ไม่เพียงแต่ฟินแลนด์กับสวีเดนเท่านั้นที่ตัดสินใจเข้าร่วม NATO แต่สวิตเซอร์แลนด์ก็ทำท่าเหมือนกำลังพิจารณาจะสละสถานภาพ “ความเป็นกลาง” เพราะเกิดสงครามยูเครนเช่นกัน
จะเรียกว่า “สถานะความเป็นกลางทางทหารและทางการเมือง” ของสวิตเซอร์แลนด์กำลังถูกท้าทายอย่างหนักก็ไม่ผิดนัก
สังเกตได้ว่ากระทรวงกลาโหมสวิสมีท่าทีขยับเข้าใกล้กับมหาอำนาจทางทหารของตะวันตกมากขึ้น เป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
ผมได้อ่านรายงานด้านความมั่นคงของกลาโหมสวิสแล้วก็เห็นได้ชัดว่ามีการเปิดทางเลือกต่างๆ เอาไว้สำหรับอนาคตที่อาจจะต้องปรับเปลี่ยนจุดยืน “ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด” ที่เป็นยี่ห้อของประเทศนี้มายาวนาน
ทางเลือกที่ว่านี้หมายรวมถึงการร่วมซ้อมรบกับประเทศสมาชิกองค์การนาโต
และรวมถึงการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์สนับสนุนยูเครนอย่างเปิดเผยอีกด้วย
หัวหน้าฝ่ายนโยบายด้านความมั่นคงของสวิตเซอร์แลนด์ Paelvi Pulli ยอมรับกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ยุทธศาสตร์ดั้งเดิมของประเทศนี้กำลังอยู่ในกระบวนการประเมินและทบทวนใหม่ในภาวะที่ระเบียบโลกกำลังเข้า
สู่ความเปลี่ยนแปลงชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา
รอยเตอร์บอกว่า เนื้อหาของ “ทางเลือกด้านความมั่นคง” ใหม่ของสวิตเซอร์แลนด์นั้นไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน
แต่ได้นำเสนอต่อระดับนโยบายระดับสูงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์และนาโต
แปลว่าองค์การ NATO เองก็มีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็นต่อการปรับท่าทีของสวิตเซอร์แลนด์เช่นกัน
อาจเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนคำนิยามของคำว่า “เป็นกลาง”
จำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีวลีที่อธิบายความเป็นกลางที่ต้องมีกองทัพปกป้องตนเองด้วย
เรียกมันว่า “Armed Neutrality”
อันหมายถึงการที่ประเทศรักษาความเป็นกลางและสงวนสิทธิ์ที่จะมีการสร้างเสริมแสนยานุภาพทางทหารในระดับที่จะปกปักรักษาอธิปไตยของตนได้ด้วย
รัฐมนตรีกลาโหมสวิตเซอร์แลนด์ Viola Amherd พูดไว้เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ประเทศของเขาควรทำงานร่วมกันใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับนาโต
แต่เขาก็รีบเสริมว่า การพูดเช่นนั้นไม่ได้หมายถึงการเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโตแต่อย่างใด
มีคำอธิบายจากนักวิเคราะห์ในกลุ่มที่กำลังเสนอปรับยุทธศาสตร์ของสวิตเซอร์แลนด์ว่า การที่ประเทศนี้มีนโยบายเป็นกลางด้านการทหารและการเมืองมาตั้งแต่หลังสิ้นสุดสงครามโลกนั้น ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อการดำรงแนวทางเป็นกลางในความหมายที่ว่าจะไม่สนใจแนวโน้มความขัดแย้งของโลก
แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงคือ การเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยให้กับประเทศ
ถ้าสวิตเซอร์แลนด์ขยับเข้าใกล้นาโต แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกองค์กรทางทหารตะวันตกนั้น อาจจะทำให้ประเทศนี้ปรับจุดยืนกลายเป็นประเทศที่ไม่เป็นคู่กรณีกับฝ่ายใด
แต่ก็ยังสามารถรักษาบทบาทพิเศษในการเป็น “ตัวกลาง” ที่จะช่วยไกล่เกลี่ยหารือระหว่างประเทศคู่พิพาท
เช่นกรณีที่เกิดขึ้นช่วงสงครามเย็น
ข่าวบอกว่ารายงานด้านความมั่นคงของสวิตเซอร์แลนด์จะเสร็จสมบูรณ์ในเดือนกันยายนนี้ และจะเข้าสู่การพิจารณาจากคณะรัฐมนตรีสวิตเซอร์แลนด์ต่อไป
นั่นหมายความว่า กระทรวงกลาโหมก็ต้องระดมสมองกับทบวงกรมอื่นๆ เพื่อประเมินประเด็นที่เกี่ยวโยงต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การสนับสนุนด้านอาวุธ การจัดส่งอาวุธ และความสัมพันธ์กับนาโตบนพื้นฐานของการรักษาความเป็นกลางต่อไป
สวิตเซอร์แลนด์มีความภาคภูมิใจที่ไม่เคยเข้าร่วมสงครามระหว่างประเทศใดๆ มาตั้งแต่ ค.ศ.1818
เป็นปีที่ประเทศนี้ประกาศจุดยืนเป็นกลางมาตั้งแต่สิ้นสุดการปฏิวัติฝรั่งเศส
อนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ.1907 ระบุว่า สวิตเซอร์แลนด์จะไม่เข้าร่วมในความขัดแย้งทางอาวุธระหว่างประเทศ ไม่สนับสนุนฝ่ายที่ทำสงครามด้วยกองกำลังหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ หรือทำให้ดินแดนของตนเข้าถึงฝ่ายที่ทำสงครามได้
นโยบายนี้ถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งอนุญาตให้มีสิทธิในการป้องกันตัวเอง (self-defence)
แต่ก็เปิดทางให้สามารถตีความ “ความเป็นกลาง” ในมิติการเมืองนอกเหนือจากแง่ทางกฎหมาย
พอเกิดสงครามยูเครน จุดยืนของประเทศนี้ก็เริ่มจะถูกตีความให้ตรงกับสถานการณ์ความเป็นจริงมากขึ้น
หลายประเทศแปลกใจที่รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ร่วมโลกตะวันตกในการดำเนินมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย
แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้เปิดทางให้ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่ยูเครน
แต่ก็ยังเปิดทางให้สวิตเซอร์แลนด์สนับสนุนยูเครนทางอ้อม...นั่นคือสามารถส่งอาวุธให้แก่ชาติอื่นๆ เพื่อทดแทนส่วนที่จัดส่งไปให้กับยูเครนได้
ประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ อิกนาซิโอ กัสซิส บอกว่า กำลังพิจารณาแนวทางเช่นว่านี้
แนวทางนี้ไม่ได้ห้ามการเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านกลาโหมของประเทศ
ปีที่แล้วสวิตเซอร์แลนด์สั่งซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35A ของบริษัทล็อคฮีดมาร์ตินแห่งสหรัฐฯ
เป็นเครื่องบินที่ประเทศสมาชิกนาโตบางประเทศใช้อยู่
รัฐมนตรีกลาโหมเคยบอกว่าสวิตเซอร์แลนด์ไม่สามารถเข้าร่วมนาโตได้ เพราะนโยบายเป็นกลาง
แต่ก็ “สามารถทำงานร่วมกันได้”
และระบบการจัดซื้ออาวุธก็อยู่ที่ว่าประเทศจะได้ประโยชน์สูงสุดอย่างไร
ความเห็นของประชาชนก็เริ่มปรับเปลี่ยนหลังรัสเซียส่งทหารเข้ายูเครน
การสำรวจความเห็นประชาชนล่าสุดพบว่า 56% สนับสนุนการยกระดับความสัมพันธ์กับนาโต ซึ่งเพิ่มจากระดับ 37% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
เมื่อถามว่าสนับสนุนให้เข้าร่วมนาโตหรือไม่ คำตอบก็เริ่มปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน
แต่ยังชัดเจนเหมือนฟินแลนด์และสวีเดนที่เสียงส่วนใหญ่เกิน 70% ให้ร่วมนาโต
โพลเมื่อเดือนเมษายน ของ Sotomo พบว่า 33% ของชาวสวิส หนุนการเข้าร่วมนาโต เพิ่มจากระดับ 21%
กรณีของสวิตเซอร์แลนด์มีความละม้ายและแตกต่างกับฟินแลนด์และสวีเดนอย่างน่าสนใจมากทีเดียว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ