
การส่งออก ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องยนต์ที่รัฐบาลหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นกำลังสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้ หลังจากที่เริ่มมีทิศทางดีขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันในช่วงต้นปี 2565 แนวโน้มภาคการส่งออกก็ยังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกในปีนี้จะขยายตัวได้ที่ 6%
แต่ล่าสุด ตัวเลขการส่งออกสินค้าของไทยในเดือน เม.ย.2565 พบว่า ขยายตัวที่ระดับ 9.9% โดยมีมูลค่า 23,521.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ชะลอตัวลงจากเดือน มี.ค.2565 ที่ภาพรวมการส่งออกสินค้าของไทยขยายตัวในระดับสูงถึง 19.5% โดยมีมูลค่า 28,859.6 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี นับตั้งแต่มีการบันทึกสถิติการส่งออกตั้งแต่ปี 2564
โดย ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (EIC SCB) ได้ออกบทวิเคราะห์ โดยระบุว่า การส่งออกของไทยในเดือน เม.ย.2565 ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า แม้จะยังเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ก็ตาม แต่หากหักทองคำ การส่งออกในเดือนนี้จะขยายตัวได้ 8.9% ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 9.5% ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าการส่งออกอาวุธไปญี่ปุ่นในเดือนนี้มีมูลค่ามากถึง 109.59 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าเป็นปัจจัยเพียงชั่วคราวและไม่สะท้อนภาพการส่งออกของไทย
ทั้งนี้ เมื่อลงไปดูในรายละเอียดด้านการส่งออกรายตลาด จะพบว่าเกือบทุกตลาดล้วนมีแนวโน้มหดตัวหรือทรงตัว มีเพียงกลุ่ม CLMV (กัมพูชา, สปป.ลาว, เมียนมา และเวียดนาม) และฮ่องกง ที่เร่งตัวขึ้น โดยปัจจัยฉุดสำคัญ ได้แก่ การส่งออกไปจีนที่หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 17 เดือน ที่ติดลบ 7.2% ขณะที่การส่งออกไปยุโรป (EU28) ยังขยายตัวได้ต่ำสุดในรอบ 14 เดือน ที่ระดับ 0% และการส่งออกไปรัสเซียยังคงหดตัวอย่างรุนแรง ติดลบ 76.8% และยูเครน ติดลบ 94.9% ส่วนการส่งออกไปสวิตเซอร์แลนด์ยังขยายตัวได้สูงที่ 392.2% จากการส่งออกทองคำเป็นหลัก
หากพิจารณามูลค่าการส่งออกในเดือน เม.ย. โดยหักทองคำ เทียบกับเดือน มี.ค. แบบปรับผลของฤดูกาล การส่งออกไทยจะขยายตัวเพียง 2.8% นับเป็นการขยายตัวที่ต่ำที่สุดในรอบ 3 เดือน และเริ่มสะท้อนถึงผลกระทบจากมาตรการปิดเมืองในจีน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ได้รับแรงกดดันหลายปัจจัย ทั้งจากภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง กดดันกำลังซื้อที่แท้จริงของผู้บริโภคทั่วโลก รวมทั้งสงครามในยูเครน และปัญหาชะงักงันของอุปทานและภาคขนส่งที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ การชะลอตัวของการส่งออกไทยสอดคล้องกับมูลค่าการส่งออกของประเทศส่งออกสำคัญอื่นที่ชะลอตัวลงเช่นเดียวกัน รวมถึงข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Global Manufacturing PMI) ที่ปรับตัวลดลง และดัชนีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ (Export orders) ที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 50 หรือหดตัว 2 เดือนติดต่อกัน!!
โดยการส่งออกสินค้าไปจีนหดตัวในเกือบทุกสินค้า นำโดยผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ยางพารา เป็นต้น ทั้งนี้ในระยะข้างหน้าหากสถานการณ์การระบาดและการใช้มาตรการปิดเมืองยังคงยืดเยื้อ รวมถึงภาวะทางเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง อาจส่งผลกระทบกับสินค้าส่งออกไทยหลายชนิดที่พึ่งพาจีนเป็นหลัก เช่น ผลไม้ และยางพารา
ทั้งนี้ EIC มองว่าการส่งออกของไทยในระยะถัดไปยังขยายตัวได้ในอัตราที่ “ชะลอลง” โดยมูลค่าการส่งออกของไทยในปี 2565 ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง ช่วงไตรมาสแรกของปี มูลค่าการส่งออกของไทยขยายตัวจากแรงหนุนด้านราคา 3.9% และจากด้านปริมาณ 11% แต่ในระยะถัดไปคาดว่าปัจจัยด้านปริมาณมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากอุปสงค์ตลาดโลกที่ลดลง เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวจากผลกระทบของภาวะสงครามและเงินเฟ้อ โดยเฉพาะในการผลิตและส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงรถยนต์
แต่จะได้รับแรงหนุนหลักจากราคาสินค้าส่งออกที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะสินค้าพลังงานและอาหาร จากปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่อาจทวีความรุนแรงขึ้นและยืดเยื้อนานกว่าคาด
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการนำเข้าสินค้านั้น EIC มองว่าจะยังขยายตัวในอัตราที่เร่งตัวกว่า จากปัจจัยด้านราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก โดยเฉพาะน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน ส่งผลให้ดุลการค้าของไทยปรับตัวลดลง และดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยขาดดุลต่อเนื่องในปีนี้.
ครองขวัญ รอดหมวน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เร่งสปีดSMEไทยด้วยนวัตกรรม
เอสเอ็มอีไทยถือเป็นกำลังสำคัญของระบบเศรษฐกิจประเทศ แต่ในขณะเดียวกันกลับต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งต้นทุนที่สูงขึ้น การแข่งขันที่รุนแรง และข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีและองค์ความรู้ ซึ่ง กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ
ผนึกพลังพัฒนากำลังคน
ท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก เทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็ว และการแข่งขันด้านต้นทุนที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คำถามสำคัญของอุตสาหกรรมไทยไม่ใช่เพียง “จะผลิตอย่างไรให้ได้มากขึ้น” แต่คือ “จะสร้างคนและองค์ความรู้แบบใดให้ยืนระยะในเวทีสากลได้จริง”
ปีใหม่เป้าลดอุบัติเหตุ 5%
ช่วงเทศกาลปีใหม่ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ประชาชนจำนวนมากออกเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถใช้ถนนเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว และมักตามมาด้วยความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุทางถนน
เมื่อสุขภาพคือความลักชัวรีแบบใหม่
ในยุคที่ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ทำให้เทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กับข้อมูลสุดอินไซต์ “ภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพของคนไทย” รับเทรนด์เศรษฐกิจอายุยืน
องค์กรต้องกล้าเปลี่ยนผ่าน
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่ง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)
แรงงานคืนถิ่น:ทางเลือกที่เป็นโอกาส
‘การเคลื่อนย้ายแรงงาน’ จากภูมิลำเนาเข้าสู่จังหวัดเศรษฐกิจเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานตอนต้น ซึ่งเป็นกำลังแรงงานสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา อย่างไรก็ตาม

