บันทึกหน้า 4

...แต่ก่อนจะไปถึงศึกซักฟอกที่สภา พบว่าสัปดาห์นี้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ช่วง 31 พฤษภาคม ถึง 2 มิถุนายน เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วงเงิน  3.185 ล้านล้านบาท ที่เป็นการพิจารณาวาระแรกขั้นรับหลักการ ซึ่งฝ่ายค้านให้ฉายาว่า "งบประมาณฉบับขอทานเลี้ยงวันเกิด" โดยตลอดการประชุมสามวันสามคืน จะมี ส.ส.ฝ่ายค้านเรียงหน้ากันขึ้นมาสับรัฐบาลและพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีกลางสภากันหลายสิบคน ผนวกกับคิวต่อไปอีกไม่นาน ฝ่ายค้านก็จะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ทำให้ฝ่ายค้านก็จะใช้เวทีงบฯ ให้ ส.ส.ฝ่ายค้านได้อุ่นเครื่องก่อนถึงศึกซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเน้นหนักไปที่การอภิปรายงบหลักๆ อย่าง งบกลาง งบกระทรวงกลาโหม  คลัง เป็นต้น แต่ที่คาดว่าจะโดนอภิปรายหนักๆ แบบชุดใหญ่ไฟกะพริบ คงไม่พ้นเช่น “งบกลาง” ที่เป็นงบหลักที่รัฐบาลจะตั้งกันไว้จำนวนหนึ่งเป็นหน้าตัก สำหรับใช้จ่ายกรณีมีเหตุจำเป็น และงบกระทรวงกลาโหม เพราะทั้งสองงบดังกล่าวอภิปรายกระทบชิ่งไปถึงพลเอกประยุทธ์ได้เต็มๆ ในฐานะนายกฯ ควบ รมว.กลาโหม ที่เมื่อไปสแกนดูอย่างงบกลางไว้ที่ 590,470,000,000 บาท ที่เพิ่มขึ้นจากปี 65 ที่ตั้งไว้ 587,409,336,900 บาท ขณะที่งบ “กระทรวงกลาโหม” ที่ตกเป็นเป้ามาตลอด โดยเฉพาะงบจัดซื้ออาวุธของเหล่าทัพต่างๆ คงโดนซัดรัวๆ เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อดูรายละเอียด              ตามเอกสารของสำนักงบประมาณเพื่อเปรียบเทียบงบประมาณรายจ่ายประจำปี ในช่วงสามปีคือ 2564-2566  พบว่างบกลาโหมมีการตั้งงบโดยตัวเลขลดลงต่อเนื่องมาตลอดในช่วงสามปีหลัง เพราะปี 64 ตั้งไว้ที่ 215,193,042,600 บาท ปี 65 ตั้งไว้ที่ 201,666,421,000 บาท และปี 66 ตั้งไว้ลดลงมาที่ 197,292,732,000 บาท

...ขณะที่เจาะลงไปที่งบของแต่ละกองทัพก็พบว่า “กองทัพบก” ในยุคพลเอกณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ เป็นผู้บัญชาการทหารบก พบว่างบ ทบ.ปีนี้ มีการปรับลดจากปี 65 ที่ตั้งไว้ 99,612,961,300 บาท แต่ปี 66 ปรับลดลงมา 96,573,434,700 บาท และในส่วนนี้มีการของบราชการลับไว้ 290 ล้านบาท ส่วนกองทัพเรือ ที่ช่วงหลังโดนเพ่งเล็งหนักเรื่องงบจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน แต่ช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา ก็ถูกฝ่ายค้านเตะสกัดตลอดเวลาพิจารณางบกองทัพเรือจนต้องแขวนระงับโครงการเบิกจ่ายงบประมาณมาสองสามปีแล้ว เมื่อไปดูรายละเอียดงบทหารเรือก็พบว่า รอบนี้ขอตั้งงบเพิ่มขึ้นแต่ไม่มากจากเดิมมาก เพราะปี 2565 ขอไว้ 40,207,193,500 บาท แต่ปี 66 ตั้งมา 40,322,525,100 บาท และพบว่ามีการตั้งงบโครงการพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพเรือไว้ที่ 13,031,970,200 บาท โดยมีระยะเวลาดำเนินการ  11 ปี นับจากปี 2560-2570 รวมใช้งบ 115,128,297,900 บาท เป็นต้น

ปิดท้ายที่ท่าทีของฝ่ายค้านว่าจะเอาอย่างไร แต่เรื่องรัฐบาลจะปล่อยให้ร่าง พ.ร.บ.งบฯ โดนคว่ำกลางสภา คาดว่าน่าจะเกิดยาก ยิ่งมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ยิ่งทำให้วิปรัฐบาลจะระมัดระวังมากเป็นพิเศษในการเช็กชื่อและเข็น ส.ส.รัฐบาลให้เข้าประชุมสภาโดยพร้อมเพรียง แต่ในส่วนของฝ่ายค้านทาง “สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย” บอกว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่มีมติโหวตคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ อย่างเป็นทางการ เพียงแต่พูดคุยกันภายในว่าไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.งบประมาณฯ คาดว่าในวันที่ 30 พ.ค. จะมีมติออกมาในการประชุมพรรคเพื่อไทยเพราะพบว่ารายละเอียดการจัดสรรงบไม่มีความเหมาะสมมีอยู่หลายส่วน ยกตัวอย่างเช่น งบประมาณกระทรวงกลาโหม ได้ท้วงติงไปหลายครั้งโดยเฉพาะการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ แม้ว่างบประมาณความมั่นคงจะลดลง แต่มีงบประมาณที่เพิ่มขึ้นในบางตัว ภาพรวมไม่อยากให้ใช้งบประมาณด้านความมั่นคง ในภาวะที่มีเศรษฐกิจแบบนี้ เพราะงบประมาณความมั่นคงยังไม่ลดลงในจุดที่สมควร พรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยมาตลอด... ก็เป็นท่าทีของฝ่ายค้านที่ยังไงก็ต้องไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลอยู่แล้ว ไม่เหนือความคาดหมายอะไร.

อัศจรรย์ใจ