วินาทีนี้ไม่พูดถึงไม่ได้แล้ว
อย่างที่ทราบครับ นักวอลเลย์บอลสาวไทย สร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบ ๘ ทีมสุดท้าย เนชันส์ลีก ๒๐๒๒ ไปเรียบร้อย
เฝ้าหน้าจอกันต่อ ๑๓ กรกฎาคมเป็นต้นไป คราวนี้หนักกว่าเดิม เพราะเป็นรอบน็อกเอาต์ ใครแพ้ออก ผู้ชนะได้ไปต่อ
ออนทัวร์
เห็นรายชื่อประเทศคู่แข่งแล้ว หนักใจแทนอยู่เหมือนกันครับ เบอร์ต้นๆ ของโลกทั้งนั้น สหรัฐฯ, บราซิล, ญี่ปุ่น, อิตาลี, จีน, เซอร์เบีย และ ตุรเคีย (เจ้าภาพ)
แต่รอบที่ผ่านมาสาวๆ ของเราก็ทุบ จีน กับเซอร์เบียมาแล้ว
ก็ไม่มีอะไรต้องเกรงกันอีก
วันนี้ทีมวอลเลย์สาวไทยลบคำสบประมาทที่ว่า คนไทยทำงานเป็นทีมไม่เก่งลงไปอย่างสิ้นเชิง
กว่าจะเดินทางมาถึงวันนี้ ใช่ว่าจู่ๆ จะเก่งขึ้นมาได้โดยไม่ลงมือทำอะไรเลย ต้องผ่านการปฏิรูประบบ ผ่านการวางรากฐาน ผ่านการทุ่มเท ผ่านการปรับทัศนคติ
แต่ยากที่สุดคือจุดเริ่ม
เริ่มตรงไหน อย่างไร โดยใคร
มันไม่ต่างไปจากการจะปฏิรูปอะไรสักอย่างในบ้านเมืองนี้ จุดเริ่มต้นเป็นสิ่งสำคัญ
ทุกคนรู้จัก "โค้ชอ๊อต-เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร" กันดีอยู่แล้ว
นี่คือจุดเริ่มต้น
เป็นความปรารถนาอยากเห็นทีมวอลเลย์บอลหญิงไทยไปสู่ระดับโลก
ก่อนปี ๒๕๔๐ ใครได้ยินคำพูดนี้ คงคิดไม่ต่างกัน เพ้อเจ้อ บ้าหรือเปล่า วอลเลย์บอลเป็นกีฬาสำหรับคนตัวสูง ไม่ใช่สรีระอย่างคนไทย
รัฐไม่อยากทุ่ม เอกชนก็ยังไม่เต็มร้อยที่จะสนับสนุน
แต่วันนี้ นักตบสาวไทย ฉีกทุกกฎราบคาบ ยืนหนึ่งใน ๘ ทีมสุดท้าย เนชันส์ลีก ๒๐๒๒ ได้สำเร็จ และกำลังจะก้าวต่อไป
แล้วกีฬายอดฮิตอื่นๆ เช่นฟุตบอลทำไม่ได้หรือ ลีกอาชีพในประเทศก็มี แต่ทำไมยังก้าวไม่พ้นอาเซียน
ฟุตบอลโลก ๒๐๒๖ ที่สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และ เม็กซิโก เป็นเจ้าภาพร่วมกัน ทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เพิ่มทีมในรอบสุดท้ายจาก ๓๒ ทีมเป็น ๔๘ทีม
ทวีปเอเชียจะได้โควตาเพิ่มเป็น ๘ ที่นั่ง
โอกาสที่ไทยจะเป็น ๑ ใน ๘ พอมี
แต่ถามว่ามั่นใจหรือเปล่าว่าทำได้ หันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า ได้ไปแน่ร้อยเปอร์เซ็นต์
วงการฟุตบอลต้องมีคนที่มุ่งมั่นกล้าคิดกล้าทำแบบโค้ชอ๊อต
ต้องมีจุดเริ่มต้น
ใครจะเริ่ม และเริ่มตรงไหน
เช่นกันครับ การปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูประบบตรวจสอบคอร์รัปชัน ยันปฏิรูปศีลธรรมจริยธรรมของนักการเมือง เรายังไม่เฉียดคำว่าเริ่มต้นเลย
และยังมองไม่ออกว่า คนแบบ "โค้ชอ๊อต" ที่จะมาปฏิรูป มีจริงหรือไม่ หรือหาไม่ได้เลยในชาตินี้
เปรียบเทียบกับเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ๒ ประเทศนี้ ผ่านการปฏิรูปไปหลายด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม กีฬา เขาปฏิรูปอย่างเป็นระบบ
ทุกสิ่งทุกอย่างพัฒนาไปพร้อมๆ กัน
รวมถึงพลเมืองที่โตไปอย่างมีคุณภาพ
แต่ไทยไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ การยกระดับไม่มีระบบ เพราะฝ่ายการเมืองไร้ระเบียบ พร้อมที่จะฉีกกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง
สิบกว่าปีมานี้การต่อสู้ทางการเมืองมีการอ้างเพื่อประโยชน์ประชาชน แต่เนื้อในเป็นเช่นนั้นจริงหรือ?
และสิ่งที่นักการเมืองปล่อยปละละเลยจนทุกอย่างเลยเถิดมาถึงทุกวันนี้คือ ทัศนคติที่เกิดจากชุดความคิดที่บิดเบือนความจริงมันฝังลึกเข้าไปอยู่ในดีเอ็นเอ
สิ่งนี้นำไปสู่ความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างแบบสุดโต่ง และยากที่จะประสานกลับมาเป็นเนื้อเดียวกันในฐานะ พลเมืองที่ดีของประเทศ
ขณะที่นักการเมืองไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย
มิหนำซ้ำกลับใช้ประโยชน์แบบนำมาใช้ซ้ำเรื่อยๆ
ความขัดแย้งทางการเมือง มันซับซ้อน และซึมลึกกว่าที่หลายๆ คนคิด
การสลายความขัดแย้งอาจต้องใช้เวลาถึง ๑ รุ่นคนหรือมากกว่านั้น
กว่าคนไทยจะเป็นทีมเดียวกันได้ต้องอาศัยเวลาที่นานมากจริงๆ
ปัจจุบันการจำแนกฝ่าย จำแนกกลุ่ม ไม่ใช่เรื่องง่าย และเริ่มเป็นปัญหากระทบกับทุกฝ่าย ภายใต้สังคมที่ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
ซึ่งถือว่าอันตรายมาก
เพราะแม้จะอยู่ภายใต้กลุ่มก้อนเดียวกัน ทีมเดียวกัน ก็พร้อมที่จะห้ำหั่นกันหากไม่ถูกใจ
สังคมที่มีความอดทนต่ำ ไม่ทนกับสิ่งที่ไม่ถูกใจ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ได้เข้าครอบงำจนแทบจะกลายเป็นกระแสหลักในการแสดงความคิดความเห็นผ่านโลกโซเชียลแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่า เรามาถึงวันที่ คนอย่าง "ปิยบุตร แสงกนกกุล" จะถูกทัวร์ลง
ทัวร์ที่ลงไม่ใช่ทัวร์จากอีกขั้วการเมือง
แต่เป็นทัวร์ที่สนับสนุน "ชัชชาติ สิทธิพันธุ์"
คนที่สนับสนุน "ชัชชาติ" ก็อยู่ในเครือข่าย พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า
วันก่อนโน้น "ปิยบุตร" พูดถึง "ชัชชาติ" ว่า เป็นนีโอลิเบอรัลที่เป็นประชาธิปไตยในทางการเมือง ให้พื้นที่การแสดงออกของพลเมือง
แต่ในทางเศรษฐกิจ เสรีนิยมสุดๆ
ให้เอกชนทำบริการสาธารณะ ทำให้ตกอยู่ภายใต้กฎของกำไร-ขาดทุน มากกว่า บริการประชาชน ความเสมอภาคเท่าเทียม
เท่านั้นแหละครับ โดนทัวร์เหยียบติดดิน!
องครักษ์พิทักษ์ชัชชาติกระหน่ำซะ
มองในแง่ข้อเท็จจริง จะเห็นว่า "ชัชชาติ" พยายามเล่นบทเป็นกลางอยู่เหมือนกัน
วันที่ไปหา "ลุงตู่" ที่ทำเนียบรัฐบาล บอกว่า "ลุงตู่" เป็นผู้ใหญ่ที่เมตตา
วันที่ไปเจอม็อบสามนิ้วบอกว่า
"ผมก็อดทนมา ๘ ปี ตั้งแต่ปฏิวัติมา แต่เราต้องมียุทธศาสตร์ในการเดิน เขาบอกว่า อันนี้อาจไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะ ภาษาอังกฤษว่า The revenge is best when served cold. การแก้แค้นจะดีที่สุดเมื่อตอนที่มันเย็นแล้ว อย่าไปเอาความโกรธความแค้นมาทำ การกำหนด strategy ในการเดิน"
"ชัชชาติ" พยายามสร้างความพึงพอใจให้ทุกคน แต่มวลชนที่เดินตามหลังซึ่งมาจากกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ก้าวไกล คณะก้าวหน้า รวมทั้งขั้วการเมืองฝั่งตรงข้ามประปราย ปรับอารมณ์ตามไม่ทัน
เพราะความแตกแยกถูกตอกลิ่มมานานนับทศวรรษโดยฝ่ายการเมืองมันไม่มีที่ว่างพอสำหรับคำว่า "สปิริตทางการเมือง"
มันจึงย้อนกลับเข้าหาตัวนักการเมืองเอง
ครั้งหนึ่งมวลชนทีม "ปิยบุตร-ชัชชาติ" ด้อยค่าการเมืองฝ่ายตรงข้าม ในวันนั้นได้ใส่ใจกับคำว่า "ทัวร์ลง" บ้างหรือเปล่า
เครือข่ายพรรคเพื่อไทย ก้าวไกล คณะก้าวหน้า พาทัวร์ลง สถาบันพระมหากษัตริย์ มีใครออกมาห้ามปรามบ้างหรือไม่
เมื่อ "ปิยบุตร" รู้ซึ้งแล้วว่า วัฒนธรรม “ทัวร์ลง” ทำให้คนจำนวนมาก “เลือก” ที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่เสี่ยงทำให้ “ทัวร์ลง”
"ปิยบุตร" ก็รู้ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ นั้นยิ่งกว่า เพราะไม่อาจออกมาพูดตอบโต้ใครได้ เมื่อทัวร์ลง
ใจเขาใจเรา เมื่อใจเรารู้แล้วว่าทัวร์ลงเป็นอย่างไร
วันข้างหน้านึกถึงใจเขาเยอะๆ ครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เจอตอ ชั้น ๑๔
งวดเข้ามาทุกทีครับ... หากไม่มีอะไรผิดพลาด วันที่ ๑๕ มกราคมนี้ พยานหลักฐานกรณีนักโทษเทวาดาชั้น ๑๔ น่าจะอยู่ในมืออนุกรรมการสอบสวนชุดเฉพาะกิจแพทยสภา ชุดที่ คุณหมออมร ลีลารัศมี เป็นประธาน ครบถ้วนสมบูรณ์
'ทักษิณ' ตายเพราะปาก
แนวโน้มเริ่มมา... ปลาหมอกำลังจะตายเพราะปาก เรื่องที่ "ทักษิณ ชินวัตร" ไปปราศรัยใหญ่โต เวทีเลือกตั้งนายก อบจ.หลายจังหวัด ทำท่าจะเป็นเรื่องแล้วครับ
พ่อลูกพาลงเหว
มันชักจะยังไง.... พ่อลูกคู่นี้จะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว ก่อนนี้ "ทักษิณ" ริ "ยิ่งลักษณ์" ยำ
นี่แหละตัวอันตราย
การเมืองปีงูเล็กจะลอกคราบ เริ่มต้นใหม่ ไฉไล กว่าเดิม หรือจะดุเดือดเลือดพล่าน ไล่กะซวก เลือดสาดกันไปข้าง
แก้รัฐธรรมนูญแกงส้ม
ก็เผื่อไว้... อาจจะมีการลักไก่ ลัดขั้นตอนแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
เบื้องหลังผู้ลี้ภัย
เริ่มต้นปีก็ประกาศกันคึกคักแล้วครับ ทั้งฝั่งตรวจสอบ "ทักษิณ" ยัน "ผู้ลี้ภัย" สำหรับ "ทักษิณ" ปีนี้น่าจะโดนหลายดอกตั้งแต่ต้นปี