ประวัติศาสตร์คือเรื่องราวในอดีตที่มีการบันทึกไว้ เป็นเรื่องเล่าบ้าง เป็นตำนานบ้าง เป็นความจริงเชิงประจักษ์บ้าง เป็นการสันนิษฐานบ้าง เป็นการตีความบ้าง มีทั้งสิ่งที่ยืนยันว่าเป็นความจริงเชิงประจักษ์ และมีทั้งที่คนเขียนประวัติศาสตร์ยอมรับว่าเป็นข้อสันนิษฐาน สำหรับความจริงเชิงประจักษ์นั้น คนที่บันทึกอยู่ในสถานการณ์ หรืออยู่ในช่วงเวลาที่เกิดปรากฏการณ์ที่เป็นเรื่องเล่าในประวัติศาสตร์ จึงเป็นการเล่าจากผู้มีประสบการณ์ตรง ไม่ได้เล่าจากการตีความหรือการสันนิษฐาน
ดังนั้นเรื่องที่เล่าจึงเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ และสิ่งใดที่เกิดขึ้นเป็นประวัติศาสตร์แล้วก็จะเป็นเรื่องที่ลบไม่ได้
ดังนั้นคนเราก่อนจะทำอะไรลงไป ต้องคิดให้ดีว่าสิ่งที่เราทำนั้นจะถูกบันทึกไว้อย่างไรในประวัติศาสตร์ จะเป็นการเล่าขานกันด้วยความรู้สึกยกย่อง ให้เกียรติ เทิดทูนและชื่นชมคุณงามความดีของบุคคลในประวัติศาสตร์ หรือเรื่องที่เล่าจะเป็นเรื่องที่ผู้คนก่นด่าสาปแช่ง เพราะบุคคลในเรื่องที่เล่านั้นทำตัวชั่วช้าสามานย์ที่สมควรกับคำด่า
เวลานี้มีคนที่กลัวประวัติศาสตร์ เพราะในอดีตที่ผ่านมานั้นได้ทำเรื่องเลวร้ายเอาไว้มากมาย และเป็นการกระทำสิ่งเลวร้ายที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าทำชั่วจริง หลายสิ่งที่ทำนั้นเป็นคดีขึ้นโรงขึ้นศาล และศาลก็ได้ตัดสินแล้วว่ามีความผิดจริง ประกาศตัดสินลงโทษให้ติดคุกเท่านั้นเท่านี้ปี และหลายคดีรวมกัน จะต้องติดคุกมากกว่า 10 ปี แต่ก็หนีไป ไม่ยอมติดคุก และกล่าวหาแบบหมิ่นศาลว่าถูกกลั่นแกล้งบ้าง ศาลไม่ยุติธรรมบ้าง ศาลไม่มีอิสระในการตัดสินบ้าง ศาลตัดสินอย่างไม่เป็นธรรมบ้าง ทั้งๆ ที่ทุกครั้งที่มีการตัดสินแต่ละคดีนั้น ผู้พิพากษาอ่านข้อความในการตัดสินอย่างละเอียด ใช้เวลาเป็นวันๆ ข้อความที่ศาลใช้ตัดสินยาวขนาดนั้น ถ้าหากจะเป็นการปั้นเรื่องขึ้นมาเพื่อกลั่นแกล้งคนที่เป็นจำเลย ผู้พิพากษาคงต้องทำงานหนักมากกว่าที่ทำมาอีกเป็นสิบๆ เท่า ผู้พิพากษาจะต้องเป็นนักแต่งนิยายที่สมควรได้รับรางวัลเลย
บัดนี้ พวกเขาที่เคยทำผิดจนศาลตัดสินให้ติดคุก ต้องการกลับมาเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ต้องการมีอำนาจเพื่อจะทำอะไรบางอย่างที่เป็นวาระส่วนตัว จึงมีความพยายามในการจะรณรงค์ให้ชนะการเลือกตั้งแบบ Landslide ดังนั้นคนที่ไม่ต้องการให้ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นนั้นกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ก็เลยจำเป็นต้องเอาความจริงเชิงประจักษ์ที่ได้บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์มาบอกมาเล่าให้ประชาชนได้รับรู้ เป็นการเตือนใจกันว่าคนที่พยายามจะเป็นใหญ่ในแผ่นดินในเวลานี้ เป็นใคร และทำอะไรไว้บ้าง
คนส่วนใหญ่ที่พยายามออกมาเล่าเตือนใจประชาชน ก็มักจะถูกมองว่าเป็นติ่งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคนสนับสนุนเผด็จการบ้าง เป็นคนที่ปูทางให้ทหารออกมาทำรัฐประหารบ้าง ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง คนที่เขาออกมาไล่รัฐบาลที่ไม่มีจริยธรรม ไม่ได้บริหารประเทศด้วยหลักการของธรรมาภิบาลนั้น เขาไม่ได้มีเจตนาให้เกิดรัฐประหาร แต่เขาต้องการให้เป็นการปฏิวัติของประชาชน แต่รัฐบาลก็หน้าด้านหน้าทน ไม่ฟังเสียงเรียกร้องของประชาชน และผู้ชุมนุมเริ่มถูกทำร้าย มีทั้งบาดเจ็บ มีทั้งตายเป็นจำนวนมาก อีกทั้งรัฐบาลรักษาการในเวลานั้นไม่สามารถทำอะไรได้เต็มที่ในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ทหารจึงจำเป็นต้งออกมายึดอำนาจเพื่อจะแก้ปัญหาของประเทศ ดังนั้นการกล่าวหาว่าผู้ชุมนุมเป็นผู้สนับสนุนเผด็จการ และเรียกให้ทหารออกมายึดอำนาจจึงเป็นข้อความที่เป็นเท็จ
ในยามนี้ที่มีผู้คนออกมาเตือนความจำประชาชน ด้วยการเล่าประวัติศาสตร์ที่เป็นเรื่องราวของการทำผิดคิดชั่วของคนบางคน ก็จะถูกเรียกร้องให้ก้าวข้าม หมายความว่าให้เลิกพูดได้แล้ว ก็จะขอบอกว่าคนเราเจ็บแล้วต้องจำ และเมื่อคนทำผิดไม่ได้สำนึก และไม่หยุดการกระทำที่เป็นปัญหากับประเทศชาติ ความต้องการเล่าประวัติศาสตร์เกี่ยวกับความชั่วร้ายที่เป็นความจริงเชิงประจักษ์ก็จะต้องดำเนินอีกต่อไป เพราะถ้าหากไม่เอามาเล่า ไม่เอามาเตือนใจประชาชนให้จดจำความชั่วร้าย อาจจะทำให้คนหลงเชื่อการรณรงค์ของเขา เกิดอาการเบื่อนายกรัฐมนตรีที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วหันไปหาคนที่เคยทำผิดคิดชั่วกับประเทศไทยก็ได้ ดูเหมือนพวกเขากลัวประวัติศาสตร์ที่เป็นความจริง จึงออกมาเรียกร้องให้ผู้คนที่กำลังเล่าความชั่วของเขาให้ประชาชนฟัง และยังพูดต่อไปอีกว่าพวกที่เล่าเรื่องจริงที่เป็นประวัติศาสตร์ความเลวร้ายของพวกเขานั้นเป็นความเท็จ
อันที่จริงการจะกล่าวหาว่าใครพูดเท็จนั้น อย่าพูดลอยๆ ควรพูดออกมาเลย เรื่องเล่าเรื่องไหนที่ไม่จริง ทำไมไม่พูดออกมา หรือรู้ดีว่าถ้าพูดออกมา คนที่เขาเป็นคนเล่าประวัติศาสตร์สามารถชี้แจงได้ว่าเขาไม่ได้พูดเท็จ เขาพูดเรื่องจริง เวลานี้การนำเสนอหลักฐานสนับสนุนคำพูดนั้นไม่ยากเลย ไปหาดูการนำเสนอเรื่องราวการกระทำของพวกเขาบนพื้นที่ของ Social Media มีมากพอจะมาเป็นหลักฐานยืนยันได้ว่าเรื่องที่เล่าเป็นเรื่องจริง นอกจากนั้นแล้ว คนที่ต้องการพิสูจน์ว่าพวกเขาเล่าประวัติศาสตร์ด้วยเรื่องจริง สามารถไปเอาคำพิพากษาของศาลมายืนยันคำพูดก็ได้ เพราะเนื้อหาในการตัดสินของศาลนั้น ชัดเจน ละเอียดมากพอที่จะยืนยันว่าพวกเขาทำผิดจริง และคนที่เล่าประวัติศาสตร์ก็เล่าตามที่ได้ยินได้ฟังคำพิพากษานี่แหละ แล้วคนที่กลัวความจริงเชิงประจักษ์ในประวัติศาสตร์จะมากล่าวหาคนที่เล่าประวัติศาสตร์ว่าเป็นคนพูดเท็จได้อย่างไร
จงจำไว้เถิดว่า “ประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่ลบไม่ได้” การบันทึกประวัติศาสตร์สมัยนี้อยู่บนพื้นที่ Social Media เป็น Digital Footprint ที่หาได้ง่ายมาก ป่วยการที่จะปฏิเสธความจริงเชิงประจักษ์ ถ้าหากกลัวว่าจะมีคนเล่าเรื่องราวความเลวร้ายของตนเอง ก็อย่าทำชั่วให้เป็นความจริงเชิงประจักษ์ คนเขาบันทึกไว้ แล้วเอามาเล่าขานกันไม่รู้จบ และเวลาที่คนเขาเอาเรื่องราวความชั่วร้ายที่ทำไว้มาเล่าเพื่อไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ก็อย่ามาโอดครวญเรียกร้องให้พวกเขาก้าวข้าม และอย่าเที่ยวกล่าวหาคนอื่นว่าเขาพูดเท็จ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายนะคะ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ
ดร.เสรี ลั่นรังเกียจ วาทกรรมแซะสถาบัน
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า เกิดวาทกรรมใหม่ "ใบอนุญาตที่ 2"
เด็กฝึกงาน...ไม่ผ่านโปร
ฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยหลังจากรู้ผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพที่สร้างความกังวลให้กับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคส้มหรือพรรคแดง
'ความเป็นไทย' กับกรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-ภาคใต้
ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง
ได้ฤกษ์ 'นายพล' ล็อต 2
ผ่านเดดไลน์ตามคำสั่ง ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกหน่วยส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
'ดร.เสรี' กรีดเหวอะ! ใครมีลูกสาวเก่งพอที่จะเป็นนายกฯ ต้องบอกลูกให้มีผัว 9 คนอยู่ใน 9 ภาค
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า ใครมีลูกสาวที่เก่งพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ต้องบอกลูกนะคะ