ผู้ติดตามความเคลื่อนไหวแนวทางของธนาคารกลาง หรือ Fed ของสหรัฐฯ ในเมืองไทยต้องอดตาหลับขับตานอนเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา
เพราะมีคำประกาศของประธาน Fed คือคุณ Jerome Powell เรื่องการขึ้นดอกเบี้ยที่มีผลต่อเศรษฐกิจทั้งโลกภายในภาวะที่ผันผวนอย่างยิ่ง
หลังเที่ยงคืนของวันนั้น คำประกาศที่ออกมาของธนาคารกลางก็เป็นไปตามคาด (หรือที่กลัวกัน) คือขยับอัตราดอกเบี้ยนโยบายไป 0.75%
ซึ่งเป็นก้าวกระโดดสูงสุดใน 28 ปีกันเลยทีเดียว
เพาเวลล์ยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ “ไม่ปกติ” เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจมันผิดเพี้ยนไปจากปกติมาก
เมื่ออัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นไปสูงสุดในกว่า 40 ปีสำหรับสหรัฐฯ ที่ 8.6% เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อาการป่วยไข้ก็ปรากฏชัด
เมื่อใช้ยาแรงคราวก่อนด้วยการขึ้นดอกเบี้ยในอัตรา 0.5% ไม่ได้ผล เพราะมีอาการดื้อยา ก็ต้องเพิ่มยาให้แรงขึ้นอีก ซึ่งก็ย่อมจะมีความเสี่ยงมากขึ้นเช่นกัน
เพราะถ้ายาแรงขนาดนี้ยังเอาไม่อยู่ ก็เข้าสู่โหมด “ตัวใครตัวมัน” เป็นแน่แท้
“เห็นได้ชัดว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในวันนี้เป็นเรื่องใหญ่ผิดปกติ และผมไม่คาดหวังว่าการเคลื่อนไหวขนาดนี้จะเป็นเรื่องปกติ” พาวเวลล์บอกนักข่าวที่ตั้งวงซักถามอย่างดุเดือด
เพราะดูเหมือนผู้คนจะเริ่มไม่ค่อยเชื่อน้ำยาของการวินิจฉัยโรคของธนาคารกลางแล้ว
ยาแรงพอหรือไม่ต้องดูที่ปฏิกิริยาจากตลาดหุ้นและตลาดการเงิน
สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาทันทีคือ
Dow Jones +303.7 จุด หรือ +1%
Nasdaq +270.8 จุด หรือ +2.5%
US 2Y Bond -0.24% US 10Y Bond -0.19% USD index ลดลง -0.654 มาที่ 104.864
Bitcoin ตอนแรกก็เฉยๆ ไม่มีผลทางบวกแต่อย่างใด แต่ต่อมาอีกไม่กี่ชั่วโมง เมื่อซึมซับข่าวแล้วก็กระเตื้องขึ้นบ้าง
ความจริงก่อนหน้าที่จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ แวดวงต่างๆ ก็คาดการณ์ว่า Fed ไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างแรงเพื่อส่งสัญญาณชัดๆ ให้กับตลาด
เพราะเพียงแต่กระตุกอย่างที่ทำมาหลายครั้งก่อนหน้านี้ดูจะไร้ผลเสียแล้ว
สรุปว่า ผลที่ตามมาเป็นไปทางบวก ตลาดหุ้นดีขึ้นเล็กน้อย ค่าเงินสหรัฐอ่อนลงนิดหน่อย
แต่ก็เป็นการปรับตัว “อย่างระมัดระวัง” เหมือนไม่มีใครเชื่อใจใครเท่าไหร่
ที่นักสังเกตการณ์ต้องการรู้มากกว่านั้นคือ แนวโน้มจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร
ในเมื่อใช้ยาแรงขนาดนี้แล้ว ยังมีทางเลือกอื่นใดเหลืออยู่ในการทำสงครามกับเงินเฟ้อหรือ
จึงต้องฟังคำตอบของคุณเพาเวลล์ต่อคำถามนักข่าวทั้งหมด 17 ข้อที่ค่อนข้างจะดุและแรง
เพราะก่อนหน้านี้นักข่าวสายการเงินอาจจะยอมฟังประธาน Fed ที่ให้ความมั่นใจกับสาธารณชนว่า
ปัญหาเงินเฟ้อรุนแรงที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญอยู่นั้นเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว
แกใช้คำว่า transitory ซึ่งแปลว่ามันผ่านมาก็จะผ่านไป ไม่มีอะไรน่ากังวล
ที่ไหนได้ศัตรูตัวนี้ดื้อและร้ายกว่าที่คิด
ฟังจากจังหวะและลีลาการตอบคำถามของเพาเวลล์รอบนี้ค่อนข้างจะลังเล ไม่ฟันธงอย่างมั่นใจเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
จึงไม่ต้องสงสัยว่านักข่าวหลายคนสรุปว่าประธาน Fed ตอบแบบแทงกั๊ก หลบไปมา ตอบแบบกว้างๆ
และโยนบาปไปยังปัจจัยอื่นๆ ที่ “อยู่นอกเหนือการควบคุมของ Fed”
เหมือนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ชี้นิ้วไปที่ประธานาธิบดีปูติน ของรัสเซีย ว่าเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลกวันนี้ เพราะรัสเซียบุกยูเครน
น่าสังเกตประโยคที่เพาเวลล์ยอมรับว่า "Path to soft landing" ได้แคบลงและยากขึ้นมาก
แปลว่าเส้นทางหรือโอกาสที่จะให้เศรษฐกิจที่เลวร้ายนี้ “ร่อนลงอย่างนุ่มนวล” นั้นหดตัวไปมาก
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ต้องเผื่อใจและเตรียมการสำหรับ Hard landing หรือเครื่องบินชนพื้นแรงตอนลง
แต่เขาก็ยืนยันว่า Fed จะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ให้เกิดบาดเจ็บหนักเกินไป
แกย้ำว่าอะไรๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ Fed ไม่อาจจะควบคุมได้หมด
และอาจจะมีบางอย่างที่ทำให้ soft landing มันอยู่นอกเหนือการควบคุม หรือ out of our hands ของกลไกธนาคารกลาง
พูดอย่างนี้ก็เท่ากับเป็นการเผื่อว่าจะมีข่าวร้ายหนักกว่านี้ จะได้ไม่โทษ Fed ว่างั้นเถอะ
นักข่าวถามว่าแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปเป็นอย่างไร แกก็เลี่ยงไม่ตอบตรงๆ
ไม่เหมือนครั้งก่อนที่กล้าทุบโต๊ะว่า "ไม่มี 0.75% และจะขึ้น 0.5% อีก 2-3 ครั้ง"
คราวนี้ตอบแบบเอาตัวรอดไว้ก่อนว่า "ครั้งหน้าอาจจะ 0.5% หรือ 0.75% ขึ้นกับข้อมูลที่ออกมา"
แต่ก็หยอดเอาไว้ว่า ไม่คิดว่าการขึ้นครั้งละ 0.75% จะเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดเป็นประจำ
ผู้เชี่ยวชาญจึงวาดภาพให้เห็นว่า
หากนับจากระดับล่าสุดดอกเบี้ยนโยบายล่าสุดที่ 1.5%-1.75% หมายความว่า Fed ต้องขึ้นดอกเบี้ยไปอีก 1.75% ในการประชุมที่เหลืออีก 4 ครั้ง โดยขึ้น 0.5% อีก 3 ครั้ง และจบลงด้วย 0.25% ตอนการประชุมงวดสุดท้ายของปี
แต่ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจของ Fed จากนี้ถึงสิ้นปีก็คืออัตราว่างงานด้วย
เพาเวลล์พยากรณ์ว่าปีนี้ อัตราการว่างงานจะอยู่ที่ 3.7% ปีหน้าจะเพิ่มเป็น 3.9% ปีถัดไปจะเป็น 4.1%
นักข่าวสายบู๊ซักว่าถ้าตัวเลขเป็นอย่างนี้จะตีความได้ไหมว่า Fed อาจจะจงใจทำให้คนตกงานเยอะๆ และให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือ Recession เพื่อดึงอัตราเงินเฟ้อลงใช่ไหม
ถามอย่างนี้เท่ากับเป็นการยั่วให้ต้องอธิบายทิศทางให้ชัดเจนขึ้น ห้ามอ้ำๆ อึ้งๆ
ประธาน Fed ตอบว่า ถึงแม้คนจะตกงานเพิ่มขึ้น แต่ 4.1% ก็ถือว่าต่ำมากสำหรับมาตรฐานปกติของสหรัฐฯ
เพราะบางสำนักประเมินว่าอัตราการว่างงานปีหน้าอาจจะขึ้นไปสูงถึง 4.2-4.5% ด้วยซ้ำไป
พอเจอคำถามว่า คราวหน้าจะขึ้นดอกเบี้ยเป็น 1% เลยไหม
คุณเพาเวลล์ก็ติดมุม แกหลบฉากด้วยการสรุปว่า ทุกอย่างจะขึ้นกับข้อมูล ไม่ขอทำนายอะไรล่วงหน้าทั้งสิ้น
โดยเน้นว่าเป้าหมายหลักประการเดียวคือ การจัดการกับปัญหาเงินเฟ้อให้จงได้
มีอาวุธเท่าไหร่ก็ต้องงัดออกมาใช้
ไม่ต้องแปลกใจว่า ประธาน Fed จะต้องมองหาสาเหตุต่างๆ ที่ “อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา”
เช่น สงครามยูเครน จีนปิดเมืองเพราะโควิด ราคาน้ำมัน ราคาอาหารที่พุ่งขึ้นซึ่งอยู่นอกเหนือการบริหารของธนาคารกลาง
แต่ไม่โทษประสิทธิภาพของการประเมินสถานการณ์ และการใช้เครื่องมืออย่างมีประสิทธิภาพของตนเอง!.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ