สงครามยูเครนกับ ระเบียบโลกใหม่ (3)

โลกจะเปลี่ยนไปอย่างหนักหน่วงและรุนแรงเมื่อเกิดสงครามยูเครนที่เรายังไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อแค่ไหน และจะจบเมื่อใด

ประเทศไทยจะต้องเข้าใจสถานการณ์ระหว่างประเทศอย่างไร และยุทธศาสตร์ของเราจะต้องมีรูปแบบและเนื้อหาสาระอย่างไร

ผมตั้งวงคุยกับ ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี, อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ และปัจจุบันเป็นประธานคณะมนตรีเพื่อสันติภาพและการปรองดองแห่งเอเชีย (Asian Peace and Reconciliation Council – APRC) เพื่อมองหาทางออกสำหรับประเทศไทย

คอลัมน์เมื่อวานได้เล่าถึงการเสนอแนวคิดริเริ่มของจีนและสหรัฐฯ ที่ประเทศไทยจะต้องให้ความสนใจและศึกษารายละเอียดให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงให้จงได้

พอเกิดสงครามยูเครน โลกก็ถูกปรับเปลี่ยนไปพอสมควร

สหรัฐฯ เริ่มมองหามิตรหนักขึ้น ย้ำเรื่อง Indo-Pacific Concept และ Indo-Pacific Economic Framework มาใช้มากขึ้น

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เชิญผู้นำอาเซียนไปร่วมประชุมสุดยอดที่วอชิงตัน

ตอนหนึ่งของคำปราศรัย ไบเดนพูดว่า “ข้าพเจ้าให้ความสำคัญกับความเป็นศูนย์กลางของอาเซียน Asean Centrality”

 “ตอนที่ไบเดนพูดประโยคนี้แกก็กระแอมพอดีเลย และพูดต่อว่า I mean it sincerely แปลว่าแกพูดอย่างนั้นด้วยความจริงใจนะ จึงมีคนแซวว่าไบเดนพูดคำนี้แล้วกระแอมนั้นหมายความว่าเชื่ออย่างนั้นจริงหรือเปล่า...” ดร.สุรเกียรติ์เล่า

เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณว่าให้ความสำคัญกับอาเซียนมากขึ้น...ด้วยการยกระดับความสัมพันธ์เป็นความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์       ซึ่งก็รวมถึงไทยด้วย

นั่นเท่ากับเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ของอาเซียนไปเท่ากับของอาเซียนกับจีน

ส่วนไส้ในมีอะไรเป็นรูปธรรมหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

แต่ก็ต้องยอมรับว่าในบรรดาสมาชิกอาเซียนกันเองนั้น ส่วนหนึ่งก็อยากให้ใกล้ชิดกับจีน อีกส่วนหนึ่งก็ขยับใกล้อเมริกา

 “ไทยเราอยู่กลาง ๆ...อยากไปกับทั้ง 2 ประเทศ”

แต่อาเซียนเองมีประเด็นที่อาจจะแตกกันอยู่สัก 2 เรื่อง

เรื่องแรกเกี่ยวกับท่าทีต่อการที่รัสเซียบุกยูเครน

ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่าการลงมติในสหประชาชาติของสมาชิกอาเซียนก็ไม่เหมือนกัน

สิงคโปร์เป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ร่วมคว่ำบาตรรัสเซีย

การโหวตใน UN Human Rights Council ว่าจะเอารัสเซียออกหรือไม่ ก็ไม่เหมือนกัน

กรณีจุดยืนเกี่ยวกับเมียนมาก็เริ่มแตกกันในสมาชิกอาเซียนมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน

 “พูดตรงไปตรงมาก็คือ ขณะนี้อาเซียนอยู่ในสภาวะที่เสี่ยงมาก..กับการเข้าสู่อาเซียนที่จะไม่มีความหมายในเชิงสาระ...”

แต่อาเซียนมีภาพที่ดี มีสมาชิก 10 ประเทศ มีประชากรรวมกัน 640 ล้านคน มีความร่วมมือกันหลายๆ มิติ และไม่มีสงครามระหว่างกัน ซึ่งล้วนเป็นภาพที่ดี

แต่จุดอ่อนของอาเซียนก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ในโลกที่กำลังหมุนไปเร็ว ขณะที่อาเซียนเองเคลื่อนไปช้ากว่า

กรณียูเครนกับรัสเซียนั้นทำให้ระเบียบโลกต้องเปลี่ยนไปอีก

แต่ก็มีเรื่องน่าสนใจเรื่องหนึ่ง เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ประเทศเล็กๆ ที่มีประชากรอยู่เพียง 40,000 คน Liechtenstein เสนอมติเข้าสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ

และทั้งอเมริกา, ออสเตรเลีย, อังกฤษ รวมกันเป็น 10 ประเทศรวมกันสปอนเซอร์

เป็นข้อเสนอให้ลดการใช้อำนาจวีโตของสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคง

ข้อเสนอนี้บอกว่า เมื่อใดก็ตามที่ 5 ประเทศนี้ใช้อำนาจวีโต จะมีกลไกที่ trigger กำหนดให้ต้องส่งเรื่องนั้นเข้าสู่ที่ประชุมของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติภายใน 10 วัน

และให้ประเทศที่ใช้สิทธิ์วีโตนั้นไปอธิบายกับสมาชิกกว่า 190 ประเทศของยูเอ็นว่าทำไมจึงใช้สิทธิ์วีโต

ไม่ใช่มุบมิบทำกันใน 15 ประเทศที่เป็นสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคงแล้วก็จบไป

เรื่องอย่างนี้ไม่เคยมีมาก่อน

 “เรื่องการปฏิรูปสภาความมั่นคงแห่งชาติเริ่มตั้งแต่สมัยผมเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศโน่น แต่ก็ไปไม่ถึงไหน แต่อยู่ดีๆ เรื่องนี้ก็เสนอขึ้นมาได้...และปรากฏว่าที่ประชุมสมัชชาใหญ่รับรองข้อเสนอนี้ด้วยฉันทามติ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 24 เมษายนนี่เอง...” ดร.สุรเกียรติ์บอก

นั่นคือตัวอย่างว่าระเบียบโลกกำลังเปลี่ยนไปจริงๆ...แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ แต่ก็มีความสำคัญค่อนข้างมาก

ความกังวลของ ดร.สุรเกียรติ์ ณ วันนี้ก็คือ “ผมเห็นว่าโลกและประเทศไทยกำลังเดินเข้าสู่อันตรายมากกว่า 6 เดือนข้างหน้านี้”

 “ผมหวังว่าผมคาดผิดนะ...เพราะผลจากการแซงก์ชันรัสเซียนั้นก็มีผลอะไรตามมามากมาย...”

ดร.สุรเกียรติ์เสนอว่า เราต้องทำ Foresight หรือการมองไปข้างหน้าแล้วว่าภายในสิ้นปี 2565 จะเกิดอะไรขึ้นกับโลก

เราเห็นราคาปุ๋ยแพงขึ้น ต้นทุนของเกษตรกรพุ่งขึ้น และเงินเฟ้อมาทับซ้อนด้วย

 “แม้สหรัฐฯ ก็มีปัญหาเงินเฟ้อ แต่ไทยเราไปเทียบกับสหรัฐฯ ในเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะเงินเฟ้อของสหรัฐฯ กับของเราไม่เหมือนกัน เพราะสาเหตุต่างกัน...ของสหรัฐฯ นั้นเกิดขึ้นเพราะเศรษฐกิจดี เขาฟื้นจากโควิด เขามีการจับจ่ายใช้สอยที่ดี ของเขาคือ demand-pulled inflation ปัญหาเงินเฟ้อของเขามาจากความต้องการสินค้ามีเพิ่มขึ้น เพราะเศรษฐกิจเขาดีขึ้น เขาจึงต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย...”

ส่วนของไทยนั้น เศรษฐกิจกำลังทำท่าจะดีขึ้น เริ่มจะเปิดประเทศ เพิ่งสตาร์ทเครื่อง เงินก็เฟ้อแล้ว มันมาจาก cost-pushed คือมาจากต้นทุนของน้ำมัน, ปุ๋ย, ค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นหมด

ปัญหาใหญ่คือจะกระทบคนยากคนจน

ตอนเกิดต้มยำกุ้ง คนชนบทและเกษตรกรไม่ได้รับผลกระทบหนักเท่าไหร่

ตอนวิกฤตยูโรโซน ไทยก็กระทบน้อย เพราะธนาคารแห่งประเทศไทยค่อนข้างอนุรักษนิยม คนบ่นกันเยอะ กลายเป็นข้อดี เราไม่ได้ไปซื้อ derivatives มากเกินไป ก็จึงไม่พังมาก

แต่วิกฤตครั้งนี้มีผลกระทบต่อคนส่วนมาก กระทบต่อคนยากคนจน และ SMEs มีแต่บริษัทใหญ่ๆ และเทคสตาร์ทอัพบางแห่งที่ยังไปได้

 “เรากำลังเดินเข้าสู่จุดอันตรายมากๆ และถ้าเราไม่เตรียมอะไรไว้ ก็ยิ่งจะอันตรายมากขึ้น เพราะเงินที่เรากู้มาอุ้มราคาน้ำมันก็จะไม่พอ...เงินก็ต้องยิงให้ถูกเป้า ยิงแบบปูพรมไม่ได้เลย เพราะเงินเหลือน้อยแล้ว...”

(พรุ่งนี้ : คำถามใหญ่คือวิกฤตครั้งนี้จะยืดเยื้อไปนานเท่าไหร่?)

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ