คอมมิวนิสต์จะมีวิธีการชวนเชื่อในการหาคนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของลัทธิ
เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยให้เป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ด้วยการตอกย้ำความไม่ทัดเทียมของคนที่ด้อยโอกาส
เพื่อให้คนเหล่านั้นไม่พอใจระบอบการปกครองที่เป็นอยู่ แล้วก็จะอ้างว่าลัทธิของตนนั้นเป็นแนวความคิดใหม่ที่จะช่วยปลดเปลื้องให้ประชาชนผู้ด้อยโอกาสได้หลุดพ้นจากสภาพของความไม่ทัดเทียม
เนื้อหาของการสื่อสารจะมีความพยายามที่จะสื่อว่าความไม่ทัดเทียมเกิดขึ้นจากระบบที่เอื้อให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบ มีความเหลื่อมล้ำที่ทำให้ผู้ด้อยโอกาสนั้นกลายเป็นผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เหมือนคนที่ต้องแบกแอกอันหนักอึ้ง พวกเขาคนที่พยายามโฆษณาชวนเชื่อจะอ้างความเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นที่จะมาปลดแอก ดังนั้นประชาชนที่รู้สึกว่าตัวเองด้อยโอกาส ถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่มีความทัดเทียมจะต้องมาเป็นพวกเดียวกับเขา จะต้องสนับสนุนให้พวกเขาได้เป็นผู้นำของการบริหารประเทศ
คำพูดของเขาเป็นเรื่องของ “อุดมคติ” ที่ไม่อาจจะเป็นจริงได้ เพราะคำว่า “ทัดเทียม” มันไม่มีอยู่ในโลกของความเป็นจริง เพราะเขาเราเกิดมาก็ไม่ทัดเทียมกันตั้งแต่แรก ทั้งด้านสมองและรูปร่างหน้าตา ชาติตระกูล และเมื่อเติบโตขึ้น เราก็ได้รับการเลี้ยงดูที่ต่างกัน มีนิสัยไม่เหมือนกัน ขยันไม่เท่ากัน มีความทะเยอทะยานที่ไม่เหมือนกัน มีคุณสมบัติในการจะทำงานบางอย่างไม่เท่ากัน เลือกเรียนสาขาวิชาเอกต่างกัน และแต่ละสาขาวิชาก็มีความจำเป็นต่อการดำเนินงานขององค์กรต่างๆ ไม่เท่ากัน โอกาสที่จะทำรายได้จึงไม่เท่ากัน และจังหวะชีวิต อยู่ที่ไหน เวลาใด มีโอกาสอะไรเกิดขึ้น ณ ที่นั้น บริเวณนั้น ก็ไม่เหมือนกัน แล้วเราจะทัดเทียมกันได้อย่างไร การหลอกให้คนเลือกให้ตนเองเป็นใหญ่ด้วยการตอกย้ำความไม่ทัดเทียม จึงเป็นวาทกรรมที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง
แม้ว่าเรื่องของการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อน่าจะเป็นอดีตไปแล้ว แต่ก็ยังมีพรรคการเมืองบางพรรค กลุ่มการเมืองบางกลุ่ม ยังคงหาเสียงตามยุทธศาสตร์ของคอมมิวนิสต์ ทั้งๆ ที่พวกเขาอ้างความเป็นประชาธิปไตย แต่พฤติกรรมการหาเสียง และวาทกรรมของพวกเขานั้น น่าจะเรียกว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์หลงยุค เพราะรัฐบาลที่ใส่ใจประชาชน และต้องการพัฒนาประเทศโดยรวมนั้น จะมีโครงการในการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ และดูแลผู้ด้อยโอกาสทั้งหลาย มีโครงการที่จะกำจัดความยากจนหลากหลายโครงการ และพื้นที่ต่างๆ ที่อาจจะไม่มีความเจริญในอดีตนั้นได้มีการพัฒนาไปมากมาย ทั้งการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ การสนับสนุนการเกษตรด้วยหลักการของเกษตรทฤษฎีใหม่ การบริหารจัดการน้ำ การพัฒนานวัตกรรมของการทำการเกษตรทั้งด้านกสิกรรม ปศุสัตว์ และประมง รวมไปถึงการแปรรูปสินค้าเกษตร และการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน ดังนั้นวาทกรรมที่บอกว่าเดินทางไปทั่วประเทศไทย เจอแต่ความยากไร้ ความยากจนข้นแค้นนั้น ถือว่าเป็นการใช้ยุทธศาสตร์ของคอมมิวนิสต์ในอดีตด้วยข้อความที่เป็นเท็จ
ลองเดินทางไปทั่วประเทศใหม่ด้วยหัวใจที่ไร้อคติ เปิดใจให้กว้าง ถอดแว่นตาดำออกให้เห็นฟ้าแจ้งจางปาง แล้วคุณจะรู้ว่าคุณกำลังโกหกตัวเองและโกหกคนอื่น ลองเดินทางจากเหนือลงใต้ จากตะวันออกไปตะวันตกให้ครบ 77 จังหวัดและอำเภอรอบนอก ไปจนถึงพื้นที่ในชนบท คุณก็จะเห็นสิ่งที่พัฒนาแล้ว สิ่งที่กำลังพัฒนา และลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดู คุณก็จะเห็นอยู่ว่ามีโครงการที่เตรียมไว้สำหรับการพัฒนาในวันข้างหน้าอีกมากมาย คุณจะเห็นการทำงานของ อสม.ที่เป็นการพัฒนาด้านสุขภาพ คุณจะได้รู้จักศูนย์ดำรงธรรมที่เป็นการพัฒนาด้านความยุติธรรมเพื่อชุมชน คุณจะได้เห็นการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านในการพัฒนาสินค้า OTOP เพื่อความเข้มแข็งของวิสาหกิจชุมชนที่ส่งเสริมโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์ คุณจะเห็นชุมชนเกษตรทฤษฎีใหม่ การดำเนินชีวิตตามรูปแบบของโครงการโคก หนอง นา ที่พัฒนารายได้ของคนในชนบทที่เป็นการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพวกเขา คุณจะได้เห็นการพัฒนาทรัพยากรการท่องเที่ยวของพื้นที่ต่างๆ และใช้การท่องเที่ยวเป็นปัจจัยในการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน และการพัฒนายุวมัคคุเทศก์ที่พานักท่องเที่ยวไปชื่นชมทรัพยากรการท่องเที่ยวของท้องถิ่น คุณจะได้เห็นพื้นที่เกษตรที่เป็นทั้งการทำการเกษตร และการท่องเที่ยว มีผู้คนเข้าชมไร่สวนที่งดงาม สนุกสนานกับการเก็บผลผลิตทางการเกษตร และหัดแปรรูปสินค้าเกษตรให้เป็นของที่ระลึกกลับบ้านด้วยความภาคภูมิใจ
อย่าติดกับดักฉากทัศน์เดิมๆ (Scenario Trap) ว่าต่างจังหวัดของไทย โดยเฉพาะพื้นที่ชนบทไม่เจริญเลยนะคะ สิ่งที่จะทำให้แต่ละพื้นที่ในลักษณะสังคมเมือง (Urbanization) คือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ทั้งเรื่องน้ำ ไฟ การสื่อสาร สัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณอินเทอร์เน็ต และการคมนาคมขนส่ง (logistics) บัดนี้ต่างจังหวัดมีการพัฒนาถนน รถไฟ สนามบิน และท่าเรือที่มีความจำเป็นสำหรับการคมนาคมขนส่ง ทั้งขนคนและขนสินค้าเกือบสมบูรณ์แล้ว แต่ก็ยังไม่ครบ เพราะเราต้องมีการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังตามยุทธศาสตร์ของชาติ เพื่อการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรอื่นๆ ในการพัฒนาประเทศ การบอกว่าไปทั่วประเทศไทย เจอแต่ความยากไร้ที่สิ้นหวังนั้น ดูออกจะเป็นคำพูดที่เกินจริง ตั้งใจด้อยค่ารัฐบาล แต่ก็ส่งผลให้เป็นการด้อยค่าประเทศไทยด้วย เป็นการกระทำที่ตั้งใจจะเอาชนะทางการเมือง โดยการใช้ยุทธศาสตร์การโฆษณาของคอมมิวนิสต์ แบบนี้ไม่เรียกว่าเป็นคอมมิวนิสต์หลงยุคจะให้เรียกว่าอะไร ทำไมคุณไม่ลองมองทุกสิ่งทุกอย่างด้วยใจเป็นธรรมที่ไม่มีอคติดูบ้าง คุณไม่ได้หูหนวก ตาบอด แต่พฤติกรรมของคุณมันสะท้อนว่าคุณ “ใจบอด”
คนชนบทของไทยไม่ใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก ผู้นำชุมชนจำนวนมากเป็นคนมีความรู้ดี มีความคิดดี มีวิสัยทัศน์ พวกเขาเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ พวกเขาเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เขามาทำหน้าที่เป็นผู้นำชุมชนด้วยความเสียสละอุทิศตน เขาเข้าใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงว่าไม่ใช่การกดหัวชาวบ้านไม่ให้มีความทะเยอทะยานที่จะเติบโต แต่เป็นความพยายามที่จะเติบโตอย่างมีเหตุผล ไม่ประมาท และพวกเขามีความสามารถในการประยุกต์ใช้ความรู้ต่างๆ ที่ทางการนำไปให้เพื่อการทำมาหากินที่ทำให้พวกเขามีรายได้ในระดับสูง หลายคนไม่ได้จบมหาวิทยาลัยแต่สามารถทำรายได้มากกว่าคนที่จบมหาวิทยาลัย
นอกจากคุณจะได้เห็นความเจริญของท้องถิ่นต่างๆ ของประเทศไทยแล้ว คุณยังจะได้เห็นความงามของธรรมชาติ ภูเขาลำเนาไม้ แม่น้ำ ลำธาร ท้องทุ่ง น้ำตก วิถีชีวิต วัฒนธรรมของคนชนบท หลากหลายชาติพันธุ์ที่มีความสุขกับวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ชีวิตไม่เร่งรีบ ไม่ต้องขับเคี่ยวกับการต่อสู้แบบเอาเป็นตายที่ทำให้เครียดกับการดำเนินชีวิต มีความสุขกับความเรียบง่าย และชื่นชมยินดีกับการพัฒนาด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชน แม้ว่าวันนี้ยังมีคนยากไร้เหลืออยู่บ้าง แต่ชีวิตของพวกเขาก็ไม่ได้ไร้หวังนะคะ อย่าดรามาเลยค่ะ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มาเป็นชุด! 'ดร.เสรี' ฟาดคนโอหัง ความรู้ไม่มี ทักษะไม่มี ไร้ภาวะผู้นำ น่าสมเพชอย่างแท้จริง
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า เตือนก็แล้ว ตำหนิก็แล้ว ต่อว่าก็แล้ว เยาะเย้ยก็แล้ว ล้อเลียนก็แ
ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้
เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ
เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!
เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม
จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!
ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก
ช่วงเค้าลางคดีสำคัญของนายกรัฐมนตรีก่อตัวในดวงเมือง
ขอพักการทำนายเค้าโครงชีวิตคนปี 2568 ไว้ชั่วคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคิวที่รออยู่คือท่านที่ลัคนาสถิตราศีตุล
ดร.เสรี ยกวาทะจัญไรแห่งปี 'เขาเว้นเกาะกูดให้เรา'
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ประโยควาทะอัปรีย์จัญไรแห่งปี "เขาเว้นเกาะกูดให้เรา" แสดงว่าเขาเมตตาเราสินะ เราต้องขอบคุณเขา สำนึกบุญคุณเขาใช่ไหม