ชัยชนะของบุรุษผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี

แก่ระดับนี้...คงไม่น่าจะทันแล้ว!!! สำหรับการคิดกลับไป เล่นกล้าม เพื่อให้เกิดความเป็น แมน เกิด ซิกแพ็ก เป็นมัดๆ เหมือนอย่างคุณน้า ชัชชาติ ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ ที่จะด้วยหุ่น ด้วยรูปร่าง หน้าตา อันทะมัดทะแมงแข็งขัน ระดับกลายไปเป็น ผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี หรือ แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี เป็น เทรดมาร์ก เป็น ยี่ห้อทางการค้า

ชนิดสามารถนำมาขายตรง-ขายอ้อมให้กับบรรดาชาว กทม.เมืองที่คนตกท่อ ได้นับเป็นล้านๆ เสียง ทิ้งห่าง ทิ้งขาด บรรดาคู่แข่งทั้งหลายแบบแทบไม่เห็นฝุ่น เห็นหาง...

คือคงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า...มาถึง ณ ขณะนี้ ถึงขั้นนี้ ก็ยังคิดไม่ออก-บอกไม่ถูกเหมือนกันว่า ความนิยมในตัวของท่านว่าที่ผู้ว่าฯ ชัชชาติ นั้น มันเนื่องมาจากเงื่อนไข เหตุปัจจัย อะไรต่อมิอะไรกันแน่!!! จะว่าเป็นเพราะ นโยบาย ที่งัดมานำเสนอต่อบรรดาชาว กทม.นับเป็นร้อยข้อ-สองร้อยข้อ ก็คงสรุปลำบาก เพราะขนาดผู้ที่ได้ชื่อว่าเชี่ยวชาญในการ โม้ ระดับหาตัวจับยาก หรือแทบไม่มีใครเทียบได้ อย่างคุณน้อง สมรักษ์ คำสิงห์ ยังเคยต้อง สอบตก มาแล้ว ในระหว่างการอาสาสมัครเป็น ส.ส. หรือ ส.อะไรต่อมิอะไรก็จำไม่ได้ซะแล้ว หรือพูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าจะโม้เก่ง โม้มาก ได้มาก-น้อยขนาดไหน แต่นั่นคงไม่ได้ถือเป็นเหตุปัจจัยเพียงอย่างเดียวล้วนๆ ที่จะทำให้เกิดรายการ แพ้-ชนะ ขึ้นในเวทีทางการเมือง...

ส่วนจะไป เหมา เอาว่า...เป็นเพราะผู้คน เบื่อบิ๊กตู่ เลยหันไปเทคะแนนให้กับคุณน้า ชัชชาติ ก็ไม่น่าจะถูกเรื่องซักเท่าไหร่อีกนั่นแหละ เพราะแม้ว่า บิ๊กตู่ นั้นออกจะ น่าเบื่อ อยู่พอสมควรทีเดียวเจียว แต่การเบื่อบิ๊กตู่ก็คงไม่ถึงกับถือเป็นความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องหันไป เทคะแนน ให้กับ ชัชชาติ หันไปเทกับ วิโรจน์ ชนดะ ให้กับ ผู้กองศิธา หรือแม้แต่ให้กับ หญิงเหล็กรสนา ฯลฯ ก็น่าจะพอใช้เป็นตัวแสดงออกถึง ความเบื่อ ในรูปหนึ่ง รูปใด ได้เช่นกัน แต่ในเมื่อบรรดาชาว กทม.นับเป็นล้านๆ ล้วนแล้วแต่หันมาเทให้กับ ชัชชาติ ระดับปาเข้าไปถึง 1.3-1.4 ล้านโน่นเลย ขณะคู่แข่งรายอื่นๆ เหลือคะแนนแค่ระดับไม่กี่หมื่น กี่แสน อันนี้...ต้องเรียกว่า มันน่าจะมีอะไรมากไปซะยิ่งกว่าความเบื่อโดยทั่วๆ ไป แต่ส่วนจะเป็นอะไรนั้น อย่างที่บอกๆ เอาไว้แล้วว่า คิดไม่ออก-บอกไม่ถูก อีกเหมือนกัน...

แต่ที่แน่ๆ...มันคงหนีไม่พ้นไปจากสิ่งที่เรียกว่า อารมณ์-ความรู้สึก อันอุบัติขึ้นมาภายใน จิตสำนึก และ จิตไร้สำนึก ของผู้คนในแต่ละคน แต่ละราย ไปตามสภาพ หรือที่อาจพอเรียกได้ว่า รสนิยม อะไรทำนองนั้น เพราะมันเป็นตัวก่อให้เกิดรสชาติ การได้กลิ่น การมองเห็นสีสัน ฯลฯ ของสิ่งที่เข้ามากระทบกับประสาทสัมผัสทั้ง 5 ทั้ง 6 ไม่ว่ารูปหนึ่ง รูปใด อันขึ้นอยู่กับการ ปรุงแต่ง ไปตามลักษณะ อัตตา ของใครก็ของมัน จนทำให้เกิด อุปาทาน ต่อสิ่งนั้นๆ เกิดความรัก ความชอบ ความหลงใหล ไปจนความเกลียด ความชัง ความเคียดแค้น อาฆาต ฯลฯ ได้ด้วยกันทั้งสิ้น แม้ว่า อุปาทาน นั้นๆ จะไม่ได้เป็นสิ่งที่เป็นจริง เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงๆ หรือเป็นเพียงแค่ มายาภาพ ที่ไม่อาจและไม่ควรยึดมั่น-ถือมั่น เอาเลยก็ตาม...

อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยทำให้ใครก็ตามที่ยังมีรัก มีหลง มีเกลียด มีชัง หรือ มีบวก-มีลบ กับสิ่งใดๆ ก็แล้วแต่ ที่ไหลเข้ามากระทบประสาทสัมผัสทั้ง 5 ทั้ง 6 จนทำให้เกิดการ ปรุงแต่ง อารมณ์-ความรู้สึกเหล่านี้ขึ้นมา ย่อมหนีไม่พ้นต้องวนไป-วนมาอยู่กับ มายาภาพ ในแต่ละรูป แต่ละลักษณะ อันนำมาซึ่งความสุขๆ-ทุกข์ๆ ขึ้นๆ-ลงๆ เปลี่ยนไป-เปลี่ยนมา เอาแน่-เอานอนอะไรแทบไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะถูกๆ-ผิดๆ ชั่วๆ-ดีๆ เอาไป-เอามาแล้ว...ต่างก็ย่อม อัปรีย์ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ดังที่อภิมหาพระ ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านได้เตือนๆ ไว้ขณะยังมีชีวิตอยู่ ว่ามีแต่ต้องไม่บวก-ไม่ลบ ไม่รัก-ไม่เกลียด หรือไม่หลงเหลือ อุปาทาน ใดๆ ไว้สำหรับการ ปรุงแต่ง อีกเลย อันนั้นนั่นเอง...ถึงจะพ้นไปจาก มายาภาพ ทุกๆ ชนิด มีโอกาสพบสัมผัสกับความจริงแท้ ความดีแท้ หรือความสมบูรณ์แบบชนิดไม่มีที่ติอีกต่อไป...

แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยเหตุเพราะบรรดาชาว กทม.ของหมู่เฮาทั้งหลาย ยังไม่ได้ถึงกับ นิพพาน ไปด้วยกันทั้งนั้น ยังคงต้องรักๆ-เกลียดๆ ชอบๆ-ชังๆ ไปตามสภาพ ตามแต่ อัตตา ของใครก็ของมัน การสร้าง อุปาทาน ในลักษณะหนึ่งลักษณะใด จนอาจกลายเป็น อุปาทานหมู่ เอาเลยก็ยังได้ จึงถือเป็นกรรมวิธีที่สำคัญเอามากๆ สำหรับบรรดา นักเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตยทั้งหลาย ชัยชนะ-ความพ่ายแพ้ของบรรดานักการเมืองแต่ละพรรค แต่ละราย จึงขึ้นอยู่กับขีดความสามารถในการสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาในแต่ละช่วง แต่ละระยะนั่นเอง ความหมุนเวียนเปลี่ยนผัน เปลี่ยนไป-เปลี่ยนมา ขึ้นๆ-ลงๆ แพ้มั่ง-ชนะมั่ง จึงถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับผู้ที่อยู่ในเส้นทางดังกล่าว แต่สำหรับใครก็ตาม...ที่ดันไป ยึดมั่น-ถือมั่น ต่อสิ่งเหล่านี้ โดยไม่คิดจะแยกแยะว่าอะไรคือ ความจริง อะไรคือ มายาภาพ กันแน่ ถึงกับคิดว่าการ แลนด์สไลด์ ของคุณน้า ชัชชาติ อาจนำไปสู่การ แลนด์สไลด์ ของ ตัวกูเอง ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ อันนั้นนั่นแหละ...สุดท้ายย่อมหนีไม่พ้นต้องวนไป-วนมา อยู่กับการขึ้นๆ-ลงๆ สุขๆ-ทุกข์ๆ ไม่ก็อาจถึงขั้น แพ้แล้ว...แพ้อีก ไม่มีโอกาสชนะใดๆ ได้เลย!!!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เด็กฝึกงาน...ไม่ผ่านโปร

ฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยหลังจากรู้ผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพที่สร้างความกังวลให้กับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคส้มหรือพรรคแดง

'ความเป็นไทย' กับกรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-ภาคใต้

ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง

ได้ฤกษ์ 'นายพล' ล็อต 2

ผ่านเดดไลน์ตามคำสั่ง ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกหน่วยส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น

ช่างกล้า...ช่างมั่น รับประกันด้วยตำแหน่ง

ในขณะที่ประชาชนผู้รักชาติ รักแผ่นดิน มีความเป็นห่วงเป็นใยว่าการเจรจาแบ่งผลประโยชน์จากทรัพยากรในท้องทะเลใต้เกาะกูดตามที่มีการลงนามความเข้าใจร่วม (MOU) 44

จาก...'ต้มยำกุ้ง' ถึง 'ต้มยำกบ'

ด้วยเหตุเพราะ ความคิดถึง อย่างสุดซึ้งถึงเพื่อนเก่า เพื่อนแก่ อย่าง เพื่อนแป๊ะ (โดย แป๊ะ รายที่ว่านี้ออกไปทาง เทพบุตร หรือคนละคนกับ แป๊ะ ปิศาจ) ที่ห่างหายไม่ได้เจอะหน้า เจอะตา

ทิศทางใหม่ 'สีกากี'

การจัดทัพปรับทิศ "กรมปทุมวัน" ในยุค ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ กุมบังเหียน "แม่ทัพใหญ่สีกากี" น่าสนใจ น่าติดตาม