มหามิตร 'จีน-อเมริกา'

โกอินเตอร์....

ภาพ "ลุงตู่" จับมือกับ "โจ ไบเดน" เล่นเอาบางคนถึงกับสำลัก

ที่จริงก็ไม่มีอะไรพิเศษ ในฐานะผู้นำประเทศด้วยกัน ปฏิบัติต่อกันแบบนี้เป็นเรื่องสากล เพียงแต่บางคนที่เอาแต่ท่องคาถา "บิ๊กตู่" เป็นเผด็จการทำไมอเมริกาให้การยอมรับ ว่าไปแล้วคนพวกนี้น่าสงสาร ไม่สามารถแยกแยะได้

ก็จมปลักอยู่กับการบูชานักโทษหนีคุกต่อไป

ครับ...มีข้อกังวลจากหลายฝ่ายเกรงว่าการไป อเมริกาของ "ลุงตู่" เที่ยวนี้จะเป็นการชักศึกเข้าบ้าน มีการยกเอายุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกของอเมริกา ว่าเป็นใบเบิกทางให้ อเมริกาเข้ามาตั้งฐานทัพในไทย

มองไกลไปถึงอเมริกาใช้ไทยเป็นฐานยิงขีปนาวุธ

ก็ว่ากันไปครับเพราะนั่นคือ "ข้อกังวล" ที่ประชาชนแสดงออกต่อรัฐบาลได้

เพียงแต่ในข้อเท็จจริง "ลุงตู่" จะคิดสั้นให้ไทยเป็นแบบยูเครนอย่างนั้นหรือ?

อเมริกาพยายามเข้ามาสร้างอิทธิพลในอาเซียนรอบใหม่จริง หลังจากมองจีนรุกคืบมานานหลายปี

ถ้าพูดถึงการตั้ง "ฐานทัพ" อาจเป็นความคิดที่เก่าไปแล้ว เพราะแท้จริงแล้ว "ความมั่นคง" แยกย่อยออกไปได้หลายความหมาย

เกือบทุกประเทศไม่พร้อมให้อเมริกาไปตั้งฐานทัพ  ขณะที่ประเทศที่อเมริกามีฐานทัพอยู่ก็เริ่มมีการต่อต้าน  เช่นที่ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ไต้หวันเอง

ฉะนั้นความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ถือเป็นประเด็นใหญ่สุดที่หลายชาติต้องการคุยกับอเมริกา ไม่ใช่ความมั่นคงทางทหารที่คุยแล้วสุ่มเสี่ยงก่อปัญหาอื่นตามมา

การประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ จึงไม่ใช่การชี้นิ้วสั่งโดยอเมริกาว่าจะเอาทหารไปวางตรงไหน ไปรบกับใคร  เพราะยุทธศาสตร์ทางทหาร อเมริกามีครอบคลุม อินโด-แปซิฟิก อยู่แล้วโดยไม่ต้องใช้อาเซียนเป็นฐาน

เลวร้ายสุด อเมริกาอาจชวนอาเซียนทำสงครามทางเศรษฐกิจกับจีน แต่คงไม่มีอาเซียนชาติไหนยอมทำตาม

เวียดนามที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับจีนก็คงปฏิเสธ เพราะทุนจีนในเวียดนามนั้นมหาศาล

ส่วนอาเซียนชาติอื่น อาทิ กัมพูชา ลาว มาเลเซีย ช่วงหลังมานี้ก็อาศัยทุนจีนในการพัฒนาประเทศ

ไทยเราทุนจีนมาลงทุนแทบจะน้อยที่สุด เพราะบทเรียนจากหลายๆ ประเทศในแอฟริกาทำให้ไทยระวังตัว  แต่ไทยก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำสงครามเศรษฐกิจกับจีน

ฉะนั้นจึงต้องทำความเข้าใจก่อนว่ายุทธศาสตร์ อินโด-แปซิฟิก ของอเมริกา คืออะไร

และอเมริกาต้องการอะไร

ประเทศอื่นต้องการตามอเมริกาด้วยหรือไม่

ในมุมมองอเมริกา "อินโด-แปซิฟิก" เป็นภูมิภาคที่ทอดยาวจากชายฝั่งแปซิฟิกไปจรดมหาสมุทรอินเดียและเป็นที่อาศัยของผู้คนกว่ากึ่งหนึ่งของประชากรโลก

มีขนาดเศรษฐกิจเกือบ ๒ ใน ๓ ของเศรษฐกิจโลก  รวมทั้งเป็นที่ตั้งของ ๗ กองทัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีทหารอเมริกันประจำการอยู่ในภูมิภาคนี้มากกว่าที่อื่นใดนอกสหรัฐฯ

ภูมิภาคนี้สนับสนุนงานของอเมริกามากกว่า ๓ ล้านตําแหน่ง และเป็นแหล่งที่มาของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในสหรัฐฯ เกือบ ๙ แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

ภูมิภาคนี้ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจถึง ๒ ใน  ๓ ของโลก จึงย่อมจะทรงอิทธิพลมากขึ้นและมีความสำคัญต่อสหรัฐฯ ยิ่งขึ้นไปในอนาคต

ยุทธศาสตร์ อินโด-แปซิฟิก ของอเมริกา พูดถึงจีนไว้อย่างน่ากลัว ราวกับเป็นปีศาจที่พร้อมทำลายทุกชาติ

อเมริกามุ่งให้ความสนใจภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกมากขึ้น ส่วนหนึ่งเนื่องจากภูมิภาคนี้เผชิญความท้าทายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากจีน

รายละเอียด ยุทธศาสตร์ อินโด-แปซิฟิก ของอเมริกา ระบุว่า ขณะนี้ จีนกําลังผสานพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ  การทูต การทหาร และเทคโนโลยีของตนโดยมุ่งหวังสร้างเขตอิทธิพลในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และพยายามจะเป็นมหาอํานาจที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก

จีนจึงวางอำนาจและรุกรานไปทั่วโลกโดยเฉพาะในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก พันธมิตรและหุ้นส่วนของเราในภูมิภาคนี้ต้องแบกรับความเสียหายอันเกิดจากพฤติกรรมอันเป็นภัยของจีน

ตั้งแต่การบีบบังคับทางเศรษฐกิจ (Economic  Coercion) ต่อออสเตรเลีย การสร้างความขัดแย้งตามแนวเส้นแบ่งเขตควบคุมตามความเป็นจริง (Line of Actual Control) กับอินเดีย

ไปจนถึงการเพิ่มแรงกดดันต่อไต้หวัน

และการระรานประเทศเพื่อนบ้านในทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้

ในปฏิบัติการดังกล่าวนั้น จีนยังได้บ่อนทําลายสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงเสรีภาพในการเดินเรือ ตลอดจนหลักการอื่นๆ ที่นําเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

ยุทธศาสตร์ที่เขียนขึ้นโดยอเมริกาฝ่ายเดียวนี้ทำให้จีนดูน่ากลัวจริง

แต่หลายชาติในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ก็ไม่ได้เป็นศัตรูกับจีน หนำซ้ำหลายๆ ประเทศเริ่มตั้งคำถามกับอเมริกาว่า กำลังนำสงครามมาสู่ภูมิภาคนี้หรือเปล่า

อาเซียนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ อินโด-แปซิฟิก

อเมริกามีเป้าหมายกุมอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกไว้ โดยมีอำนาจทางทหารคอยคุมเชิง แต่ก็ใช่ว่าพร้อมจะทำสงครามกับจีน เพื่อแย่งชิงความเป็นเบอร์ ๑ ของโลก

และจีนเองก็ไม่พร้อมทำสงครามกับใคร โดยเฉพาะชาติในอาเซียน

บทเรียนสงครามยูเครนทำให้หลายๆ ประเทศตระหนักแล้วว่า ไม่ควรให้ภูมิภาคของตัวเองเป็นสนามรบของอเมริกา

แต่ถ้าจะทำการค้า ก็มาคุยกัน

ฉะนั้นการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ จะจบลงด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ไม่มีเรื่องความร่วมมือทางทหารเพิ่มเติม นอกจากการฝึกร่วมผสม คอบราโกลด์ และการฝึกทางทหารอื่นๆ ที่ทำมาต่อเนื่องอยู่แล้ว

กลับมาดูจีนกันหน่อยครับ

ท่าทีของจีนที่มีต่อไทยจากกรณี ลาซาด้า นั้นได้ใจคนไทยไปเต็มๆ  

เพจ Chinese Embassy Bangkok ของสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยหยิบเอากรณีนี้มาเผยแพร่ โดยโฆษกสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ตอบคำถามเกี่ยวกับความไม่เหมาะสมในคลิปโฆษณาของลาซาด้า

Q : เมื่อเร็วๆ นี้ คลิปโฆษณาของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Lazada ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในประเทศไทย สถานทูตจีนมีความรู้สึกอย่างไร

A : สถานทูตจีนประจำประเทศไทยรับทราบเหตุการณ์ดังกล่าว คิดเหมือนกันว่าคลิปโฆษณาที่เกี่ยวข้องมีเนื้อหาที่ยอมรับไม่ได้

Remarks of the Spokesperson of the Chinese  Embassy to the Kingdom of Thailand Concerning An  Advertisement on An E-commerce Platform

Q : Recently, a promotional video clip on e-commerce platform Lazada has sparked controversy in  Thailand. Does the Chinese Embassy have any comment?

A : The Chinese Embassy in Thailand has noticed  the incident, and shares the same view that the  content in the video is unacceptable.

ครับ...ที่จริงแล้วคนไทยไม่ได้ตั้งคำถามกับคนจีนหรือรัฐบาลจีน

แต่ถามหาความรับผิดชอบจากลาซาด้า ซึ่งเป็นธุรกิจยักษ์ใหญ่ของจีน

คำตอบที่ว่า "คิดเหมือนกันว่าคลิปโฆษณาที่เกี่ยวข้องมีเนื้อหาที่ยอมรับไม่ได้" นี่คือการตอบอย่างเป็นมิตร และมีความเข้าอกเข้าใจคนไทย

จีนรับรู้ว่าคนไทยให้ความเคารพในสถาบันพระมหากษัตริย์

และจีนแสดงท่าทีไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป โดยที่รัฐบาลจีนไม่ทำอะไรเลย

กลับไปดูท่าทีของอเมริกาที่มีต่อไทยก่อนหน้านี้ต่างราวฝ่ามือกับหลังเท้า

แต่เราก็ไม่ควรเป็นศัตรูกับอเมริกา เพราะโลกเชื่อมถึงกันหมด

ถ้าถามว่าใครเป็นมิตรกว่ากัน

จีนเข้าใจคนไทยมากกว่า.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ทักษิณ' ตายเพราะปาก

แนวโน้มเริ่มมา... ปลาหมอกำลังจะตายเพราะปาก เรื่องที่ "ทักษิณ ชินวัตร" ไปปราศรัยใหญ่โต เวทีเลือกตั้งนายก อบจ.หลายจังหวัด ทำท่าจะเป็นเรื่องแล้วครับ

พ่อลูกพาลงเหว

มันชักจะยังไง.... พ่อลูกคู่นี้จะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว ก่อนนี้ "ทักษิณ" ริ "ยิ่งลักษณ์" ยำ

นี่แหละตัวอันตราย

การเมืองปีงูเล็กจะลอกคราบ เริ่มต้นใหม่ ไฉไล กว่าเดิม หรือจะดุเดือดเลือดพล่าน ไล่กะซวก เลือดสาดกันไปข้าง

เบื้องหลังผู้ลี้ภัย

เริ่มต้นปีก็ประกาศกันคึกคักแล้วครับ ทั้งฝั่งตรวจสอบ "ทักษิณ" ยัน "ผู้ลี้ภัย" สำหรับ "ทักษิณ" ปีนี้น่าจะโดนหลายดอกตั้งแต่ต้นปี

วันนี้ของ "วันนอร์"

ไม่ค่อยได้เขียนถึง "อาจารย์วันนอร์" สักเท่าไหร่ เพราะไม่มีเหตุให้ต้องวิพากษ์วิจารณ์ แม้แต่ฉายา “รูทีนตีนตุ๊กแก” ที่นักข่าวรัฐสภาตั้งให้ ก็ยังแอบเคืองแทน หาว่ากอดเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนฯ แน่น