ช่วงสุดท้ายแห่งโค้งวัดเบญจะฯ

ช่วงระหว่างนี้...ถ้าพูด ภาษาม้า ต้องเรียกว่าช่วง โค้งวัดเบญจะฯ คือแซง-ไม่แซง เบียด-ไม่เบียด สามารถตามหายใจรดต้นคอกันและกันได้หรือไม่? อย่างไร? ก็อยู่ที่ระยะห่าง-ระยะเคียง อยู่ที่ลักษณะอาการของการหวด การลงแซ่ การโขยก การกระตุ้นและการกระทุ้ง ให้ม้าแต่ละม้า เร่งฝีเท้า เร่งความเร็ว กันได้มาก-น้อยเพียงไหน โดยเฉพาะเมื่อเหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์กว่าๆ สำหรับการแข่งม้า เพื่อชิงถ้วย ผู้ว่าฯ กทม. ที่ใกล้จะรู้หมู่ รู้จ่า อีกไม่ใกล้-ไม่ไกล...

---------------------------------------------

แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าโพลไหนต่อโพลไหน ม้าที่มีกล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี อย่าง ม้าชัชชาติ ก็ยังคงมาแรง แซงโค้ง อย่างไม่คิดจะเหี่ยวปลาย ไม่คิดจะหัวตก เอาเลยแม้แต่น้อย เล่นเอาบรรดาม้าต่างๆ ที่ไล่ตาม ไล่โขยก เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า ชนิดน้ำลายแทบฟูมปาก คิดไม่ออก-บอกไม่ถูก

ว่าอะไรจะแค่ใส่เสื้อกล้าม-หิ้วถุงแกง มันถึงได้มาแรง แซงโค้ง ไปได้ถึงปานนี้ เพราะนอกเหนือไปจากนี้ เมื่อดูถึงคุณลักษณะ หรือคุณสมบัติอื่นๆ ม้าชัชชาติ ก็คงไม่ได้ผิดแผก แตกต่าง ไปจากม้าตัวอื่นๆ มากมายซักเท่าไหร่นัก ในการ สมรักษ์ คำสิงห์ (โม้) ว่าจะทำโน่น ทำนี่ โดยจะทำได้-ทำไม่ได้ แต่คงต้อง โม้ เอาไว้ก่อน อะไรประมาณนั้น...

----------------------------------------------

แต่การวัดตัดสินการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในเที่ยวนี้...มันคงไม่ได้เกี่ยวกับการ โม้ หรือรายละเอียดในการ โม้ มากมายซักเท่าไหร่ แต่น่าจะหนักไปทาง อุปาทาน หรืออารมณ์-ความรู้สึก ที่ไม่ว่าจะเกิดจากการคิดเอง-เออเอง หรือจากการสร้างสมสั่งสม กันทีละนิด-ทีละน้อย จนกลายเป็น อุปาทานหมู่ ไปจนได้ คล้ายๆ ประเภท เจ๊กลากไป-ไทยลากมา อะไรประมาณนั้น ด้วยเหตุนี้...การใส่เสื้อกล้าม-หิ้วถุงแกง โชว์ให้เห็น ซิกแพ็ก เป็นมัดๆ ของคุณน้า ชัชชาติ มาตั้งแต่เริ่มแรก ตั้งแต่ประเดิมเริ่มต้น มันเลยเป็นอะไรที่เข้าไปติดตรา ตรึงใจ ติดอยู่ในอารมณ์-ความรู้สึกของผู้คน กลายเป็นอุปาทานหมู่ อุปาทานส่วนตน อย่างมิอาจชำระล้างกันได้ง่ายๆ...

-----------------------------------------------

ยิ่งคุณน้า ชัชชาติ ท่านรู้จักเบี่ยง รู้จักเลี่ยง ไม่ปล่อยให้ อัตตา หรือตัวตนของตน ถูกครอบคลุม ปกคลุม เอาไว้ด้วยภาพอันน่าเกลียด น่ากลัว สำหรับผู้คนบางกลุ่ม บางประเภท นั่นก็คือ...ภาพแห่งการแสยะยิ้ม หรือรอยยิ้มอันเต็มไปด้วยร้อยเล่ห์ เพทุบาย ของคุณพี่ โทนี่-โทนาฟ ที่มีทั้งคนรัก-คนชัง ไม่น้อยไปกว่ากันและกันซักเท่าไหร่นัก หรือไม่คิดจะเห่า ไม่คิดจะกัดใครก็ตาม ที่บังอาจเข้ามา แตะ คุณหลาน อุ๊งอิ๊ง เหมือนอย่างบรรดาสุนัขแก่ สุนัขชรา ในพรรคเผาไทยทั้งหลาย การฉากหลบ แฉลบออกข้าง มาตั้งแต่เบื้องแรก ไปจนถึงเบื้องกลางและเบื้องปลาย จึงน่าจะมีผลทำให้ท่านยังสามารถประคับประคอง อุปาทานหมู่ แห่งความเป็น บุรุษผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี ไว้ได้จนตราบ ณ วินาทีนี้...

-------------------------------------------------

แต่ถ้าหากลองคุณพี่ โทนี่-โทนาฟ ดันโผล่ออกมา เชียร์ คุณน้า ชัชชาติ ขึ้นมาเมื่อไหร่!!! อันนั้นนั่นแหละ...ทุกสิ่งทุกอย่างอาจเป็นไปดังที่ผู้อำนวยการ นิดาโพล ท่านสรุปเอาไว้ล่วงหน้า ว่ามีสิทธิ์ เจ๊ง...กับ...เจ๊ง หรือ น็อก หรือ ทีเคโอ กลางอากาศเอาง่ายๆ แต่ในเมื่อการวางระยะห่าง-ระยะเคียง ระหว่างคุณน้า ชัชชาติ กับคุณพี่ โทนี่-โทนาฟ ยังเป็นไปได้ด้วยดี หรือยังไม่ก่อให้เกิด คำถาม ถึงความเป็นอิสระ-ไม่อิสระ ของ ม้า ตัวนี้ หรือผู้สมัครรายนี้ ม้าชัชชาติ ก็เลยโขยกแล้ว โขยกเล่า ทิ้งบรรดาม้าอื่นๆ ชนิดแทบไม่เห็นฝุ่น เห็นหาง...

-----------------------------------------------------

ส่วนอะไรจะเหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร...คงไม่ต้องเสียเวลาคิดมาก หรือคิดเล็ก-คิดน้อยแต่อย่างใด เพราะเรื่องของการเลือกตั้ง อันเป็นขั้นตอนสำคัญของกระบวนการ ประชาธิปไตย ทั้งหลาย สุดท้ายแล้ว...มันก็คือเรื่องของ อุปาทาน เราดีๆ นี่เอง!!! ไม่ได้มีอะไรมากมายเกินไปกว่านั้น คือใครสามารถสร้างอุปาทาน หรือสนองตอบต่ออุปาทาน ในแต่ละช่วง แต่ละระยะ กันได้มากมายขนาดไหน เป็นน้ำ เป็นเนื้อ เป็นหนัง ถึงเพียงใด อันนั้นนั่นแหละ...ก็ย่อม กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี กันได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ แม้ว่าอีกไม่นาน-ไม่ช้า วัน-เวลาอาจทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป จนผู้ที่กล้ามใหญ่อาจกลายเป็นผู้ที่ง่อยเปลี้ย-เสียขาเอาดื้อๆ แต่คงต้องรอไปจนกว่าจะเกิดการเลือกตั้งครั้งใหม่โน่นเลยถึงจะลบล้าง อุปาทาน เดิมๆ และเริ่มสร้างอุปาทานใหม่ๆ กันไปตามสภาพ...

-----------------------------------------------------

เหมือนอย่าง เลือกตั้งฟิลิปปินส์ ที่เพิ่งผ่านมานั่นแหละทั่น...จากที่เคยทั้งเกลียด ทั้งชัง ทั้งขมขื่น ต่อสิ่งที่อดีตผู้นำอย่าง เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส เคยสร้างเอาไว้ให้กับบรรดาชาวตากาล็อกทั้งหลาย ชนิดแทบหลับไม่ลง-ลืมไม่ลงเอาเลยก็ว่าได้ แต่เมื่อวัน-เวลาได้หมุนเวียน เปลี่ยนไป เพียงแค่ 30 กว่าปีเท่านั้นเอง บรรดา คนรุ่นใหม่ ที่ไม่เคยรู้จัก มักจี่ ไม่เคยนึกภาพ เห็นภาพ ของบรรดาสิ่งเหล่านี้ได้ชัดเจน ได้มากมายซักเท่าไหร่ ก็เลยหันไปเทคะแนนให้กับ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ หรือ บงบง จนแลนด์สไลด์ แอฝะลานช์ หรือ นอนมา โดยไม่ต้องนิมนต์พระรายใดสวดนำหน้าเอาเลยแม้แต่น้อย...

---------------------------------------------------

การอาศัยอุปาทานหมู่ หรืออุปาทานส่วนตัว เป็นเครื่องชี้วัด ตัดสิน ความพ่ายแพ้และชัยชนะ ภายใต้กระบวนการที่เรียกว่า ประชาธิปไตย ในลักษณะเช่นนี้ แม้ว่ามันจะดู แควร์ (แฟร์) หรือขาวสะอาดซักเพียงไหน แต่ก็นั่นแหละ...มันอาจก่อให้เกิดความไม่เหมาะ-ไม่ควร หรือกระทั่งไม่ถูก-ไม่ต้อง ไม่สอดคล้องรองรับกับ ฉากสถานการณ์ แต่ละฉาก ที่มีแต่ต้องหมุนเวียน เปลี่ยนไป ตามสภาพ ยิ่งโดยเฉพาะโลกยุคใหม่ สมัยใหม่ ที่การสร้างอุปาทานในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี มันสามารถทำได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ โดยเฉพาะภายใต้การเอื้ออำนวยของอุปกรณ์-เครื่องมือ หรือของ เทคโนโลยี สมัยใหม่ ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าจะประชาธิปไตยในประเทศไหนต่อประเทศไหน สังคมไหนต่อสังคมไหน มันเลยออกจะเละเป็นขี้-เละเป็นโจ๊ก ยิ่งขึ้นไปทุกที ส่วนประชาธิปไตยในประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา มันเลยคงต้อง กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี กันไปตามเรื่อง ตามราวนั่นแหละทั่น อันเนื่องมาจากเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงต้องเป็นไปอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ...

----------------------------------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก Art Spander... “The great thing about democracy is that it gives every voter a chance to do something stupid.- สิ่งที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับประชาธิปไตย ก็คือมันเปิดโอกาสให้ผู้ลงคะแนนทุกคนได้ทำในสิ่งที่โง่ๆ...”

-----------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!

เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย

ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”

หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น