๒ คือ นายอิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์ เป็นส.ส.ลำปางมายาวนานถึง ๕ สมัย
แต่นายอิทธิรัตน์ มาเสียชีวิต เพราะติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อเดินพฤษภาคม ๒๕๖๓ ทำให้ต้องมีการเลือกตั้งซ่อมกันใหม่ ในวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๓
ผลเลือกตั้งในวันนั้น
นายวัฒนา สิทธิวัง จากพรรคพลังประชารัฐ ชนะการเลือกตั้ง ได้ ๖๑,๙๑๔ คะแนน
ร.ต.ท.สมบูรณ์ กล้าผจญ พรรคเสรีรวมไทย ได้ ๓๘,๓๓๖ คะแนน
นางสาวปทิตตา ชัยมูลชื่น พรรคเศรษฐกิจใหม่ ๒,๔๖๕ คะแนน
นายอำพล คำศรีวรรณ พรรคท้องถิ่นไท ๒๙๒ คะแนน
นายองอาจ สินอนันต์เศรษฐ์ พรรคไทรักธรรม ได้ ๒๒๗ คะแนน
พรรคพลังประชารัฐโดย "ธรรมนัส" เป็นกุนซือใหญ่ชนะการเลือกตั้ง
เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาศาลฎีกามีคำพิพากษาสั่งให้มีการเลือกตั้ง ส.ส เขต ๔ จังหวัดลำปางใหม่ ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอ เนื่องจากนายวัฒนา ได้รับเลือกตั้งมาโดยไม่สุจริตเที่ยงธรรม
มีการซื้อสิทธิขายเสียง
นำมาสู่การเลือกตั้งซ่อมอีกครั้งเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคมที่ผ่าน
ผลคือนายเดชทวี ศรีวิชัย พรรคเสรีรวมไทย ได้ ๕๕,๖๓๘ คะแนน
ขณะที่นายวัฒนา สิทธิวัง จากพรรคเศรษฐกิจไทย ได้ ๓๐,๔๕๑ คะแนน
มาถึงบรรทัดนี้พอที่จะสรุปได้ว่า "ธรรมนัส" แพ้เพราะอะไร
ไม่แปลกที่พรรคเสรีรวมไทยชนะการเลือกตั้งในเขตนี้ เพราะฐานเดิมแข็งแกร่งอยู่แล้ว
ขณะที่ "วัฒนา สิทธิวัง" เปลี่ยนพรรคเสียงหายไปครึ่งหนึ่ง เป็นเพราะความนิยมในรัฐบาลตกต่ำลงจริงหรือไม่
"ธรรมนัส" ให้เหตุผลการถอนตัวว่า
“...ผมเรียนพล.อ.ประวิตร ชัดเจนแล้วว่า ขออนุญาตประกาศจุดยืนของพรรคอย่างชัดเจน ซึ่งได้ชี้แจงแล้ว ผมเล่าให้ฟังว่าผลการเลือกตั้งซ่อม ลำปาง ว่าเกิดอะไรขึ้น เราเหมือนพรรคอยู่ตรงกันของเขาควายสองข้าง มันไม่ชัดเจน
ฝ่ายรัฐบาลเขาไม่ได้สนับสนุนเรา เราไม่ได้ประโยชน์อะไรจากฝ่ายรัฐบาล อีกทั้งยังถูกกระทำหลายเรื่อง ผมไม่อยากพูดตรงนี้ อีกข้างของเขาควายเขาก็ไม่ได้สนับสนุนเรา ดังนั้น ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะมานั่งตรงกลางของเขาควาย ผมก็ได้เรียนพล.อ.ประวิตร ซึ่งพล.อ.ประวิตร มีความเข้าใจ...”
อย่าว่าแต่ "ธรรมนัส" รู้สึกว่าตัวเองไม่ชัดเลยครับ
ประชาชนก็มอง "ธรรมนัส" อย่างไม่เข้าใจ และไม่ชัดเจนมานานแล้วว่า ตกลงอยู่ฝั่งไหนกันแน่ระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้าน
และเพราะความไม่ชัดเจนนี่เอง "ธรรมนัส" ถึงได้แพ้เลือกตั้งซ่อมที่ลำปาง
กลับกันหาก "ธรรมนัส" และ "วัฒนา สิทธิวัง" ยังอยู่พรรคพลังประชารัฐ ผลการเลือกตั้งอาจแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง
ครับ...การถอนตัวไปเป็นฝ่ายค้านของพรรคเศษฐกิจไทยจะทำให้การซักฟอกรัฐบาลมีบรรยากาศที่คึกคักขึ้น
ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาการอภิปรายครับ เพราะพรรคเศรษฐกิจไทยมิได้ร่วมยื่นซักฟอกด้วย
แต่บรรยากาศการโหวตเสียงเราอาจได้เห็นบางอย่างแปลกๆ
ท่ามกลางเขาควาย
เราจะได้เห็นสมองควายครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เจอตอ ชั้น ๑๔
งวดเข้ามาทุกทีครับ... หากไม่มีอะไรผิดพลาด วันที่ ๑๕ มกราคมนี้ พยานหลักฐานกรณีนักโทษเทวาดาชั้น ๑๔ น่าจะอยู่ในมืออนุกรรมการสอบสวนชุดเฉพาะกิจแพทยสภา ชุดที่ คุณหมออมร ลีลารัศมี เป็นประธาน ครบถ้วนสมบูรณ์
'ทักษิณ' ตายเพราะปาก
แนวโน้มเริ่มมา... ปลาหมอกำลังจะตายเพราะปาก เรื่องที่ "ทักษิณ ชินวัตร" ไปปราศรัยใหญ่โต เวทีเลือกตั้งนายก อบจ.หลายจังหวัด ทำท่าจะเป็นเรื่องแล้วครับ
พ่อลูกพาลงเหว
มันชักจะยังไง.... พ่อลูกคู่นี้จะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว ก่อนนี้ "ทักษิณ" ริ "ยิ่งลักษณ์" ยำ
นี่แหละตัวอันตราย
การเมืองปีงูเล็กจะลอกคราบ เริ่มต้นใหม่ ไฉไล กว่าเดิม หรือจะดุเดือดเลือดพล่าน ไล่กะซวก เลือดสาดกันไปข้าง
แก้รัฐธรรมนูญแกงส้ม
ก็เผื่อไว้... อาจจะมีการลักไก่ ลัดขั้นตอนแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
เบื้องหลังผู้ลี้ภัย
เริ่มต้นปีก็ประกาศกันคึกคักแล้วครับ ทั้งฝั่งตรวจสอบ "ทักษิณ" ยัน "ผู้ลี้ภัย" สำหรับ "ทักษิณ" ปีนี้น่าจะโดนหลายดอกตั้งแต่ต้นปี