เมื่อวานผมเขียนถึงการที่นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะจากประเทศไทยไปร่วมประชุม COP26 ที่เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร ในช่วงนี้
เป็นการประชุมสู้โลกร้อนระดับโลกที่มีความสำคัญต่อมนุษยชาติ
แต่ก็มีปัญหาว่าประเทศยักษ์ๆ ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของปัญหาโลกร้อนนั้นจะเอาจริงกับสิ่งที่ตนรับปากหรือไม่
สหรัฐฯ กับจีนคือ “จำเลย” ใหญ่ เพราะมีอุตสาหกรรมที่มีส่วนก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนมากกว่าใครคนอื่น
การเผชิญหน้าทางการเมืองระหว่างสองมหาอำนาจนี้จะนำไปสู่การแก้ไขอย่างจริงจังหรือไม่
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ให้วอชิงตันกลับมาร่วม Paris Agreement หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนอเมริกาออก
แต่ไบเดนจะต้องต่อรองกับ สี จิ้นผิง แห่งปักกิ่งหนักหน่วงเพียงใด
การที่ผู้นำจีนลังเลที่จะเข้าร่วมประชุมด้วยตนเอง แต่ประชุมผ่านวิดีโอแทน เป็นการส่งสัญญาณทางลบมากน้อยเพียงใด
นั่นคือคำถามที่ต้องหาคำตอบให้ได้ จึงจะทำให้เราเห็นภาพที่แท้จริงของกระบวนการแก้ปัญหาโลกร้อน
ประเทศไทยเรายืนอยู่ตรงไหนของเวทีระหว่างประเทศที่มีสมาชิกถึง 197 ประเทศ?
ต้องถือว่าไทยเป็น “เด็กดี” ในเรื่องนี้...ระดับหนึ่ง
แต่ยังต้องทำอะไรอีกมากเพื่อให้เราเป็นหนึ่งในประเทศที่ “เอาจริงเอาจัง” กับปัญหาระดับโลก
ที่ผ่านมาไทยได้ร่วมลงนามและให้สัตยาบันในกฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมเสมอมา
เช่น อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC)
พิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol)
และความตกลงปารีส (Paris Agreement)
การที่นายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชานำคณะเข้าร่วมประชุม COP26 ก็คงต้องการยืนยันเจตนารมณ์ของประเทศไทยที่จะมุ่งสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุด ในปี ค.ศ.2030 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ “เป็นศูนย์” ให้เร็วที่สุดในช่วงครึ่งหลังศตวรรษนี้
และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ.2065
รายงานทางการบอกว่า แนวทางการลดก๊าซเรือนกระจกของไทยอยู่ที่ร้อยละ 20–25 ภายในปี ค.ศ.2030
โดยจะเน้นการดำเนินการใน 3 สาขา ได้แก่
พลังงานและขนส่ง
กระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์
และการจัดการของเสียของชุมชน
รายงานของทางราชการไทยแจ้งว่า ภาคส่วนที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงที่สุดของไทยคือ "ภาคพลังงาน" กว่า 73%
ซึ่งในระดับโลกเราถือเป็นอันดับ 21 ของโลกที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกราวๆ 350 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี
นั่นย่อมแปลว่าโจทย์สำคัญที่ประเทศไทยจะต้องทำให้ได้คือ การเปลี่ยนมาใช้พลังงานหมุนเวียนแทนพลังงานฟอสซิลให้มากขึ้นอย่างเป็นระบบ
ถึงวันนี้ หากอ่านเอกสารของรัฐบาลไทยจะเห็นว่าประเทศไทยยังอยู่ระหว่างร่างยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศ
ผ่านคณะรัฐมนตรีเมื่อเร็วๆ นี้
ก่อนที่จะจัดส่งไปยัง UNFCCC ในช่วงการประชุม COP26
การที่นายกฯ ไทยนำไทยไปร่วมประชุมเองครั้งนี้น่าจะชี้ว่ารัฐบาลไทยพร้อมจะตอบคำถามของประเทศอื่น และมีข้อมูลเพียงพอที่จะร่วมแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้กับประชาคมโลก
ที่ผ่านมาไทยได้รับการประเมินว่าเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรุนแรงเป็นอันดับ 9 ของโลกในช่วงปี 2000-2019 ที่ผ่านมา
มองไปรอบๆ อาเซียน ก็มีการคาดการณ์ว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดภูมิภาคหนึ่งในโลก
ไม่ว่าจะเป็นระดับน้ำที่สูงขึ้น คลื่นความร้อน ความแห้งแล้ง และพายุฝนที่รุนแรงมากขึ้น 7% ในทุกๆ 1 องศาเซลเซียสของอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้น!
ที่น่ากังวลสำหรับคนไทยไม่น้อยคือ รายงานที่ว่ากรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกน้ำท่วมอย่างต่อเนื่องและจะถึงจุดอันตรายในปี 2573
อันมีสาเหตุมาจากการที่พื้นที่ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล
เมื่อเกิดสภาวะระดับน้ำทะเลสูงขึ้นและพายุที่รุนแรงขึ้น
ปรากฏการณ์เหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อทั้งความปลอดภัยในชีวิตและที่อยู่อาศัย
องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) คาดการณ์ว่า ภายในปี 2070 จะมีผู้คนกว่า 5 ล้านรายในกรุงเทพฯ ที่จะได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมสูง
ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายในมูลค่าทางเศรษฐกิจมากถึง 350,000 ล้านบาทต่อปี จากภาคเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรื่องโลกร้อนมีความสำคัญต่อคนไทยอย่างไร
จะว่าไปแล้ว การร่วมประชุมระดับโลกมีความสำคัญ
แต่อาจจะสำคัญน้อยกว่าการสร้างความตระหนักในประเทศด้วยนโยบายและแผนปฏิบัติในทุกระดับอย่างจริงจัง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว