ในช่วงที่ผ่านมาภาคธุรกิจได้มีการเฝ้าติดตามสถานการณ์โควิดกันอย่างต่อเนื่อง โดย 3เอ็ม เองก็ติดตามสถานการณ์และผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างใน 11 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส บราซิล จีน เม็กซิโก แคนาดา ญี่ปุ่น เยอรมนี สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา อินเดีย และเกาหลีใต้ โดย จิม ฟาลเทอเสค รองประธานอาวุโส ฝ่ายกิจการองค์กร 3เอ็ม ภูมิภาคเอเชีย และกรรมการผู้จัดการ 3เอ็ม ประเทศเกาหลี ก็ได้ออกมาระบุถึงประเด็นที่น่าสนใจไว้หลายอย่างด้วยกัน
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนเลยคือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้พบว่า 76% ของผู้คนทั่วโลกมีมุมมองด้านสุขภาพที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน โดยเห็นพ้องต้องกันว่าการแพร่ระบาดครั้งใหญ่นี้ส่งผลให้พวกเขาหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพของตนเองมากขึ้น และจากกว่า 90% ของคนไทย ส่วนใหญ่ต้องการมีสุขภาพที่ดีขึ้น แบ่งเป็น 64% เลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น และอีก 58% เลือกการออกกำลังการเข้ามาในกิจวัตรประจำวัน
ขณะเดียวกัน การแพร่ระบาดยังส่งผลกระทบต่อแนวคิดเกี่ยวกับการใช้พื้นที่สาธารณะมากถึง 77% โดยเห็นว่าพื้นที่สาธารณะจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตปัจจุบันมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึงออฟฟิศ สำนักงานต่างๆ ทั้งในเรื่องแนวคิดการออกแบบภายในที่ต้องการสร้างสรรค์พื้นที่เพื่อสร้างความกระตือรือร้นต่อพนักงาน ในขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขอนามัยให้แก่พนักงานด้วยเช่นกัน
ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลายประเทศเข้าสู่สภาวะล็อกดาวน์ ทำให้ระบบการทำงานบนโลกออนไลน์หรือโลกเสมือนเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้เกิดความคิดเห็นที่แตกต่าง โดยผู้คนมากกว่า 64% ชอบการทำงานที่บ้านและยินดีที่จะลองใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ระบบบ้านที่ยั่งยืน การใช้พลังงานหมุนเวียน และยานพาหนะไฟฟ้าทั้งหมด แต่ยังมีอีกกลุ่มเลือกที่จะลดบทบาทการใช้อุปกรณ์เหล่านี้ในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า กว่า 77% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและครอบครัวได้ดีกว่าเมื่อใช้เทคโนโลยีและแพลตฟอร์มออนไลน์ ขณะเดียวกันผู้คน 7 ใน 10 คนชื่นชอบงานอดิเรกที่ช่วยให้พวกเขาสามารถพักการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของตนได้ และอีก 75% เห็นว่าการใช้เวลาอยู่หน้าจอมากเกินไปส่งผลต่อปัญหาด้านสุขภาพที่ควรได้รับการแก้ไข
สำหรับ โลกอนาคตของการใช้ชีวิตร่วมกับปัญญาประดิษฐ์ได้เริ่มขึ้นแล้ว ผู้คนกว่า 63% ทั่วโลกเชื่อว่าความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ล้ำสมัย เช่น ยานยนต์ไร้คนขับ จะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในอีก 10 ปีข้างหน้า และกว่า 55% เต็มใจที่จะใช้รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
ส่วนประเด็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ยังคงเป็นหัวข้อที่อยากเรียกร้องให้ภาคธุรกิจต่างๆ หาแนวทางอย่างต่อเนื่อง โดย 3 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั่วโลก ต้องการความโปร่งใสจากแบรนด์ธุรกิจต่างๆ ที่ให้คำมั่นสัญญาในเรื่องนี้ ควรให้ความสำคัญกับการรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง แทนที่จะเป็นเพียงจุดขายทางการตลาดเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แค่การตอบรับของผู้คนทั่วไปไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้เร็วมากพอ เพราะผู้คนทั่วโลกส่วนใหญ่ 73% ยินดีที่จะปรับเปลี่ยนมาใช้นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน แต่คนส่วนมากกลับเห็นว่า แนวคิดการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนจะไม่ถูกให้ความสำคัญในระยะเวลาอันใกล้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 40% ยังรู้สึกว่าพลังงานหมุนเวียนไม่สามารถกลายเป็นพลังงานหลักในเมืองของพวกเขาได้ภายในทศวรรษหน้า
ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะสร้างผลดีหรือผลเสีย แต่การเกิดขึ้นของโรคระบาดในครั้งนี้ก็ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตพื้นฐานของผู้คนอย่างถาวร ทั้งการปฏิสัมพันธ์ รวมถึงรูปแบบการทำงาน และแม้ว่ากระบวนทัศน์ใหม่นี้จะเป็นความท้าทาย แต่ถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับนวัตกรรมในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการออกแบบ เพื่อสนับสนุนแนวทางที่แตกต่างออกไป ซึ่งหน่วยงานภาครัฐ องค์กรต่างๆ และผู้มีส่วนร่วม จะต้องเตรียมแผนดำเนินงานให้ทันท่วงที เพื่อปรับตัวและค้นหาวิธีใช้ประโยชน์จากความเปลี่ยนแปลงที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา.
รุ่งนภา สารพิน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์มุมมอง‘อินฟลูเอนเซอร์’ในตลาดอาเซียน
การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มายาวนาน แต่กลยุทธ์การทำการตลาดของแต่ละแบรนด์นั้นล้วนแตกต่างกันไป ล่าสุด วีโร่ ได้เปิดตัวเอกสารไวต์เปเปอร์ฉบับใหม่ในหัวข้อ “ผลกระทบ
ของขวัญรัฐบาล
อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว ก็เป็นธรรมเนียมของรัฐบาลและ ครม.ที่จะมีมาตรการเป็นของขวัญมอบให้กับประชาชน ซึ่งการประชุม ครม.ล่าสุดเริ่มมีการเคาะมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือประชาชนกันแล้ว
ยกระดับธุรกิจไทยแข่งขันเวทีโลก
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3% ด้วยแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐ
ปี68ธุรกิจบริการอาหารยังโตต่อเนื่อง!
“ธุรกิจบริการอาหาร” ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าจับตาในปี 2568 จากอานิสงส์ท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งส่งผลให้การบริโภคอาหารน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันภาครัฐยังมีการอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ดันSMEอีอีซีบุกตลาดตปท.
ที่ผ่านมารัฐบาลอาจจะยังไม่ได้พูดถึงโครงการพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี มากนัก เนื่องจากคงจะยุ่งกับการบริหารงานในแนวทางอื่นๆ อยู่ แต่กับหน่วยงานอย่างสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
โรงไฟฟ้าฟอสซิลต้นทุนพุ่งโตช้า
ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นตามอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ ส่งผลให้ธุรกิจโรงไฟฟ้าฟอสซิลยังคงมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง ซึ่ง ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในปี 2568 ความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคธุรกิจจะโต 1% ชะลอลงจาก 2.8% ในปี 2567 จากการใช้ไฟฟ้าในภาคการผลิตและภาคบริการที่เพิ่ม