ถ้าเงินเฟ้อพุ่งไปที่ 8%...

ผมตั้งวงคุยในหลายรายการเพื่อหาแนววิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจที่กำลังตกสะเก็ดอย่างแรงสำหรับทั้งโลก...และคนไทยเป็นจำนวนมาก

ผมมีคำถามว่า ประเทศไทยจะเจอกับภาวะ Stagflation คือเศรษฐกิจฝืดเคืองขณะที่เงินเฟ้อพุ่งขึ้นด้วยแล้วหรือยัง

และถ้าเกิดแล้วเราจะทำอย่างไร

คำตอบที่ได้มาน่าจะสรุปว่าเรากำลังเจอกับสภาวะ “ฝืดด้วยเฟ้อด้วย” ค่อนข้างแน่นอน

ไม่ว่าจะเข้าข่ายนิยามของคำว่า recession หรือ “เศรษฐกิจถดถอย” แล้วหรือยังก็ตาม

ผู้รู้ส่วนใหญ่ยืนยันตรงกันว่า คนไทยต้องเผชิญกับความยากลำบากทางด้านเศรษฐกิจไปอีกระยะหนึ่งแน่นอน

ยิ่งถ้าหากสงครามยูเครนยืดเยื้อไปถึงสิ้นปีนี้ ก็คาดการณ์ได้ว่าปัจจัยที่เลวร้ายอยู่ขณะนี้จะยิ่งเสื่อมทรุดลงไปอีก

โดยเฉพาะคนหาเช้ากินค่ำและชนชั้นกลางที่อยู่ด้วยรายได้ประจำ

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังพุ่งทะยาน...แบงก์ชาติพยากรณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยจะวิ่งขึ้นไปประมาณ 7.5%

และจะขึ้นสูงสุดในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งอาจจะแตะ 8% ได้ด้วยซ้ำไป

แปลว่าราคาข้าวของที่แพงขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะนี้จะขยับขึ้นไปอีก

โดยไม่สามารถจะบอกได้ว่ามันจะ “พีก” หรือถึงจุดสูงสุด ณ จุดไหนด้วยซ้ำ

ฝ่ายวิชาการของธนาคารแห่งประเทศไทยบอกว่า เศรษฐกิจไทยเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาดีขึ้นต่อเนื่องหากเทียบกับเดือนก่อนหน้านั้น

แต่ภาคธุรกิจยังได้รับแรงกดดันจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่กำลังซื้ออ่อนแอ

โดยเผยว่า 5 เดือนแรกปีนี้ ไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

คุณชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารการสื่อสารองค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ข้อมูลว่า ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านนั้นเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อน

ปัจจัยที่สำคัญคือ การใช้จ่ายภายในประเทศที่กระเตื้องขึ้น และการส่งออกสินค้า อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ขณะที่ตลาดแรงงานค่อยๆ ทยอยฟื้นตัว แม้ว่าจะยังไม่กลับมาเท่ากับช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 ก็ตาม

แต่ภาคอุตสาหกรรมยังคงได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิต

ทำให้การผลิตในบางภาคส่วนได้รับผลกระทบ และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเร่งตัวขึ้นตามหมวดพลังงานเป็นสำคัญ

แล้วแนวโน้มสำหรับเดือนมิถุนายนเป็นอย่างไร

แบงก์ชาติคาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง เพราะจากเครื่องชี้วัดทั้ง google mobility และดัชนีชี้วัดการเดินทางของประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ พบว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

แต่จะไม่ใช่เป็นการเพิ่มขึ้นหวือหวา

จากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการระหว่างวันที่ 1-20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการระบุว่า เศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง

แม้ว่าจะมีประเด็นเกี่ยวกับต้นทุนและราคาสินค้าที่สูง ซึ่งเป็นปัจจัยที่กดดันการฟื้นตัวอยู่

โดยในกลุ่มภาคการผลิต ภาวะธุรกิจปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยเฉพาะกลุ่มส่งออกอาหาร ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการที่หลายประเทศระงับการส่งออกอาหาร

ภาคบริการดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มโรงแรมและร้านอาหาร รวมทั้งการขนส่งสินค้า จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นและกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว

ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ พบว่าความต้องการบ้านแนวราบยังมีอยู่

แต่จากสถานการณ์ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น และความกังวลเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่จะสูงขึ้น ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวมยังทรงๆ อยู่

กลุ่มก่อสร้าง การลงทุนมีการฟื้นตัว แต่ยังมีแรงกดดันจากราคาวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น

ส่วนภาคการค้า พบว่าสินค้าอุปโภคบริโภคได้รับแรงกดดันจากราคาที่ปรับเพิ่มขึ้น และกำลังซื้อของประชาชนที่อ่อนแอ ทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคบางหมวดลดลงบ้าง

ขณะที่ยอดขายสินค้าคงทน เช่น รถยนต์ จะพบว่ารถยนต์บางรุ่นมียอดผลิตและจัดส่งเพิ่มขึ้น แต่บางรุ่นมียอดจองลดลง

ส่วนหนึ่งมาจากกำลังซื้อที่เปราะบาง และการขาดแคลนชิปเซต ทำให้การส่งมอบต้องใช้เวลา ส่งผลให้ผู้บริโภคบางส่วนชะลอการตัดสินใจ

คุณชญาวดีแจ้งว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ ธปท.ต้องติดตามในระยะต่อไป ได้แก่

1.การปรับเพิ่มขึ้นของต้นทุนและราคาสินค้า

2.ปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนว่าจะคลี่คลายได้เร็วแค่ไหน และ

3.การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและภาคบริการ

โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังภาคการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง

 “ตามเครื่องชี้ 2 เดือน (เม.ย.-พ.ค.2565) เศรษฐกิจในภาพรวมฟื้นตัวต่อเนื่อง และถ้าเทียบตัวเลขปีต่อปี เครื่องชี้หลายตัวขึ้นค่อนข้างดี เราจึงมองว่าเศรษฐกิจเรายังขยายตัวได้ต่อเนื่อง และนับตั้งแต่ช่วงนี้เป็นต้นไป ก็จะเห็นภาพการฟื้นตัวที่ดีขึ้น และชัดเจนขึ้น ส่วนเงินเฟ้อนั้น ในช่วงไตรมาสที่ 3 น่าจะเป็นช่วงเงินเฟ้อสูงที่สุดในปีนี้” คุณชญาวดีบอก

มีความกังวลเรื่องเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดแตะที่ใกล้ 36 บาทต่อดอลลาร์

ผู้บริหาร ธปท.บอกว่าคงพูดลำบากว่าตัวเลขจะเป็นเท่าไหร่ ในช่วงที่ผ่านมา ด้วยสถานการณ์ของโลกที่มีความเสี่ยงค่อนข้างมาก ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นที่ต้องการ ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า

ประกอบกับดอกเบี้ยในสหรัฐปรับเพิ่มขึ้น จึงทำให้คนหันไปถือเงินดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น

 “เราเป็นอีกด้านหนึ่งของเหรียญ เมื่อดอลลาร์แข็ง เราจะได้รับแรงกดดันด้านอ่อนค่าอยู่แล้ว แต่ถามว่าจะอ่อนไปแค่ไหนนั้น ต้องมองภาพเศรษฐกิจ เพราะค่าเงินควรสะท้อนภาพเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้น ในช่วงหลังของปี หากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวกลับเข้ามา ก็คิดว่าความผันผวนด้านอ่อนคงไม่หวือหวา แต่ทั้งนี้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านต่างประเทศด้วย”

พรุ่งนี้คุยเรื่อง 6 ความเสี่ยงสำหรับคนไทยในภาวะปั่นป่วนผันผวนยิ่งครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ