'ดาวมฤตยู' สะบัดหาง

"ชินโซ อาเบะ"

อดีตนายกฯ ญี่ปุ่น ถูกยิงขณะปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครวุฒิสมาชิก ที่เมืองนารา

"ช็อกโลก" เลยทีเดียว!

นายอาเบะ ผู้มีมิตรสัมพันธ์ที่ดีกับไทย ถึงแม้ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ แล้วก็ตาม

แต่การที่นายอาเบะเป็นนายกฯ ต่อเนื่องยาวนาน แม้ลาออกแล้ว ก็ยังมีบทบาทการนำสูงในพรรครัฐบาล คือ พรรค LDP ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษนิยมคู่มากับการเมืองญี่ปุ่น

กระทั่งในเวที "เศรษฐกิจ-การเมืองโลก" ที่เขม็งเกลียวปัจจุบันก็เถอะ

เมื่อเหตุไม่คาดฝันอุบัติขึ้นกับนายอาเบะ

ต้องบอกว่า......

เป็น "วิบัติ" อย่างหนึ่งของแผนสหรัฐฯ ในการเดินแต้ม "กันจีน" ในย่านเอเชีย-แปซิฟิกเลยทีเดียว

ก็ไม่รู้จะเอาหลักอะไรมาประยุกต์คิดสู่เหตุการณ์เหล่านี้  ก็ขออิงหลักโหราศาสตร์ ว่าด้วยการโคจรของดวงดาวก็แล้วกัน

เห็นโหรทุกสำนัก รวมทั้ง "แม่หมอฟองสนาน" บอกว่า  ๗ กรกฎา "ดาวมฤตยู" ที่สถิตอยู่ในดวงเมืองไทยและดวงโลกที่ราศีเมษยาวนานมา ๗ ปี

เมื่อวันที่ ๗ เดือน ๗ คือ ๗ กรกฎาที่ผ่านมาวานซืน  ดาวมฤตยู ได้เวลายกย้ายออกจากดวงโลกและดวงเมืองไทย ไปอยู่ราศีพฤษภเป็นเวลา ๗ ปี

โหราจารย์ทั้งหลาย บอกว่าดาวมฤตยู เป็นดาวแห่งความตาย แห่งอุบัติเหตุ-อุบัติภัย และโรคระบาด

เรียกว่าเป็นดาวทำลายล้างสิ่งเก่า สู่การจัดระเบียบโลกใหม่ อะไรประมาณนั้น

แต่ฝรั่งเขาให้รหัสความ "ตรงข้าม" กับคติไทยเลยนะ ดาวมฤตยูที่เราเรียกกัน เขาเรียกว่า "ดาวยูเรนัส" ไม่มีตัวตน  จัดอยู่ในชั้น "อรูปพรหม"

ผมอ่าน "เทวโลก" ที่ปรมาจารย์ "พลูหลวง" เขียนเล่าเรื่องเทพนิยายกรีกที่เป็นดวงดาวแต่ละองค์ สุดมหัศจรรย์พันลึก

อย่าง "ดาวยูเรนัส" หรือ "ดาวมฤตยู" ท่านบอกว่า.......

"เป็นดาวพระเคราะห์ที่แสดงถึงภาวะของจิต จิตศาสตร์  การค้นคว้า การสำรวจโครงการอวกาศ การเดินทางไกล            เหล่านี้ เหมาะสมกับสภาวะของ 'เทพเจ้ายูเรนัส'

เพราะยูเรนัส เป็นเทพเจ้าผู้สร้างสรรค์ เป็นประชาบดีหรือพรหมเทพ ผู้ก่อกำเนิดบันดาลให้เกิดสรรพสิ่งทั้งหลาย             และเป็นสภาวะของอรูปพรหม คือเกี่ยวกับจิตโดยตรง  เป็นธาตุลมหรืออีเธอร์ จึงอยู่ในอวกาศ

คนไทยเรียกดาวมฤตยู ฟังแล้วออกจะน่ากลัวเกินไป  แต่อินเดียเรียกดาวอินทร์ หรืออินทรา"

แต่เมื่อย้อนดูในรอบ ๗ ปี นับจาก ๖ มีนา ๕๙ จนมาถึง  ๗ กรกฎา ๖๕ ที่ดาวมฤตยูหรือดาวยูเรนัสเข้ามาอยู่ในราศีโลก คือราศีเมษ ซึ่งเป็นราศีประเทศไทยด้วย

อืมมมม....

มันก็ดู "มีส่วนถูก" ด้วยกันทั้งตำราไทยและตำราฝรั่ง  เรียกว่าถูกแบบ "สัดส่วนพึงมี"

เมื่อมฤตยูทับดวงเมือง-ดวงโลก โลกมันก็วิปริตจริงๆ  แต่เหตุวิปริตมาจาก "ภาวะจิตมนุษย์" จึงเกิดคำว่า"ดิสรัปต์"

 คือการเกิดขึ้นของสิ่งใหม่ๆ ที่เรียกว่า "นวัตกรรม" ทำลายล้างสิ่งเก่าเพื่อเกิดของใหม่ ใครที่ไม่ปรับตัวจะถูกดิสรัปต์ไปทันที

การ "จัดระเบียบโลกใหม่" ก็เกิดขึ้น........

มาในรูปสงครามเศรษฐกิจ สงครามอวกาศ แย่งกันส่งดาวเทียม ส่งจรวดขึ้นไปยึดครองโลกใหม่ตามดวงดาวต่างๆ ในจักรวาล

"โควิด-๑๙" โรคระบาด "โรคล้างโลก" ก็เกิดขึ้น คร่าชีวิตคนทั้งโลกล้มตายกันไปแล้วกว่า ๔ ล้านคน และก็จะยังไม่จบลงแค่นี้

"สงครามโลกครั้งที่ ๓" ที่จะเป็นตัว "จัดระเบียบโลกใหม่" สู่ศตวรรษที่ ๒๑ ก็รำไรอยู่ในลมหายใจมนุษย์ขณะนี้!

"ยูเรนัส" ของฝรั่ง คือ ผู้บันดาลให้เกิดสรรพสิ่งทั้งหลาย

"มฤตยู" ของไทย คือ ความตายและการทำลายล้าง

สรุป ขัดและแย้ง "ไปในทางเดียวกัน" น่ะ

แต่ถ้าถอดความแล้วมองประยุกต์...มันก็ใช่นะ ถ้าไม่ตาย ไม่ทำลายล้างของเก่าไป แล้วสรรพสิ่งใหม่ๆ มันจะเกิดได้ไง?

ก็นึกย้อนดูซิ

การเมืองไทย เลือกตั้งปี ๖๒ เป็นไง การแตกแบงก์  ๕๐๐ แบงก์ ๑,๐๐๐ ของพรรคใหญ่ เป็น "แบงก์ย่อย-พรรคย่อย" ก็เกิดขึ้น

พรรคใหม่ๆ และพรรค "คนรุ่นใหม่" ก็เกิดขึ้น แถมมาแรงแซงพรรคเก่าแทบสูญพันธุ์

พรรคพลังประชารัฐ, พรรคอนาคตใหม่ เป็นพรรค "ใหม่แกะกล่อง" เลือกตั้่งก็ชนะ

"พลเอกประยุทธ์-ธนาธร" ชิงเก้าอี้นายกฯ กันในที่ประชุมรัฐสภา และเสียงส่วนใหญ่ "โหวตเลือก" พลเอกประยุทธ์

การเป็นนายกฯ ของพลเอกประยุทธ์ ช่วงมฤตยูทับดวงเมือง ก็ชัดเจนว่า พบนานาปัญหาและอุปสรรค จาก "ภาวะจิต" งุ่นง่าน คิดแค้นทำลาย ของคนรุ่นใหม่วิปริต

ท่ามกลางปัญหา "หมารุมทึ้ง" ใต้อิทธิพลมฤตยู นายกฯ ก็ยังสามารถฟันฝ่า "ดิสรัปต์" โครงสร้างเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดิมที่หมดยุค

สู่อุตสาหกรรม-เกษตรกรรมด้วย "นวัตกรรม" เทคโนโลยีชั้นสูงเต็มรูปแบบ

ก็อย่างที่เห็นเป็นรูป-เป็นร่าง เป็นต้นทุน "เศรษฐกิจโลกยุคใหม่" ด้วย "โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก" หรือที่รู้จักกันในชื่อ EEC

และต้นปี ๖๖ ไทยเราก็จะส่ง "ดาวเทียม" สำรวจโลกดวงแรกของไทยสู่ห้วงอวกาศแล้ว

มันก็ตรงตามอิทธิพล "ดาวยูเรนัส" นะ จะว่าไป!

และนี่ "ดาวมฤตยู" ก็ออกจากดวงเมืองและดวงโลกไปแล้ว ต่อจากนี้ ที่ว่าร้ายๆ ทั้งหลาย จะคลาย หรือดีขึ้นมั้ย?

อันนี้บอกได้....

ถ้าพูดตามโหราศาสตร์ "ขึ้นอยู่กับดวงใคร-ดวงมัน"

ถ้าพูดตามสัจธรรม ก็บอกได้เลย.....

ยัง กัมมัง กะริสสันติ = จักทำกรรมอันใดไว้

กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา = ดีหรือชั่ว

ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ. = จักเป็นผู้รับผลของกรรมอันนั้น.

สำหรับนายกฯ ประยุทธ์ นับตั้งแต่เป็นนายกฯ มา ผมได้ยินท่านพูดอยู่คำหนึ่ง แทบทุุกครั้ง-แทบทุกที่ ไม่ว่าจะบนเวทีโลก เวทีไทย

นั่นคือ "เราจะไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง"

แล้วก็มาดูจุดมุ่งหมายในการเป็นนายกฯ ของท่าน เห็นได้จากการให้มี "พระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ"  ในกรอบเวลา ๒๐ ปี

เราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังก็ดี, พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติก็ดี  หมายถึงอะไร?

หมายถึงมีความตั้งใจที่จะทำ แล้วตั้งกรอบงาน-กรอบเวลา ที่จะทำให้สำเร็จ โดยดิสรัปต์ รื้อระบบเก่า สร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้สังคมชาติ ด้วยวิสัยทัศน์และสัจจะดวงใจซื่อ

ทุกหมู่ ทุกเหล่า ทุกแขนงงาน และทุกสาขาอาชีพ รวมถึงผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ทั้งหมด-ทั้งมวล

นายกฯ จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง....

ทุกสิ่งที่พัฒนา-สรรค์สร้างสู่ศตวรรษใหม่ ทุกคน ทุกภาคส่วน ต้องได้รับอานิสงส์สุข ลดหลั่นกันไปตามฐานานุรูปแน่นอน

มุ่งมั่น-มุ่งหมายของนายกฯ จัดอยู่ในกรรมดีหรือกรรมชั่วล่ะ?     

นี่คือคำตอบจากดวงดาวสำหรับ "นายกฯ ประยุทธ์"  จากการย้ายของดาวมฤตยู จากราศีเมษ "ดวงเมือง"

เหนือดวง มีกรรม

เหนือฝ่ายประชาธิปไตย มีธรรม "พ่อของฝ่ายประชาธิปไตย" ทุกคน!

วันเสาร์ที่ปลายซอย