เสียงดังฟังชัดจาก ผบ.ปั๊ด

โดยเฉพาะข้อ 5 “ข้าราชการตำรวจที่มีการฝ่าฝืนมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายสถานบริการ บกพร่องในการป้องกันและปราบปรามอบายมุข ตลอดจนความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับการค้ามนุษย์ ให้พิจารณาเสนอแต่งตั้งสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปดำรงตำแหน่งอื่นนอกพื้นที่ทุกราย” ซึ่ง ผบ.ปั๊ด จะรอให้ถึงวันที่มีข้อมูลส่งขึ้นมา เพื่อประชุมในระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจะเรียก ผู้บัญชาการ (ผบช.) ต่างๆ มาพูดคุยทำความเข้าใจให้ความเห็นแต่ละตำแหน่ง หากคนที่ถูกลงโทษลง ลงทัณฑ์ ก็มีกฎเกณฑ์อยู่แล้วว่ามีผลกับการเลื่อนตำแหน่งอย่างไร ตรงนี้ ผบ.ปั๊ด ไม่ห่วง เพราะเชื่อมั่นตำรวจรู้ดี

ชื่นมื่นกันทั่วหน้าในการประชุมบริหาร ตร. ครั้งที่  9/2564 ที่ ผบ.ปั๊ด เป็นประธาน เพราะนอกจากการมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้ ผบช.ทั่วประเทศ ผ่านการประชุมระบบวิดีโอทางไกล (Video Conference) กันแล้ว ยังมีการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่ผู้บริจาค และข้าราชการตำรวจผู้ประพฤติปฏิบัติดีเยี่ยมตามประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ เนื่องในโอกาสวันตำรวจ ประจำปี 2564 และพิธีมอบเข็มแม่นปืนกิตติมศักดิ์  โดยหน่วยงานและองค์กรผู้บริจาคทุนทรัพย์ และสิ่งของในการสนับสนุนภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ได้รับโล่ 7 หน่วยงาน ประกอบด้วย มูลนิธิโรงพยาบาลตำรวจ ในพระบรมราชินูปถัมภ์, สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย โดยฝ่ายความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและยาเสพติด, มูลนิธิคนไทยเก่งขึ้น, บริษัท ทีโอเอเพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), ธนาคารออมสิน, ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และมูลนิธิจำนงค์ ภิรมย์ภักดี ส่วนหน่วยงานและข้าราชการตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดีเยี่ยมตามประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 มีกองการต่างประเทศ และ พล.ต.ต.อุกฤษฏ์ ศรีเสือขาม ผู้บังคับการกองวินัย นอกจากนี้ยังมีรางวัลเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ (เข็มแม่นปืนกิตติมศักดิ์)  ได้แก่ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ และ พล.ต.อ.สุทิน  ทรัพย์พ่วง รอง ผบ.ตร. ๐

ตอนนี้ถ้าเห็นตำรวจทั่วประเทศ นอกจากทำหน้าที่ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แล้ว ยังทำหน้าที่ ช่างสำรวจ ก็อย่าเพิ่งแปลกใจ เพราะในระหว่างการประชุมบริหาร ตร. ครั้งที่  9/2564 ช่วงที่ บิ๊กเบิ้ม-พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร.ให้นโยบายงานฝ่ายบริหารนั้น ได้เน้นย้ำในเรื่องการดูแลสวัสดิการให้ตำรวจ โดยสั่งการให้ทุกกองบัญชาการไปสำรวจพื้นที่ของตัวเอง ว่ามีพื้นที่ราชพัสดุว่างเปล่า ไม่มีหน่วยงานไหนใช้ประโยชน์หรือไม่ ให้นำเสนอมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการประสานขอใช้พื้นที่ในการสร้างแฟลต สร้างที่อยู่อาศัยให้ตำรวจ โดย บิ๊กเบิ้ม จะหางบประมาณในการจัดสร้างมาให้ เพื่อให้ตำรวจทุกคนได้มีที่พัก ได้มีที่อยู่อาศัย เป็นสวัสดิการของหน่วยงาน ซึ่งถ้าหากทำได้จริงก็เชื่อว่า ตำรวจ น้อยใหญ่น่าจะพอใจอย่างมาก แต่สิ่งที่อยากฝาก อยากกระซิบไปยัง บิ๊กเบิ้ม เรื่องแฟลต เรื่องที่อยู่อาศัยของตำรวจ จะบอกว่าขาดแคลนก็ขาดแคลน การสร้างใหม่เพิ่มเติมเป็นเรื่องดี ทว่าในส่วนแฟลตเก่า ที่อยู่เดิม  ก็ต้องกวดขันเข้มข้นตามกฎ ตามระเบียบ เพราะมีหลายแฟลต มีหลายห้อง ตำรวจเจ้าของห้องเกษียณอายุราชการไปแล้วก็ไม่ยอมย้าย ไม่ยอมออก คนใหม่ก็เข้าไปอยู่ไม่ได้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายบริหารน่าจะรับรู้รับทราบด้วย ๐

ปิดท้ายเห็นท่าทีขยันขันแข็งของ บิ๊กเจี๊ยบ-พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา รอง ผบช.ก. ในฐานะเลขานุการ  ศพดส.ตร.แล้วก็อดชื่นชมไม่ได้ ล่าสุดโดดลงไปเล่นข่าวดังทางโซเชียล ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมแสดงความรักต่อลูกสาวของ หนึ่ง จักรวาล นักดนตรีชื่อดัง ยืนยันตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ประสานไปยัง บก.ปคม.และเจ้าหน้าที่นักสังคมสงเคราะห์ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 30 พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กเข้าตรวจสอบพื้นที่ พบว่าครอบครัว หนึ่ง  จักรวาล ได้เดินทางไปต่างจังหวัด ก็จะเรียก หนึ่ง  จักรวาล มาสอบปากคำ ตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการล่วงละเมิด หรือเป็นการแสดงความรักของพ่อกับลูกที่เกินขอบเขตหรือไม่ แต่สิ่งที่อยากสะกิดชายเสื้อ บิ๊กเจี๊ยบ เอาไว้ เท่าที่ดูการออกมาขอโทษของ "หนึ่ง จักรวาล" กับภรรยา ทั้งคู่ก็ยอมรับคลิปดังกล่าวอาจไม่เหมาะสมและได้ลบคลิปนั้นไปแล้ว เมื่อทั้งพ่อทั้งแม่ยืนยันความบริสุทธิ์ใจและยอมรับเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ไม่มีเจตนาอื่นใด ก็น่าจะชัดเจน อย่าไปฟื้นฝอยหาตะเข็บ เล่นตามกระแสมากไป สงสาร เด็ก สงสาร ลูกสาว ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่บ้าง มีคดีอื่นให้ชุด ศพดส.ตร. ทำอีกเยอะ...เชื่อซิ ๐

พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ  ควงเพื่อน ตท.21 พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตรวจเยี่ยมกองบิน 7 จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมี  ผู้การเงาะ-น.อ.พุทธพงศ์ ผลชีวิน ผู้บังคับการกองบิน 7  ให้การต้อนรับ ทั้งคู่ยังรับชมสาธิตการปฏิบัติการทางอากาศโดยใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง หรือ Network Centric  Operation (NCO)  และได้ร่วมทำการบินสังเกตการณ์ในตำแหน่งที่นั่งหลังของเครื่องบินขับไล่กริพเพน ในภารกิจการโจมตีเป้าหมาย Time Sensitive Target และภารกิจการบินรบในอากาศเหนือพื้นที่อ่าวไทย ถ้าเป็นยุคก่อนมีอีเวนต์ในลักษณะนี้ ตีความได้ว่าต้องมีการซื้อเครื่องบินรบใหม่ แต่ในภาวะที่งบฝืดเคือง “บิ๊กป้อง” ผบ.ทอ.เคยบอกไว้ตอนแถลงนโยบายแล้วว่า วิสัยทัศน์ในการเตรียมพร้อมเพื่อจัดหาเครื่องบินรบทดแทนฝูงที่จะปลดประจำการ ต้องมีความทันสมัยและมีเทคโนโลยีที่สูงกว่าที่มีประจำการอยู่ แม้จะมีการพูดถึงเอฟ-35 ที่แฟนพันธุ์แท้เครื่องบินทั้งหลายอยากให้มีใน ทอ.ไทย แต่คงต้องใช้เวลาพอสมควรในการทำความเข้าใจกับสังคม ถึงอย่างนั้นก็เชื่อว่าคงไม่ไกลเกินฝัน หากสภาพเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นในอนาคต

ถึงเวลาที่ นักเรียนนายเรือ (นนร.) เนติภูมิ สิทธิ ต้องเดินทางไปศึกษาหลักสูตรโรงเรียนนายเรือที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย เป็นเวลา 5 ปี เพื่อนำประสบการณ์ องค์ความรู้ด้านการทหารกลับมาพัฒนาหน่วยในวันข้างหน้า และตามธรรมเนียมก่อนที่เดินทาง นนร.เนติภูมิได้เดินทางไปอำลาและเข้ารับฟังโอวาทจาก พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติระหว่างที่ศึกษาเล่าเรียนที่นั่น โดย ผบ.ทร.ได้ให้คำแนะนำหากเกิดข้อติดขัดในต่างบ้านต่างเมือง รวมถึงแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่ยังระบาดอยู่ จึงขอให้ระมัดระวังและดูแลสุขภาพด้วย

เช่นเดียวกับ นักเรียนนายเรืออากาศ (นนอ.) รอยอินทร์  ชุนหกิจ ที่ได้รับทุนศึกษาต่อทางด้านอวกาศ สาขาวิชา Launch Vehicle and Spacecraft Control Systems ที่ Military Space Academy และ นักเรียนนายเรืออากาศ (นนอ.) ณัฐชนนท์ เจียมจิตวานิชย์ ได้รับทุนศึกษาต่อ สาขาวิชา Maintenance of Special - Purpose  Computers, Facilities, Systems and Networks ที่ Military  Space Academy  ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาด้านการทหารของสหพันธรัฐรัสเซีย ก็ได้เข้ารับโอวาทจาก พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ก่อนเดินทางไปเช่นกัน

นับเป็น 3 นักเรียนทหาร ที่ได้รับทุนการศึกษาตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการทหารไทย-รัสเซีย ที่ลงนามเมื่อวันที่ 18 พ.ค.59 ที่นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และนับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 116 ปี ตั้งแต่ สมเด็จพระเชษฐาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ทรงเคยเสด็จไปศึกษาหลักสูตรนายร้อยมหาดเล็กและหลักสูตรนายทหารฝ่ายเสนาธิการของรัสเซีย พร้อมกับคุณพุ่ม สาคร นักเรียนทุนเล่าเรียนหลวง ซึ่งนับเวลาก็ห่างกันกว่าศตวรรษ.