คำทำนายของ Dr Doom : ทุกอย่างจะแย่ลงก่อนจะดีขึ้น!

ผมเกาะติดแนวทางการวิเคราะห์เศรษฐกิจโลกช่วงนี้เพื่อจะได้นำมาประเมินสถานการณ์ในประเทศไทย

ที่ผมสนใจเป็นพิเศษคือการทำนายทายทัก “ฉากทัศน์ที่เลวร้ายที่สุด” หรือ Worst-case Scenario ของผู้ที่อยู่ในวงการเศรษฐกิจ, การเงินและการลงทุน

เพราะถ้าเห็นภาพของสถานการณ์เลวร้ายที่สุดได้แล้ว ก็จะสามารถวาดภาพของฉากทัศน์ “ปานกลาง” และ “ค่อนข้างดี” ได้

หากเราเตรียมการสำหรับภาพที่แย่ที่สุดได้ และภาพจริงๆ จากนี้ไปถึงสิ้นปี และปีหน้าไม่ได้เลวร้ายกว่าที่พยากรณ์ไว้ เราก็น่าจะเอาตัวรอดได้

นี่ควรจะเป็นวิธีบริหารวิกฤตของรัฐบาล

นั่นคือการตั้ง War Room ด้านเศรษฐกิจที่สามารถระดมความคิดเห็นมาร่วมกันหาทางออก

ครั้งนี้ไม่ใช่ระดมเฉพาะความคิดเห็นและแนวทางของการวิเคราะห์เท่านั้น

แต่ต้องระดมสรรพกำลังและทรัพยากรของทั้งประเทศมาเพื่อทำสงครามกับวิกฤตเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ด้วย

เพราะหากเราขาดปัจจัยก็จะไม่สามารถฝ่าข้ามวิกฤตที่หนักหน่วงรุนแรงนี่ไปได้อย่างแน่นอน

วันก่อน ผมเจอทฤษฎีเลวร้ายที่สุดแล้ว

คำพยากรณ์นี้มาจาก Nouriel Roubini นักเศรษฐศาสตร์ที่รู้จักกันในชื่อ "Dr.Doom"

แกได้สมญานามนี้ เพราะเป็นคนชอบทำนายเรื่องแย่ๆ...คล้ายๆ กับเป็นการวาดภาพ “สิ้นโลก” อยู่ตลอดเวลา

คนไม่ชอบแกก็เยอะ แต่ที่ชอบอ่านและฟังแกก็เพราะจะได้เห็นว่าหากเป็นไปตามที่แกทำนาย ธุรกิจและประเทศชาติจะไปรอดไหม

เหมือนทำ Stress Test สำหรับคนไข้ที่สงสัยว่าเส้นเลือดรอบๆ หัวใจตีบตันมากน้อยแค่ไหน

หมอก็จะจับคนไข้ขึ้นวิ่งสายพาน ให้วิ่งเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ จนหัวใจเต้น 100%

หากคนไข้มีปัญหาโรคหัวใจหรือเส้นเลือดตีบตรงไหน เส้นกราฟก็จะปรากฏ

หรือไม่คนไข้ก็จะบอกว่าวิ่งไม่ไหวแล้ว หมดเรี่ยวหมดแรงพาลจะเป็นลมตรงนั้น

ในชีวิตความเป็นจริงของมนุษย์กับเศรษฐกิจนั้น ไม่มีวิธีการที่จะทำการทดสอบแบบสมมติสถานการณ์แบบสุดๆ

แม้ว่าสถาบันการเงินจะถูกให้ต้องทำ Stress Test อย่างนี้เป็นครั้งคราว เพื่อตรวจสอบ “สุขภาพ” ของบริษัทนั้นๆ ว่าหากเจอกับแรงกดดันหนักขึ้นเรื่อยๆ จะยังไปไหวหรือไม่

Dr.Doom เชื่อว่าสหรัฐฯ กำลังมุ่งสู่ “ภาวะถดถอยอันรุนแรง”

ซึ่งจะมีผลทำให้ราคาหุ้นของสหรัฐฯ ร่วงลงได้ถึง 50%!

แกเขียนในคอลัมน์ Project Syndicate ที่เผยแพร่ไปทั่วโลกว่าสหรัฐฯ มี "เหตุผลที่ควรกังวล" เกี่ยวกับภาวะถดถอยที่กำลังจะเกิดขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังแสดงอาการและลักษณะของทั้งวิกฤตเศรษฐกิจในปี 1970 และภาวะถดถอยในปี 2008

ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ ในที่สุดแล้วธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็จะหมดแรงและยอมรับอัตราเงินเฟ้อที่สูง

Roubini บอกว่า การที่ธนาคารกลางคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจจะมีโอกาส “ร่อนลงอย่างนุ่มนวล” หรือ Soft Landing นั้นเป็นการคาดหวังที่ "ไร้เดียงสาอย่างอันตราย"

แกตั้งข้อสังเกตบนพื้นฐานของข้อมูลของ Fed ของ New York นั้นพอจะประเมินได้ว่า โอกาสของการเกิดสถานการณ์ “ร่อนลงอย่างนิ่มนวล” นั้นอยู่ที่ 10% และเสริมว่าแรงกดดันจากเงินเฟ้อและหนี้สินรวมกันอาจทำให้หุ้นตกอีก 50%

และสำหรับนักลงทุนแล้วนั่นเป็นลางร้ายอย่างยิ่ง

เพราะถึงวันนี้ดัชนี S&P นั้นได้เผชิญกับภาวะครึ่งปีที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970 แล้ว

Dr.Doom เสริมว่า

“ในบริบทปัจจุบัน การฟื้นกลับหรือรีบาวด์ใดๆ เช่นเดียวกับในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาควรถือเป็นการตีกลับของแมวที่ตายแล้ว”

แกยืนยันว่านี่ไม่ใช่โอกาสในการซื้อ แม้ว่ามีผู้มองโลกในแง่ดีในตลาดบางคนกำลังพยายามจะน้าวโน้มคนอื่นให้เชื่อตาม

“วิกฤตครั้งต่อไปจะไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา” Roubini เขียน

“วันนี้เราเผชิญกับอุปทานที่ตกต่ำในบริบทของระดับหนี้ที่สูงขึ้นมาก ซึ่งหมายความว่าเรากำลังมุ่งหน้าสู่ภาวะชะงักงันแบบเดียวกับปี 1970 และวิกฤตหนี้รูปแบบปี 2008 รวมกัน นั่นคือวิกฤตหนี้ที่รุนแรง”

หากอ่านความหมายของแกก็คงจะเป็นการผสมผสานของภาวะเศรษฐกิจชะงักงันผสมกับวิกฤตหนี้ที่หนักหน่วงยิ่ง

ทำนองพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก

นักเศรษฐศาสตร์บางสำนักกำลังพูดถึง “การล่มสลายทางการเงินสไตล์แฟรงเกนสไตน์”

ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดความวิตกกังวลสำหรับนักเศรษฐศาสตร์และนายธนาคารกลางในปีที่ผ่านมา

เพราะดัชนีราคาสินค้ายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางแรงกดดันจากห่วงโซ่อุปทาน

ในเดือนเมษายน Fed นิวยอร์กพบว่าดัชนีแรงกดดันห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 3.29

เป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งนั่นเกิดขึ้นเพียง 1 เดือนก่อนที่ CPI จะวิ่งพรวดพราดไปที่ 8.6% ในเดือนพฤษภาคม

ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดของดัชนีผู้บริโภคตั้งแต่ปี 2524

นิวยอร์กไทมส์ให้สมญานาม Roubini ว่าเป็น Dr.Doom ในปี 2008 ตอนเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เพราะภาพการมองที่ติดลบสุดๆ อย่างนี้

และต้องไม่ลืมว่าแกเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกๆ ที่ส่งเสียงเตือนในช่วงกลางทศวรรษ 2000 เกี่ยวกับภาวะถดถอยครั้งใหญ่ที่กำลังมาถึง

เป็นคนแรกๆ ที่พูดถึงวิกฤตที่อยู่อาศัยในช่วง 1 ปีก่อนที่ตลาดสินเชื่อซับไพรม์จะระเบิด

แกทิ้งทายไว้ว่า

“ความจริงไม่มีปริศนาลึกลับซับซ้อนอะไรให้ต้องแก้กันเลย”

“เพราะสัจธรรมก็คือสิ่งต่างๆ จะแย่ลงมากก่อนที่จะดีขึ้น"

ทราบแล้วปรับและเปลี่ยนให้ทันครับ!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ