มฤตยูจร (0) เดินอยู่ในราศีพฤษภระหว่าง 8 กรกฎาคม 2565 - 18 กรกฎาคม 2572
สรุป-เจ็ดปีต่อไปนี้พวกท่านมักจะสุขภาพทรุดโทรมเป็นระยะ หรือลูกน้อง-คนใช้-ผู้ใต้บังคับบัญชา-บริวารทั้งหลายเหล่านั้นก่อกวนหรือสร้างปัญหาให้เป็นระยะๆที่สามารถจะเรียกได้ว่าเป็นหน้าใหม่ของเหล่าบริวารลูกน้อง-คนใช้ หรือมีหนี้แปลกๆเกินคาดคิดที่จะเป็นได้ทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้
1.รู้จักมฤตยู ทางโหราศาสตร์-สัญลักษณ์ของมฤตยูคือ0เป็นอากาศธาตุ เดินทวนเข็มนาฬิกาเป็นหลัก(มีเดินผิดปกติ)จัดอยู่ในกลุ่มดาวร้ายคือบาปเคราะห์ แต่ก็เหมือนดาวอื่นๆที่ให้ผลต่อทุกดวงชะตาได้ทั้งดีและร้าย เพียงแต่ด้านดีนั้นกว่าจะได้ต้องผ่านเรื่องร้ายก่อน คือร้ายแล้วดีหรือดีแล้วร้าย
มฤตยูเป็นเจ้าของภัยอาเพศ เพราะคาดหมายผลได้ยาก ที่เกิดผิดปกติ ตามคำกล่าวที่ว่าดูภัยอาเพศให้ดูมฤตยู
มฤตยูเป็นเจ้าของการปฎิวัติและนักปฏิวัติเพราะไม่พอใจสิ่งเก่าๆ แต่ต้องการสิ่งใหม่-สร้างสิ่งใหม่เสมอ
มฤตยูเป็นเจ้าของสายฟ้า แบบสว่างวาบเข้ามาในสมอง คล้ายๆเซ่อร์ไอแซคนิวตัน เห็นแอบเปิ้ลหล่นจากต้น แล้วตั้งคำถามว่าทำไมแอบเปิ้ลไม่ลอยขึ้นแล้วพบทฤษฎีแรงโน้มถ่วง ซึ่งสายฟ้าสร้างความพินาศได้ แต่หลังจากนั้นจะทำให้เกิดวิวิฒนาการสิ่งใหม่มาแทน
มฤตยูเป็นเจ้าของภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่จะเกิดแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่รู้ที่มาที่ไปที่ต้องใช้ความรู้สมัยใหม่แก้ปัญหา
ด้านดีมฤตยูเป็นเจ้าของความล้ำเลิศ ล้ำสมัย เก่งในการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ๆ มีแนวความคิดใหม่เสมอ ชอบเป็นผู้ริเริ่มก่อการ ต้องการก้าวหน้าร่ำไป
2.แต่ละเรื่องราวของชีวิตคนทางโหรจะเจออิทธิพลจากมฤตยูจรเพียงครั้งเดียว ทั้งนี้เป็นเพราะมฤตยูจรเดินช้ามาก เข้าไปเดินราศีใดจะใช้เวลา 7 ปี ทางโหรที่มีสิบสองราศี-เป็นสิบสองเรื่องราวของชีวิตแต่ละคนนั้น ตลอดชีวิตคนจึงมีโอกาสเจออิทธิพลของมฤตยูในแต่ละเรื่องให้ปฏิวัติใหญ่เพียงครั้งเดียว ยกเว้นท่านจะมีจะอายุเกิน 84 ปี
3.ย้อนอดีตเกือบจะเจ็ดปีเต็มมาแล้วพวกท่านที่ลัคนาสถิตราศีธนูเจออะไรจากมฤตยูจรเดินในราศีเมษ
ตั้งแต่ประมาณมีนาคม 2559 มาแล้วพวกเจอการเปลี่ยนแปลงใหญ่ลูกหลานหรือเด็กๆในดูแล หรือไม่ก็เปลี่ยนแปลงใหญ่เรื่องความรัก-คนรัก หรือการแสวงหา-ทำกิจกรรมบันเทิงเริงรมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมากจากที่คุ้นเคยหรือลงทุนเสี่ยงโชคได้มากหรือเสียมาก
แล้วปรากฏการณ์นี้จะจบลงตั้งแต่ 8 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงกับเรื่องเหล่านี้อีก ขนาดจะย่อมลงมา
4.ผลของมฤตยูจรเข้าเดินในราศีพฤษภต่อท่านที่ลัคนาสถิตราศีธนูระหว่าง 8 กรกฎาคม 2565 - 18 กรกฎาคม 2572
ในบรรดาเรื่องร้าย-ดีที่จะเกิดได้ตลอดนั้น ตลอดระยะเวลาเจ็ดปีนี้ปรากฎการณ์ที่จะโดดเด่นมากแบบแปลกประหลาดอาเพศหรือเกิดเองแบบไม่คาดฝันคือพวกท่านมักจะสุขภาพทรุดโทรมเป็นระยะ หรือลูกน้อง-คนใช้-ผู้ใต้บังคับบัญชา-บริวารทั้งหลายเหล่านั้นก่อกวนหรือสร้างปัญหาให้เป็นระยะๆที่สามารถจะเรียกได้ว่าเป็นหน้าใหม่ของเหล่าบริวารหรือมีหนี้แปลกๆเกินคาดคิดที่จะเป็นได้ทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้
5.ตัวอย่างที่พอจะใช้เป็นแนวทางได้ ที่เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพเช่นโรคทะยอยมาเริ่มจะต้องกินยาไขมันความดันหรือเริ่มป่วยเกี่ยวกับเส้นประสาทหรือสุขภาพจิตทรุดโทรมเพราะเครียดกระทบถึงสุขภาพกายหรือผ่าตัดใหญ่ในชีวิตแต่ใช้สิทธิบัตรทองจ่ายน้อยเหลือเชื่อหรือมีวาสนาได้ร่วมปฏิวัติระบบรักษาพยาบาลของสังคมหรือเริ่มกระบวนการรักษาและสู้กับมะเร็งที่ผลตามมาคือสุขภาพทรุดโทรมหรือโรคเก่าที่เคยเป็นมานานกลับมาแบบไม่รู้ตัวเพราะลืมไปแล้วว่าเคยป่วยด้วยโรคนี้ที่แปลกมากคือนกจิกตาฯลฯ
ญาติเอาที่มรดกค้ำประกันหนี้ต้องไปไถ่ออกมาหรือเป็นหนี้เก็งกำไรคอนโดฯจนสภาพคล่องมีปัญหา หรือได้ค้ำประกันหนี้ให้ลูกหลานก้อนมหึมาชนิดเกินคาดฝันว่าจะเป็นหนี้ได้เช่นหนี้กยศ.-ทุนซึ่งเป็นหนี้ดีหรือใช้หนี้พนันให้ลูกหรือได้หนี้บัตรเครดิตมหึมาจากคู่ครองที่จากไปหรือได้รีไฟแน้นท์หรือปรับโครงสร้างหนี้ผ่อนน้อยลงหรือแก้หนี้ให้ครอบครัวหรือขายสมบัติเคลียร์หนี้หลังเกษียณหรือ-ส่งประกันชีวิตในชื่อคนอื่นถูกยึดไปหมด หรือได้เป็นเจ้าหนี้ทั้งๆที่ไม่อยากเป็นหรือเป็นระยะหนี้กำลังจะหมดขณะที่บางคนเริ่มก่อหนี้หรือบางคนหมดหนี้บ้านกระโดดไปซื้อรถเป็นหนี้ต่อหรือให้คนยืมเงินไม่ได้คืนกลายเป็นเจ้าหนี้จำเป็นหรือเป็นหนี้เพราะซื้อบ้านด้วยแยกกับกับคู่ครองเป็นต้น
รักษาหมา(บริวารทั้งตัวใหญ่-เล็ก)หมดไปหลายแสนหรือญาติที่เป็นบริวารหรือคนรอบข้างป่วยต้องเสียเงินรักษาสูงมากหรือต้องดูแลลูกน้องจนเจ้าชะตาเดือดร้อนเองหรือลูกน้องป่วยลาออกหรือเปลี่ยนลูกน้องบ่อยมากหรือเหนื่อยมากกับลูกน้องที่พูดกันไม่รู้เรื่องหรือมีเหตุให้ลูกน้องที่เคยมีหายไปหมดหรือไม่เคยมีลูกน้องก็มีจังหวะที่มีมาให้บริหารลูกน้องมากมายหลายคนหรือรับภาระคนป่วยมาดูแลหรือเปลี่ยนยุคใหม่ของแม่บ้านจากเดิมหาเองเปลี่ยนมาเป็นหาจากศูนย์บริการแทน
6.วิธีการรับมือกับมฤตยูต้องกล้าปฏิวัติหรือเปลี่ยนแปลงใหญ่ และใช้วิธีการเด็ดขาด-ล้ำเลิศ-คิดไม่ถึง
หากเป็นเรื่องสุขภาพก็ไม่ควรเลี้ยงไข้ แต่ควรใช้วิธีการเด็ดขาดรับมือเพราะในที่สุดมฤตยูจะบีบให้ต้องลงมือทำอยู่ดี เช่นตัวอย่างที่เลี้ยงริดสีดวงทวารมาตลอดชีวิต คิดว่าไม่เป็นอะไรมาก แต่พอมฤตยูมาเยือน(เข้าภพที่หาก-อริ)เกิดเลือดออกเจ็บปวดมาก ต้องผ่าตัด ก่อนผ่าก็เจ็บปวดทรมาน ผ่าเสร็จก็ทรมานอยู่เกือบครึ่งเดือน หลังจากนั้นคุณภาพของชีวิตดีขึ้นกว่าตอนลี้ยงไข้มากมาย
เรื่องหนี้สินมีหนึ่งรายเป็นทุกข์เพราะติดหนี้การพนันมากโข แต่พอมฤตยูมาเยือนเกิดสว่างวาบว่าอยากตั้งตัวได้ตอนอายุสี่สิบแปดและหยุดทำงานให้เงินทำงานแทนเหมือนโรเบิร์ต คิโยซากิ คนเขียนหนังสือพ่อรวยสอนลูก ตัดสินใจแก้หนี้แบบเด็ดขาดไปคุยกับสถาบันการเงินว่ามีเงินก้อนให้ถ้าไม่รับละยอมถูกฟ้องและล้มละลาย ผลคือสถาบันการเงินยอมรับเงินก้อนไปเลิกหนี้ต่อไป
ส่วนบริวารหรือลูกน้องหรือคนใช้นั้นขอให้ถือว่าจะเป็นหน้าใหม่ของชีวิตในเรื่องเหล่านี้เพราะการเปลี่ยนแปลงจะเกิดเป็นระยะๆอย่างคาดไม่ถึง
7.ผลที่คาดว่าจะได้รับ เมื่อถึงกรกฎาคม 2572 พวกท่านยืนอยู่หน้าบ้านจะถามตัวเองว่าสุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องหรือคนใช้หรือบริวารของพวกท่านมาถึงจุดนั้นได้อย่างไร.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หมดปัญญา...เทวดาต้องรอด
เวลานี้ มีคนบางคนทำผิดกฎหมาย ไม่ให้ค่ารัฐธรรมนูญ บดขยี้กระบวนการยุติธรรมจนป่นปี้ แล้วปรากฏว่าเขาไม่มีความผิดใดๆ ไม่มีหน่วยงานใด ไม่มีกฎหมายมาตราใดจะเอาโทษเขาได้
ว่าด้วยความสำคัญของ 'จังหวะ' และ 'โอกาส'
อาทิตย์นี้...ก็ 22 ธันวา.เข้าไปแล้ว อีกแค่ไม่กี่วันก็ถึงช่วงจังหวะ คริสต์มาส ที่คงมีโอกาสได้ยิน ได้ฟัง บทเพลงอันสุดจะซาบซึ้ง ตรึงใจ ไม่ว่าประเภท จงกระเบน-จงกระเบน (Jingle Bells)
ตั้ง'นายพล'ไปต่อ
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ จำนวน 41 นาย ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ที่เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
ลัคนามังกรกับเค้าโครงชีวิต ปี 2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่ลูกหลาน-ความรัก-ความหวัง ตลอดปียังอดเอาทุกข์นำหน้าชีวิตไม่ได้- ตั้งแต่พฤษภาคมเป็นต้นไประวังป
นักการเมืองไม่ทำชั่ว...ไม่ต้องกลัวรัฐประหาร
นายกรัฐมนตรี 2 คนที่มาจากตระกูลชินวัตรต้องถูกยึดอำนาจจากการทำรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 ทำให้นายใหญ่ของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นหมายเลข 1 ของตระกูลชินวัตรมีความประหวั่นพรั่นพรึงการทำรัฐประหารของทหารเป็นอย่าง
'หิริ-โอตตัปปะ'คือวาระแห่งชาติ!!!
คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า...ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ความอาย หรือจะเรียกภาษาพระ ภาษาบาลี ประมาณว่า หิริ-โอตตัปปะ ก็คงพอได้ นับวันมันชักเป็นอะไรที่ ขาดแคลน