'น้ำมัน' วิกฤตความเชื่อ

ที่จริง เพจของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน  กระทรวงพลังงาน เขานำราคาน้ำมันในประเทศอาเซียนมาเปรียบเทียบให้เห็นทุกๆ สัปดาห์อยู่แล้ว

ประเทศไหนแพงถูกอ้างอิงข้อมูลชัดเจนไม่เฟกไม่ปลอม

ล่าสุดก็วันที่ ๔ กรกฎาคมครับ

"...รายงานราคาน้ำมันเฉลี่ยในอาเซียน ประจำวันที่ ๔  กรกฎาคม ๒๕๖๕ โดยราคาขายน้ำมันแต่ละประเทศ มีปัจจัยทางด้านราคา ดังนี้

๑.แต่ละประเทศมีมาตรการภาษี และระบบการเก็บเงินเข้ากองทุนหรืออุดหนุนราคาพลังงานที่แตกต่างกัน

๒.ในหลายประเทศเพื่อนบ้านยังมีการอุดหนุนราคากันอยู่

๓.ประเทศไทยสนับสนุนการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ ให้การอุดหนุนราคาโดยกองทุนน้ำมันฯ จึงทำให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ถูกกว่าเบนซิน

หมายเหตุ: ราคา ณ วันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕ อัตราแลกเปลี่ยน (อัตรากลาง) ณ วันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕

*ประเทศไทย อ้างอิงราคาจาก ปตท. และบางจาก  และเป็นราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95E10 ซึ่งมีสัดส่วนการใช้มากที่สุด..."

อาเซียนมี ๑๐ ชาติ ราคาน้ำมันในไทยอยู่ท้ายตาราง  แพงกว่าแค่ มาเลเซีย กับ บรูไน ที่เหลือแพงกว่าไทยทั้งหมด

มีการอธิบายซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าสาเหตุที่ราคาน้่ำมันในไทยแพงกว่ามาเลเซียมีอะไรบ้าง แต่ยังคงมีความไม่เข้าใจ ซึ่งมาจากหลายๆ เหตุผล

แต่หลักๆ คือการปิดกั้นการรับรู้ เพราะข้อมูลที่ถูกต้องคือข้อมูลที่ไม่ถูกใจ

ย้ำนะครับ ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาล ต่อให้ "ชัชชาติ  สิทธิพันธุ์" มาเป็นนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ราคาน้ำมันก็อยู่ระดับนี้แหละครับ

ไม่มีทางที่จะถูกไปกว่านี้

วานนี้ (๖ กรกฎาคม) ขาใหญ่ เอาข้อความในเพจสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ไปแชร์ต่อ แฟนคลับพากันรุมขย้ำ ตั้งแต่กระทรวงพลังงานยันรัฐบาล รวมทั้งบริษัทน้ำมัน โรงกลั่นว่าปล้นประชาชน

เทียบค่าแรงวันละ ๓๐๐ บาท เติมน้ำมันลิตรละ ๔๐  กว่าบาท

ประเทศกำลังจะล่มจมเพราะรัฐบาลประยุทธ์

ด่ากันสารพัดครับ หยาบคายยืนพื้น

ในโซเชียลเองเขาก็มีเพจที่คอยชี้แจงครับว่า ความจริงคืออะไร ทำไมราคาน้ำในประเทศไทยถึงแพงหูฉี่เมื่อเทียบกับมาเลเซีย

เพจ Open Up เขาโพสต์ให้คำตอบดังนี้ครับ

-----------------

...ก็ช่วงนี้อย่างที่หลายๆ คนรู้กันอยู่ว่าน้ำมันบ้านเราราคาสูงขึ้น จนคนชอบนำราคาน้ำมันบ้านเราไปเทียบกับราคาน้ำมันจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่เอาจริงมันมีเหตุผลที่สมเหตุสมผลซึ่งจากที่แอดไปหาข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง แอดเลยจะขอสรุปให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ ๕ ข้อ ด้วยกันครับ

๑.ปริมาณในการผลิตต่างกัน

ที่มันเป็นแบบนั้นก็เพราะว่าประเทศไทยของเราผลิตน้ำมันได้น้อยกว่าประเทศมาเลเซีย โดยไทยผลิตน้ำมันได้แค่ ๒.๒ แสนบาร์เรล/วัน แต่ว่ามาเลเซียผลิตได้ ๖.๔  แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งมากกว่าประเทศไทยถึง ๓ เท่า แถมยังมีน้ำมันสำรองถึง ๓,๐๐๐ ล้านบาร์เรล ซึ่งทำให้มาเลเซียมีน้ำมันใช้ได้ถึง ๑๕ ปีเลยทีเดียว

๒.ความต้องการใช้ไม่เท่ากัน

ประชากรของประเทศมาเลเซียนั้นมีจำนวนแค่  ๓๒.๓๗ ล้าน ซึ่งน้อยกว่าประเทศไทยที่มีถึง ๖๙.๘ ล้าน  แน่นอนครับว่าประชากรต่างกันขนาดนี้ไม่แปลกที่ปริมาณการใช้น้ำมันของไทยจะสูงกว่า

๓.การเก็บภาษีที่ต่างกัน

ซึ่งประเทศมาเลเซียนั้นไม่มีการเก็บภาษีน้ำมัน นั่นทำให้ทางรัฐบาลของเขาขาดรายได้จากตรงนี้ และทำให้รัฐบาลของเขาก็ต้องไปหารายได้จากทางอื่นแทน

๔.รัฐช่วยเหลือคนละแบบ

ประเทศไทยรัฐช่วยพยุงราคาน้ำมันไว้ แต่ที่มาเลเซีย รัฐนำกำไรจากการขายน้ำมันที่เหลือโดยการเอาน้ำมันพวกนั้นไปส่งออกในราคาตลาดโลก หลังจากนั้นก็นำเงินมาช่วยอุดหนุนคนในประเทศ

๕.คุณภาพที่ต่างกัน

ไทยเราคุณภาพดีกว่าเพราะได้มาตรฐาน Euro 4  แต่ของมาเลเซียได้มาตรฐานแค่ Euro 2 นั่นทำให้ไทยเราใช้ต้นทุนที่สูงกว่ามาเลเซีย

สรุปทั้ง ๒ ประเทศก็มีอะไรหลายๆ อย่างที่ต่างกัน ทั้งปัจจัยการผลิต ต้นทุน ประชากร หรือการช่วยเหลือจากทางรัฐ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องของการจัดการของทั้ง ๒ ประเทศ จะเอามาเหมารวมแอดมองว่ามันไม่แฟร์เลย...

-------------------------

อ่านจบคลายข้อสงสัยได้ แต่คลายความอยากไม่ได้

มีคนบอกว่าให้ยกเลิกภาษีสรรพสามิต เลิกกองทุนน้ำมัน ทำเหมือนมาเลเซีย คนไทยจะได้ใช้น้ำมันราคาถูก

ที่จริงอยากให้พรรคการเมืองมีนโยบาย ยกเลิกภาษีสรรพสามิต เลิกกองทุนน้ำมัน ประชาชนจะได้แห่ไปลงคะแนนให้ จากนั้นจะได้รู้ว่า หายนะที่ต้องเจอคืออะไร

แต่ละพรรคการเมืองรู้ดีครับว่ามันทำไม่ได้ ถึงไม่มีนโยบายแบบนี้ออกมา

ปีหลังๆ มานี้ภาษีสรรพสามิตน้ำมันจัดเก็บได้ระดับแสนล้านบาท

ทั้งหมดถูกส่งคืนในรูปงบประมาณแผ่นดิน

ภาษีคือความรับผิดชอบร่วมกันของประชาชน หากประชาชนไม่เสียภาษีแต่อยากให้ประเทศพัฒนารุดหน้า  มันคือความย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิง

รายได้ของรัฐคือภาษีในรูปแบบต่างๆ

รัฐบาลไม่ใช่พ่อค้า ที่จะไปสร้างกำไรในรูปแบบอื่นๆ  เพื่อนำเม็ดเงินมาใช้ในการบริหารประเทศ ฉะนั้นรายได้จากการจัดเก็บภาษีจึงเป็นรายได้หลักของรัฐ

ทั่วโลกเป็นเหมือนกันหมด

มีข้อมูลผิดๆ บางคนบอกว่าประเทศไทยขุดน้ำมันเองและส่งออก ฉะนั้นราคาน้ำมันต้องถูก ชุดความนี้มีมานาน  แต่ก็ยังเข้าใจผิดกันอยู่เรื่อยๆ

เปรียบเทียบง่ายๆ เห็นชัดๆ มี ๒ ครอบครัว ทำนาเหมือนกันในที่ดินแปลงเท่ากัน ผลผลิตออกมาเท่ากัน

ครอบครัวแรกมีสมาชิกในบ้าน ๑๐ คน อีกครอบครัวมี ๓ คน

ครอบครัวแรกปลูกไม่พอกิน ต้องซื้อมาเพิ่ม อีกครอบครัวเกินพอ ที่เหลือเอาไปขาย          

สถานการณ์ด้านพลังงานของไทยกับมาเลเซียและบรูไนเป็นแบบนี้ครับ

หากประเทศไทยมีพลเมืองแค่ ๒๐ ล้านคน ไทยจะเป็นประเทศส่งออกน้ำมันและรัฐสามารถอุดหนุนแบบมาเลเซีย บรูไน ได้

แต่ข้อเท็จจริงคือ ไทยเป็นประเทศนำเข้าน้ำมัน วันนี้ความเดือดร้อนเกิดขึ้นแน่ไม่เฉพาะไทย แต่ทั่วโลก

น้ำมันมีขึ้นและมีลง ขาลงถูกคาดการณ์ว่าปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า

ฉะนั้นต้องกัดฟันสู้ครับ.